ASICS หุ้นรองเท้าที่ร้อนแรงสุด เป็นหุ้น 5 เด้ง ใน 5 ปี

ASICS หุ้นรองเท้าที่ร้อนแรงสุด เป็นหุ้น 5 เด้ง ใน 5 ปี

ASICS หุ้นรองเท้าที่ร้อนแรงสุด เป็นหุ้น 5 เด้ง ใน 5 ปี /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงหุ้นรองเท้าที่ร้อนแรงในตอนนี้ หลายคนจะนึกถึง On Holding เจ้าของรองเท้า On Cloud
ตั้งแต่ต้นปีหุ้น On Holding
ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 100% หรือ 1 เด้ง
แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน มีหุ้นรองเท้าที่สร้างผลตอบแทนมากกว่าหุ้น On Holding
หลายคนอาจแปลกใจ ถ้าบริษัทนั้นคือ ASICS บริษัทรองเท้า สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 70 กว่าปี
โดยตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้น ASICS ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว มากถึง 167%
ไม่เพียงเท่านั้น หากนับในรอบ 5 ปี หุ้น ASICS เป็นหุ้นรองเท้าที่สร้างผลตอบแทนมากถึง 584% หรือมากกว่า 5 เด้ง
ซึ่งนับว่าเป็นหุ้นรองเท้า ที่สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มากที่สุด
แล้วอะไรทำให้ ASICS กลายมาเป็นหุ้น 5 เด้ง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือในปี 1950 ในประเทศญี่ปุ่น
โดยเป็นปีที่ Onitsuka Tiger เปิดตัวรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นแรก
หลังจากนั้น Onitsuka Tiger ก็พัฒนาสินค้ามาเรื่อย ๆ จนเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงมากขึ้น
จนในปี 1977 Onitsuka Tiger ก็ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท GTO และ JELENK ก่อตั้งเป็นบริษัท ASICS ขึ้นมา
และมีการแบ่งเป็น 2 แบรนด์หลัก โดยให้
Onitsuka Tiger เน้นไปทางรองเท้าแฟชั่น
ส่วน ASICS เน้นไปทางรองเท้าวิ่งและรองเท้ากีฬาโดยเฉพาะ
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ ลวดลาย 4 เส้น บนตัวรองเท้าของ Onitsuka Tiger กับ ASICS เหมือนกัน นั่นเอง
หลังจากนั้นบริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
จนตอนนี้ มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 486,000 ล้านบาท
และราคาหุ้นของ ASICS +584% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
แล้วช่วงเวลาเหล่านี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
ก่อนอื่นมาดูผลประกอบการย้อนหลังของ ASICS Corporation ในช่วงที่ผ่านมากันก่อน
ปี 2020
รายได้ 72,700 ล้านบาท ขาดทุน 3,600 ล้านบาท
ปี 2021
รายได้ 89,300 ล้านบาท กำไร 2,000 ล้านบาท
ปี 2022
รายได้ 107,100 ล้านบาท กำไร 4,400 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 126,000 ล้านบาท กำไร 7,800 ล้านบาท
9 เดือนแรกของปี 2024
รายได้ 117,700 ล้านบาท กำไร 14,500 ล้านบาท
จะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2020 ถึงปี 2023
รายได้ของบริษัท เติบโตเฉลี่ย +20% ต่อปี
และที่น่าสนใจก็คือ ASICS ​สามารถพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร และหลังจากนั้นกำไรก็เพิ่มขึ้นเฉลี่ย +97% ต่อปี
และนี่คือสัดส่วนรายได้ปี 2023 ของบริษัท โดยหลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบรนด์
ภายใต้แบรนด์ ASICS
- 50.1% มาจาก รองเท้าวิ่ง
- 12.6% มาจาก รองเท้ากีฬา เช่น เทนนิส, วอลเลย์บอล
- 10.4% มาจาก รองเท้าแฟชั่นสไตล์กีฬา (Sportstyle)
- 6.3% มาจาก เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา
- 10% มาจาก รายได้อื่น ๆ
ภายใต้แบรนด์ Onitsuka Tiger
