CRC X ลงทุนแมน

ก่อนหน้านี้ เซ็นทรัล รีเทล หรือ CRC ประกาศใช้กลยุทธ์ Omni Channel ด้วยการนำจุดเด่นหน้าร้านและออนไลน์ เชื่อมเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตยั่งยืน ซึ่งต่อมาก็อัปเกรดเป็น OMNI-Intelligence ที่ใช้ AI มาเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ

ณ วันนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่า CRC จะทำสำเร็จได้หรือไม่ แต่เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า CRC ทำได้สำเร็จ สามารถสร้างผลประกอบการได้อย่างโดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดในปี 2567 CRC มีรายได้ 262,804 ล้านบาท เติบโต +6%
Core Profit 8,870 ล้านบาท เติบโต +9%
พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลอัตราหุ้นละ 0.60 บาท
โดยเฉพาะผลประกอบการของ CRC ที่ทุบสถิตินิวไฮในไตรมาส 4 ปี 2567 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน โดยกวาดรายได้ ถึง 69,267 ล้านบาท สร้าง Core Profit สูงถึง 2,971 ล้านบาท

CRC ใช้แนวคิดอะไร ถึงประสบความสำเร็จ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมค้าปลีกและค้าส่งเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนลง

แต่ความท้าทายเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ CRC หยุดขยายธุรกิจ
ตรงกันข้าม CRC เลือกจะขยายสาขาร้านค้าปลีกและค้าส่งของตัวเองผ่านหลายแพลตฟอร์มทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เริ่มด้วยธุรกิจในไทยที่มีผลงานที่โดดเด่น อย่าง GO Wholesale ที่สร้างปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมค้าส่ง ด้วยการขยายสาขาได้เร็วที่สุด จนกลายเป็นที่นิยมของผู้ประกอบการ โดยเปิดตัวถึง 10 สาขา ภายใน 1 ปี ในขณะที่ ไทวัสดุ เปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น 7 สาขา และปรับปรุง 4 สาขาเดิม รวมเป็น 86 สาขาทั่วประเทศ

ส่วนโรบินสันไลฟ์สไตล์ เปิดตัวโมเดลค้าปลีกใหม่ “Strip Mall” ที่แบ่งพื้นที่ให้ SMEs และสตาร์ตอัป เข้ามาสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า

มากไปกว่านั้น เซ็นทรัล ชิดลม ได้รีโนเวตเสร็จจนเกิดเป็นกระแส “Chidlom Pink” พร้อมสร้างยอดขายเติบโตกว่า 60% หลังเปิดตัว

ขณะเดียวกันในประเทศเวียดนามก็ลุยขยายสาขาอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทั่วประเทศ จนเมื่อสิ้นปี 2567 มีศูนย์การค้า GO! รวมทั้งหมด 42 สาขา ไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! 41 สาขา และ Mini go! 14 สาขา

ที่อิตาลียังได้ทรานส์ฟอร์มห้างรีนาเชนเต ให้กลายเป็น Media Company และขยายโซน Odeon Hall ให้เป็นบิวตี้ฮอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี

โดยการบริหารธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้แนวคิด CRC OMNI-Intelligence ที่นอกจากจะผนึกช่องทางออนไลน์กับหน้าร้านให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว

ยังใช้เทคโนโลยี AI ในทุกกระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจ ทำให้สามารถ ปรับตัว ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ และพัฒนาได้ตลอดเวลา เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ตรงนี้เองที่ทำให้ CRC สามารถขยายสาขาหรือเปิดตัวโมเดลค้าปลีกและค้าส่งรูปแบบใหม่ ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด

ตัวอย่างเช่น GO Wholesale ที่ได้มีการเปิดสาขาใหม่ถึง 10 สาขา หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 สาขา ภายในเวลาเพียง 1 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก

หรือแม้แต่ในตลาดเวียดนาม CRC ก็สร้างปรากฏการณ์ในตลาดค้าปลีก ด้วยการเปิดตัวไลฟ์สไตล์แบรนด์ดัง ๆ ในเครือ อย่าง FitFlop, Crocs และ Dyson ในศูนย์การค้า เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ในเวียดนาม

ภารกิจท้าทายต่อมาของ CRC คือ การสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตในปี 2568 โดยเตรียมใช้เงินลงทุนขยายธุรกิจกว่า 19,000 ล้านบาท

