Barry Callebaut เจ้าของโรงงานช็อกโกแลต ใหญ่สุดในโลก ราคาหุ้น -50% ใน 4 ปี /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงช็อกโกแลตของ Barry Callebaut คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการขนมหวาน ก็น่าจะไม่คุ้นหูกันเท่าไร

แต่จริง ๆ แล้ว หลายคนเคยกินช็อกโกแลตของบริษัทนี้ เพราะ Barry Callebaut ขายช็อกโกแลตให้กับหลายแบรนด์ใหญ่ เช่น Mondelēz, Nestlé และ Hershey

รวมถึงร้านเบเกอรีส่วนใหญ่ ก็เลือกใช้ช็อกโกแลตหรือโกโก้ของ Barry Callebaut เพราะคุณภาพดี และหาซื้อง่าย

แต่ทั้งที่มีลูกค้าเป็นบริษัทใหญ่ แล้วยังมีลูกค้าประจำเป็นร้านเบเกอรี ทำไมราคาหุ้นของ Barry Callebaut ถึงร่วงลงกว่า -50% ภายใน 4 ปี ?

เกิดอะไรขึ้นกับ Barry Callebaut ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
Barry Callebaut คือ บริษัทช็อกโกแลตที่มีประวัติยาวนานกว่า 180 ปี ซึ่งเกิดจากการควบรวมกัน
ของ 2 บริษัทช็อกโกแลตคุณภาพสูง ก็คือ

- Cacao Barry ก่อตั้งเมื่อปี 1842 ในฝรั่งเศส
โดดเด่นในเรื่องรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งช็อกโกแลตและผงโกโก้ จากแหล่งปลูกที่หลากหลาย

- Callebaut ก่อตั้งเมื่อปี 1911 ในเบลเยียม
โดดเด่นด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ให้รสชาติออกมากลมกล่อมตามสไตล์ช็อกโกแลตเบลเยียมแท้

โดยคนสำคัญที่ทำให้เกิดการควบรวมก็คือ คุณ Klaus Jacobs นักธุรกิจและนักลงทุนชาวสวิส เชื้อสายเยอรมัน ซึ่งเคยทำธุรกิจกาแฟและช็อกโกแลตมาก่อน

ในปี 1990 Jacobs Holding บริษัทด้านการลงทุนของคุณ Klaus ได้เข้าซื้อกิจการ Callebaut เข้ามา

ต่อมาในปี 1996 ก็ได้ควบรวม Callebaut กับ Cacao Barry แล้วกลายมาเป็น Barry Callebaut

ซึ่ง Barry Callebaut ก็ได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 1998

ด้วยความโดดเด่นทั้งเรื่องการเฟ้นหาวัตถุดิบจากหลากหลายแหล่งปลูกของ Cacao Barry และกรรมวิธีผลิตแบบเบลเยียมของ Callebaut

ทำให้ Barry Callebaut กลายมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตช็อกโกแลตเจ้าใหญ่ของโลก

โดยปัจจุบัน Barry Callebaut มีโรงงานอยู่ 62 แห่งทั่วโลก และหนึ่งในนั้นก็คือ โรงงานช็อกโกแลตใหญ่ที่สุดในโลกที่เมือง Wieze ประเทศเบลเยียม

Barry Callebaut มีการผลิตช็อกโกแลต 2,300,000 ตันต่อปี

ตัวอย่างลูกค้าที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ก็เช่น Mondelēz, Nestlé และ Hershey

ทำให้เราอาจเคยกินช็อกโกแลตของบริษัทนี้ ผ่านสินค้าหลากหลายแบรนด์ดัง เช่น KitKat Ruby แบรนด์ในเครือ Nestlé ช็อกโกแลตสีชมพู ซึ่ง Callebaut เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา

นอกจากช็อกโกแลต สินค้าของ Barry Callebaut ยังมีอีกหลายอย่าง ทั้งผงโกโก้ ผลคาเคาสด ถั่ว และช็อกโกแลตสำหรับตกแต่ง