- 10.6% มาจากแบรนด์ Onitsuka Tiger โดยรวมทั้งรองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ซึ่งการเติบโตของบริษัทเริ่มจากกลุ่มรองเท้าวิ่งในช่วงปี 2021 หรือหลังจากล็อกดาวน์ ที่หลายคนทำงานที่บ้านแล้วต้องการรองเท้าสวมใส่สบาย
ทำให้กลุ่มรองเท้าวิ่งของ ASICS เติบโตเช่นเดียวกับรองเท้าวิ่งแบรนด์อื่น ๆ เช่น Hoka และ On Running
ต่อมาในปี 2022 ยอดขายรองเท้ากลุ่มอื่นของ ASICS ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน อย่างเช่น รองเท้ากีฬาเฉพาะทาง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการกลับมาเล่นกีฬาได้ตามปกติ
แต่ที่น่าสนใจคือ รองเท้ากลุ่มแฟชั่นสไตล์กีฬา (Sportstyle) ที่เติบโตปีละกว่า +30% จนมาถึงตอนนี้
รองเท้า Sportstyle ของ ASICS คือรองเท้าผ้าใบทรงใหญ่ ๆ ซึ่งมักถูกเรียกว่า Dad Sneakers หรือรองเท้ารุ่นพ่อที่ถูกมองว่าเชย
แต่ด้วยตอนนั้นเทรนด์การแต่งตัวสไตล์ Y2K กำลังเป็นที่นิยม เลยทำให้รองเท้ากลุ่ม Dad Sneakers กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
กลายเป็นว่าสไตล์ก็ถูกใจกลุ่ม Gen Z แถมยังใส่สบายอีก
และยังได้เพิ่มกลุ่มลูกค้าของ ASICS จากแค่นักกีฬา นักวิ่ง และคุณพ่อที่ชอบใส่รองเท้าสบาย มาสู่กลุ่ม Gen Z
ตัวอย่างรุ่นที่ขายดีในกลุ่มนี้ก็คือ Gel-Kayano, Gel-1130 และ GT-2160
โดย Gel ในชื่อรุ่นหมายถึง เทคโนโลยี GEL™ ที่ลดแรงกระแทก เพิ่มการดูดซับแรงกระเทือน ทำให้ใส่สบายนั่นเอง
และในปี 2023 ที่ผ่านมา นอกจากกลุ่ม Sportstyle แล้ว รองเท้าของแบรนด์ Onitsuka Tiger ยังสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นที่ +40% จากปีก่อน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทรนด์รองเท้าทรงคล้ายรองเท้าฟุตบอลอย่าง adidas Samba ที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
เลยไม่น่าแปลกที่รองเท้าทรงคล้ายกันอย่าง Onitsuka Tiger MEXICO 66 จะกลับมาถูกพูดถึงอีก และมีคนดังหลายคนใส่ด้วยเช่นกัน
ซึ่งรองเท้ากลุ่ม Sportstyle ของ ASICS และรองเท้าของ Onitsuka Tiger ที่เน้นกลุ่มพรีเมียมนั้น มีความสามารถในการทำกำไรดีกว่า รองเท้าวิ่งและรองเท้ากีฬา
สามารถดูได้จากอัตรากำไรจากการดำเนินงานของ รองเท้าแต่ละประเภท
- Onitsuka Tiger อยู่ที่ 36%
- กลุ่ม Sportstyle อยู่ที่ 30%
- กลุ่มรองเท้าวิ่ง อยู่ที่ 26%
อีกทั้ง บริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นด้วยจากช่องทางการขายที่เน้นขายโดยตรงกับลูกค้า ผ่านหน้าร้านของตัวเอง รวมถึงช่องทางออนไลน์ด้วย
นี่เลยเป็นสาเหตุที่กำไรของ ASICS เติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบ 100% ต่อปีนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมองว่า ASICS แค่โชคดี เพราะเทรนด์ที่เปลี่ยนไปตรงกับสไตล์รองเท้าของบริษัทพอดี
แต่จริง ๆ แล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทวางแผนการพัฒนาสินค้า รวมถึงการนำเสนอสินค้ามาตลอด ไปจนถึงร่วมมือกับดิไซเนอร์
เช่น การคอลแลบรองเท้ารุ่นฮิตอย่าง ASICS Gel-Kayano 14 ร่วมกับ JJJJound สตูดิโอออกแบบ Mood Board ชื่อดัง สัญชาติแคนาดา
นอกจากนี้ยังมีการคอลแลบกับดิไซเนอร์ชื่อดังจาก Vivienne Westwood และ Cecilie Bahnsen
ซึ่งนี่เป็นความตั้งใจที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ ASICS ให้ตรงกับเทรนด์รองเท้า Sportstyle ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนกลุ่ม Gen Z
และดูเหมือนว่า ASICS ก็สามารถทำได้ตามที่ตั้งใจ และกลายมาเป็นหุ้นรองเท้าที่ทำผลตอบแทนดีที่สุดแห่งปีนั่นเอง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
Reference
- รายงานประจำปี 2021-2023 ของบริษัท

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon