กรณีศึกษา การขยายอาณาจักร CRC ช่วยเศรษฐกิจไทยอย่างไร เป็นเรื่องที่หลายคนไม่รู้
CRC X ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า บริษัทค้าปลีกค้าส่งรายไหน ที่มีสินค้าครอบคลุมและใกล้ตัวเรามากที่สุด
CRC หรือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) น่าจะเป็นคำตอบแรกของใครหลาย ๆ คน เช่น
CRC หรือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) น่าจะเป็นคำตอบแรกของใครหลาย ๆ คน เช่น
• กลุ่มธุรกิจฟู้ด เช่น Tops, GO Wholesale
• กลุ่มธุรกิจแฟชั่น เช่น ห้างสรรพสินค้า Central และ Robinson ห้างยอดนิยม หรือ CMG ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ระดับโลกที่มีกว่า 40 แบรนด์
• กลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ เช่น Power Buy, OfficeMate, ไทวัสดุ เป็นต้น
• กลุ่มธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ อย่าง ศูนย์การค้า Robinson Lifestyle
• กลุ่มธุรกิจเฮลท์แอนด์เวลเนส เช่น ท็อปส์วีต้า, ท็อปส์แคร์ เป็นต้น
• กลุ่มธุรกิจแฟชั่น เช่น ห้างสรรพสินค้า Central และ Robinson ห้างยอดนิยม หรือ CMG ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ระดับโลกที่มีกว่า 40 แบรนด์
• กลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ เช่น Power Buy, OfficeMate, ไทวัสดุ เป็นต้น
• กลุ่มธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ อย่าง ศูนย์การค้า Robinson Lifestyle
• กลุ่มธุรกิจเฮลท์แอนด์เวลเนส เช่น ท็อปส์วีต้า, ท็อปส์แคร์ เป็นต้น
จะเห็นว่าทั้ง 5 ธุรกิจเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คนทั้งหมด และเมื่อรวมทั้ง 5 ธุรกิจหลักเข้าด้วยกันจะทำให้ CRC มีหน้าร้านกว่า 4,000 สาขาทั่วประเทศ เมื่อบวกกับแพลตฟอร์ม Omni Channel เชื่อมต่อโลกออนไลน์กับสาขาต่าง ๆ ที่สร้างการเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลา
ตรงนี้เองที่ทำให้ CRC เป็นอาณาจักรค้าปลีกค้าส่งที่เข้าถึงคนไทยได้อย่างทรงพลัง
และหากคิดแบบลงลึกไปอีก จะพบว่าการขยายอาณาจักร CRC ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เศรษฐกิจทุกภูมิภาคของไทยเติบโตแข็งแรง
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
CRC มี 5 ธุรกิจหลัก มีหน้าร้านกว่า 4,000 แห่งกระจายอยู่ครบทุกภูมิภาค แบ่งเป็น
- ภาคกลาง มี 2,272 แห่ง มากที่สุด
เพราะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สังคมเมืองและภาคการท่องเที่ยวได้ขยายตัวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไปยังจังหวัดใกล้เคียงที่อยู่รอบข้าง
- ภาคตะวันออก มี 441 แห่ง
ในภูมิภาคนี้ CRC ยังมีโอกาสขยายสาขาต่อเนื่องได้อีกในอนาคต สังเกตจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่อยู่ในภูมิภาคนี้ ยังมีแรงงานทุกระดับหลั่งไหลเข้ามา พร้อมกับการเติบโตในธุรกิจอสังหาฯ และการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 431 แห่ง
แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่การท่องเที่ยวเป็นเหมือนพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคนี้ CRC จึงเน้นการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มค้าปลีกและค้าส่งในรูปแบบใหม่ ๆ โดยเน้นทำเลหัวเมืองรอง ๆ ที่กำลังเติบโตจากการท่องเที่ยว
- ภาคเหนือ มี 309 แห่ง
ถือเป็นภาคที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งจากการท่องเที่ยว และเกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น ภาคอุตสาหกรรมเริ่มขยายตัว CRC จึงมองเห็นโอกาสในการเติมเต็มไลฟ์สไตล์ โดยเน้นขยายสาขา Tops และ ไทวัสดุ เป็นหลัก
- ภาคใต้ มี 513 แห่ง
เป็นภาคที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก จนสร้างรายได้หลักให้แก่ผู้คนในชุมชนผ่านการค้าขายและอาชีพบริการต่าง ๆ
ล่าสุด CRC ได้เปิด GO Wholesale สาขาแรกในภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ต สาขา ราไวย์ พร้อมเตรียมขยายสาขาแบรนด์ค้าปลีกอื่น ๆ ด้วย