โดยสัดส่วนรายได้ของ Barry Callebaut แบ่งเป็น

- 66% ช็อกโกแลตสำหรับบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

- 20% สินค้ากลุ่มผงโกโก้

- 14% ช็อกโกแลตสำหรับเชฟและร้านเบเกอรี ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ เช่น Cacao Barry, Callebaut, Carma, Van Houten

ทีนี้เราลองมาดูผลประกอบการของ Barry Callebaut
(ปีการเงินของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม)

ปี 2021
รายได้ 269,600 ล้านบาท กำไร 14,300 ล้านบาท

ปี 2022
รายได้ 302,700 ล้านบาท กำไร 13,500 ล้านบาท

ปี 2023
รายได้ 316,900 ล้านบาท กำไร 16,600 ล้านบาท

ปี 2024
รายได้ 388,600 ล้านบาท กำไร 7,100 ล้านบาท

จะเห็นว่า รายได้ของ Barry Callebaut เติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยประมาณ 13% ต่อปี

แต่ถ้าเราลองไปดูรายได้ที่เพิ่มขึ้นของปี 2024 จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วบริษัทขายได้ปริมาณเท่าเดิม แต่มีการขึ้นราคาสินค้า เลยทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ซึ่งโมเดลธุรกิจของ Barry Callebaut จะเป็นแบบ Cost-Plus Pricing Model ก็คือการขึ้นราคาสินค้า ตามราคาวัตถุดิบที่ผันผวน

เพราะวัตถุดิบหลักของ Barry Callebaut คือ พวกสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง น้ำตาล และโกโก้

โดยเฉพาะโกโก้ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงโรคระบาดในต้นคาเคา โดยเฉพาะในกานาและโกตดิวัวร์ ซึ่งเป็นแหล่งโกโก้ที่สำคัญของ Barry Callebaut

แม้จะใช้โมเดลธุรกิจดังกล่าว แต่ต้องบอกว่า Barry Callebaut มีอำนาจต่อรองราคากับลูกค้าต่ำ และไม่สามารถขึ้นราคาได้มากตามราคาของโกโก้

เพราะบริษัททำสัญญาระยะยาวกับลูกค้ารายใหญ่ ที่สั่งซื้อปริมาณมาก เลยมักจะกดราคาให้ต่ำลง

และบางบริษัท เช่น Nestlé ก็มีโรงงานผลิตช็อกโกแลตของตัวเอง ไม่ต้องพึ่ง Barry Callebaut มากนัก

ส่วนในตลาดเชฟทำขนม ก็มีการแข่งขันที่สูงมาก และมีอีกหลายแบรนด์ที่คุณภาพของสินค้าดีเช่นเดียวกัน เลยทำให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนซัปพลายเออร์ได้ง่าย

นั่นเลยทำให้ Barry Callebaut ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นบางส่วน จึงไม่สามารถผลักภาระไปให้ลูกค้าได้ทั้งหมดนั่นเอง

นั่นเลยเป็นเหตุผลที่รายได้ของ Barry Callebaut เพิ่มขึ้น แต่กำไรลดลงอย่างมาก

จากปัจจัยเรื่องราคาโกโก้แพงสุดในรอบ 50 ปี
ที่กดดันผลประกอบการของบริษัท

ประกอบกับความกังวลของนักลงทุน เรื่องที่บริษัท แม้จะเป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ของโลก แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจต่อรองกับลูกค้า มากเท่าที่คิด โดยเฉพาะกับแบรนด์ใหญ่ ๆ

ก็ส่งผลให้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Barry Callebaut ได้ปรับตัวลง -20%
และร่วงลงกว่า -50% ภายในเวลาเพียง 4 ปี..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://finance.yahoo.com/quote/BARN.SW/financials/
-https://www.barry-callebaut.com/en/about-us/our-history
-https://www.barry-callebaut.com/en/brands
-https://www.belgiansmaak.com/largest-chocolate-factory-in-the-world-barry-callebaut-chocolates/
-รายงานประจำปี 2024 ของบริษัท