CRC เชื่อว่าเป้าหมายนี้จะสำเร็จได้ โดยคำนึงถึงการสร้างโมเดลธุรกิจ ที่ตอบโจทย์ทุกฝ่าย ทั้งลูกค้า, พนักงาน และคู่ค้า จนออกมาเป็น 7 แนวคิดธุรกิจเชิงรุกที่จะใช้ในการขับเคลื่อนสร้างการเติบโตให้บริษัทในปี 2568 ดังนี้

1. ขับเคลื่อน

โดยเน้นธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง ทั้งขยายสาขาและรีโนเวตสาขาเดิม จนถึงการขยายไปยังธุรกิจใหม่ ๆ

เพราะ CRC รู้ดีว่า “จุดแข็ง” ที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด หนึ่งในวิธีการนั้นคือ การขยายสาขา นั่นเอง

2. ต่อยอด

หนึ่งในไฮไลต์ของธุรกิจ CRC ในปีที่ผ่านมาคือ GO Wholesale ธุรกิจน้องใหม่ในเครือ ที่มาแรงแซงทางโค้งในอุตสาหกรรมค้าส่ง จนได้รับการยอมรับจากลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ CRC ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่อีก 4 สาขา เมื่อถึงสิ้นปี 2568 จะมีทั้งหมด 14 สาขา

3. เร่งเครื่อง

CRC เริ่มต้นขยายธุรกิจในเวียดนามเมื่อปี 2555 จนปัจจุบันมีศูนย์การค้าและร้านค้ากระจายอยู่กว่า 42 จังหวัด โดยในปี 2568 CRC ตั้งเป้าขยายสาขา Mall & Food ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่สุดในเวียดนาม

4. เสริมแกร่ง

เวลานี้พนักงาน CRC ทำงานร่วมกับ AI เรียกได้ว่าเป็นการเสริมแกร่งศักยภาพในการทำงาน บนกลยุทธ์ HAI (Human Intelligence + Artificial Intelligence) ที่ช่วยติดอาวุธให้กับพนักงาน

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ในฝั่งของลูกค้าก็ยังได้สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างไร้รอยต่อ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ที่สะดวกสบาย แถมยังรวดเร็วอีกด้วย

การที่ CRC สามารถตอบสนองพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ตลอดเวลานั้น เพราะ CRC เป็นบริษัทค้าปลีกดิจิทัลที่พร้อมขับเคลื่อนอนาคต โดยมุ่งพัฒนา Omnichannel Ecosystem เพื่อมาตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง

5. ยกระดับบริหารการเงิน

งบลงทุนกว่า 19,000 ล้านบาท ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในปี 2568 นั้น ตั้งอยู่บนหลักคิดที่ว่า ต้องเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการขยายธุรกิจเชิงรุก และเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ

โดยการลงทุนครั้งนี้จะครอบคลุมการแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีกและค้าส่งที่ดุเดือด และการพัฒนาความสามารถในการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

6. ยึดมั่น

CRC ถือเป็นบริษัทคนไทยที่โดดเด่นด้าน ESG สังเกตได้จากรางวัลระดับโลกมากมาย และการได้รับการยกย่องให้เป็น Green & Sustainable Retail and Wholesale หรือ บริษัทค้าปลีกและค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย

เบื้องหลังเรื่องนี้มาจากการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร ตามหลักปรัชญา CRC Care ทั้ง 7 มิติ โดยรวมถึงส่งเสริม Mindset ให้พนักงานทุกระดับปฏิบัติงานตามกรอบ ESG

7. สร้าง

โดยเน้นการควบรวมกิจการในหลายอุตสาหกรรม ถือเป็นทางลัดให้ธุรกิจแข็งแกร่งในเวลาอันรวดเร็ว

ในยุคนี้ การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งทั่วโลกนับว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ดุเดือด CRC เลือกขยายขอบเขตธุรกิจ พร้อมสร้าง Synergy ซึ่งช่วยให้ทรงพลัง และทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันยิ่งขึ้น รวมถึงยังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอาณาจักร CRC

คงต้องยอมรับว่า สำหรับบริษัทที่มีรายได้และกำไรแต่ละปีจำนวนมหาศาล การจะทำให้ธุรกิจเติบโตอยู่ตลอดเวลาเป็นเรื่องยากและท้าทาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงอย่างค้าปลีกและค้าส่ง

แต่หากรู้จักปรับตัว รับมือกับความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งเตรียมพร้อมในการมองหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจทุกภาคส่วน ก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่จะนำพาธุรกิจให้เดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง

เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ท้าทาย แต่ CRC ก็ทำได้จริง จนเกิดเป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่องนั่นเอง..

Reference
- ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)