ถึงตรงนี้ จะเห็นว่าวิธีขยายอาณาจักร CRC คือการปักหมุดธุรกิจของตัวเองให้ครอบคลุมทุกภาคของประเทศไทยผ่านแบรนด์ที่อยู่ใน 5 ธุรกิจหลัก จนเกิดการจ้างงานในท้องถิ่นกว่า 46,000 คน ทั่วประเทศ
หากสังเกตดี ๆ ทุก Big Move ที่เกิดขึ้นยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมให้แก่ผู้คนในแต่ละจังหวัดให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
เช่น การเปิดศูนย์การค้า Robinson Lifestyle ในจังหวัดต่าง ๆ ทำให้เกิดโครงการอสังหาฯ มากมายรายล้อมบริเวณศูนย์การค้า สิ่งที่ตามมาก็คือ ในพื้นที่นั้นจะเกิด “การจ้างงาน” และสร้างรายได้ให้คนท้องถิ่น สิ่งที่ตามมาคือ “กำลังซื้อ” ภายในจังหวัดที่มากขึ้น และเมื่อบวกกับผู้คนที่เดินทางจากที่อื่น ๆ มาช้อปปิ้งที่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ประโยชน์ก็จะมาตกอยู่ที่ธุรกิจ SME ที่มาเช่าพื้นที่เปิดร้านและร้านค้าเล็ก ๆ ที่อยู่รอบศูนย์การค้า
เพราะหากผู้ประกอบการตัวเล็ก ๆ ไปเสี่ยงเปิดหน้าร้านในทำเลอื่น ๆ อาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะไม่มีตลาดใหญ่และผู้คนเท่ากับทำเลแห่งนี้ จนถึงรถโดยสารรับจ้างต่าง ๆ ในบริเวณศูนย์การค้าก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น
พูดง่าย ๆ คือ CRC ไม่ใช่แค่การขยายสาขาแบรนด์ค้าปลีกและค้าส่ง เพื่อสร้าง Central to Life และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ชีวิตผู้คน แต่ยังสร้างรายได้ให้คนในชุมชนต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพนักงาน CRC
สอดคล้องกับ CRC Care หลักปรัญชาในการทำธุรกิจที่ CRC เชื่อมาตลอดว่า องค์กรจะยั่งยืนคนเดียวไม่ได้ แต่ทุก ๆ ชีวิตรวมถึงสิ่งแวดล้อมก็ต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กับองค์กร
อย่างไรก็ตาม สงครามค้าปลีกรายใหญ่ในปัจจุบันก็ยังคงแข่งขันกันดุเดือด คำถามคือแล้ว CRC มีไม้ตายอะไรเพื่อสร้างความได้เปรียบในการขยายอาณาจักรตัวเอง ?
นอกจากกลยุทธ์ CRC OMNI-Intelligence ที่ใช้เทคโนโลยีสร้าง Offline ที่เป็นหน้าร้านต่าง ๆ ผสมกับช่องทาง Online ให้เป็นเนื้อเดียวกันโดยมี AI เป็นส่วนผสม จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในทุกการขับเคลื่อนธุรกิจแล้วนั้น
CRC ยังยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน 5 ด้าน เพื่อตั้งรับการแข่งขันในอนาคต ได้แก่
1. เสริมความแข็งแกร่ง Ecosystem ธุรกิจตัวเองร่วมกับพันธมิตรบริษัทต่าง ๆ
2. ขยายสาขาและรีโนเวตสาขาต่าง ๆ พร้อมสร้างประสบการณ์ช้อปใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
3. ผลักดันยอดขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ พร้อมยกระดับแพลตฟอร์ม Omni Channel เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครบทุกพฤติกรรมการช้อปปิ้ง
4. ขยายและลงทุนธุรกิจบนความระมัดระวังในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน ตามหลัก 3C (Cash, Cost, Capex)
5. เสริมศักยภาพพนักงานด้วยการให้ความรู้ด้าน AI ให้เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญในการทำงาน
ขณะเดียวกันทาง CRC ก็มีนโยบายรองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น ดิจิทัลวอลเล็ต ฟรีวีซ่า 93 ประเทศ เป็นต้น
คงต้องยอมรับว่า การขยายอาณาจักรค้าปลีกค้าส่งของ CRC อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ทุกกลยุทธ์ และทุกการเคลื่อนไหวทางธุรกิจเพื่อขยายอาณาจักร CRC ล้วนคำนึงถึงการเติบโตของรายได้คนในชุมชน และระบบเศรษฐกิจไทยเป็นหัวใจหลัก
และนี่คือวิธีการทำธุรกิจให้ยั่งยืนในแบบฉบับของ CRC นั่นเอง..
References
-ข้อมูลจาก บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-ข้อมูลเศรษฐกิจแต่ละภาคจากธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2566
-ข้อมูลจาก บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-ข้อมูลเศรษฐกิจแต่ละภาคจากธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2566