KBTG x MIT Media Lab ถอดบทเรียนความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตไทยด้วย AI

KBTG x MIT Media Lab ถอดบทเรียนความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตไทยด้วย AI

KBTG x ลงทุนแมน
จะดีแค่ไหน.. ถ้าเราคุยกับ “ตัวเราในอนาคต” ได้ เพื่อเรียนรู้ เข้าใจเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้ “ตัวเอง” ฉุดเราขึ้นมาเมื่อกำลังหลงทางหรือท้อแท้
อาจจะดูเหมือนเรื่องเพ้อฝัน..
แต่รู้หรือไม่ ? เรื่องเหลือเชื่อนี้กำลังเกิดขึ้นจริง
เพราะ KBTG ร่วมกับ MIT Media Lab, UCLA และ Harvard University กำลังพัฒนานวัตกรรมสุดล้ำที่เรียกว่า Future You แพลตฟอร์มที่ให้เราพูดคุยกับ “Digital Twin” หรือ AI ที่เป็นตัวแทนของตัวเองในอนาคตได้
ที่น่าสนใจคือ AI ตัวนี้จะเรียนรู้จากข้อมูลส่วนตัวของเราเพื่อให้สามารถตอบคำถาม และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับตัวเองได้อย่างแม่นยำ
โดย Future You เป็นนวัตกรรมจาก MIT Media Lab ที่มีเป้าหมายคือ เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการผลักดันให้ผู้คนได้ไล่ตามความฝัน และจะกลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่มาเปลี่ยนโลก
ด้วยศักยภาพในการนำไปใช้ได้หลากหลายด้าน เช่น การให้คำปรึกษาด้านการเงิน การวางแผนชีวิต การพัฒนาตนเอง และการสร้างแรงบันดาลใจ
Future You จึงเปรียบเสมือนจิกซอว์สำคัญที่จะมาผลักดันสังคมไทย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มวัยทำงาน ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
วันนี้ลงทุนแมนได้รับเกียรติสัมภาษณ์พิเศษ ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร (พีพี) นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทยคนแรกในสาขา Fluid Interfaces ที่ MIT Media Lab
และ ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ Principal Research Engineer, Head of AI Research KBTG
ที่จะมาเล่าถึงเส้นทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมระหว่าง KBTG และ MIT Media Lab รวมถึงวิสัยทัศน์ในการร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และ AI ของประเทศไทยในอนาคต
ความน่าสนใจของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 2022 KBTG ได้วางกลยุทธ์สำคัญในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและ AI ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการจับมือกับ MIT Media Lab ห้องปฏิบัติการวิจัยชั้นนำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย
การจับมือกับสถาบันชั้นนำระดับโลกอย่าง MIT นี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ KBTG ในการสร้างความร่วมมือกับสถาบันวิจัยระดับโลก ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจาก 3 จุดแข็งหลักของ KBTG ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อสังคม ได้แก่
1. People ทุกสิ่งทำให้แก่ผู้คนในสังคม
2. Technology พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคม
3. Impact สร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคม
ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ KBTG ในการยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของไทยให้ทัดเทียมระดับภูมิภาค และเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยที่มีศักยภาพได้เติบโตในเวทีโลก
โดยดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทยคนแรกในสาขา Fluid Interfaces ที่ MIT Media Lab และผู้ได้รับทุน KBTG Fellowship เป็นผู้ริเริ่มความร่วมมือครั้งนี้
รู้หรือไม่ ? KBTG Fellowship คือทุนสนับสนุนนักศึกษาที่มีศักยภาพสูง ให้ศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่ MIT Media Lab ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งผู้ได้รับทุนจะได้เรียนรู้และทำงานร่วมกับนักวิจัยระดับโลก เพื่อพัฒนาตนเองและนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศไทย
แล้วในมุมมองของดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร การร่วมมือระหว่าง MIT Media Lab และ KBTG ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม AI ของประเทศไทยอย่างไร ?
ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร มองว่า KBTG เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทในไทยที่ “Walk The Talk” หรือลงมือทำจริง ไม่ใช่แค่พูด ทำให้ทีมงานของ KBTG ไม่ได้เก่งแค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์ คิดเพื่อส่วนรวม มีแพสชันที่จะตอบโจทย์สังคม กล้าคิดนอกกรอบ และไม่กลัวความล้มเหลว
ในขณะที่ MIT Media Lab เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงศาสตร์จากหลากหลายวัฒนธรรม และผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ
ความร่วมมือในการพัฒนา Future You จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดัน KBTG ให้เป็น Best Tech Organization ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Future You จะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ ผ่านการพูดคุยกับ AI ที่เป็นตัวแทนของตนเองในอนาคต
นอกจากนี้ การสนับสนุนทุน KBTG Fellowship ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กไทยที่มีความสามารถได้เรียนรู้และทำงานร่วมกับนักวิจัยระดับโลกที่ MIT Media Lab ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ในการนำความรู้และเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย
ผมมองว่า มากกว่าการศึกษา คือโอกาสที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่ง..
ที่ผ่านมา KBTG พยายามผลักดันกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้และโอกาสแก่ผู้สนใจด้านเทคโนโลยี เช่น งาน KBTG Techtopia ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โดยงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจด้านเทคโนโลยี และ AI ของคนไทยได้เป็นอย่างดี
มาถึงตรงนี้ เราคงพอเห็นภาพความร่วมมือระหว่าง KBTG และ MIT Media Lab กันบ้างแล้ว
ทีนี้ เราลองมาเจาะลึกความน่าสนใจของนวัตกรรมสุดล้ำอย่าง Future You กันบ้าง
Future You คือ “Digital Twin” หรือ AI ที่เป็นตัวแทนของเราในโลกดิจิทัล ที่ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยี Generative Pre-Trained Transformer (GPT) โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง ทำให้มันสามารถสร้างข้อความโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับมนุษย์
โดยสิ่งที่ทำให้ Future You โดดเด่นและแตกต่างจาก AI ตัวอื่น ๆ คือ..
1. การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning)
Future You ไม่ได้แค่จดจำข้อมูล แต่เรียนรู้และทำความเข้าใจข้อมูลส่วนตัวของเราอย่างลึกซึ้ง ด้วยเทคนิค Deep Learning ทำให้สามารถวิเคราะห์และสร้างโมเดลที่แม่นยำ พร้อมทั้งทำนายพฤติกรรมและความต้องการของเราได้อย่างน่าทึ่ง
2. การสร้างแบบจำลองบุคลิกภาพ (Personality Modeling)
รู้หรือไม่ Future You สร้างแบบจำลองบุคลิกภาพเฉพาะของเรา ทำให้สามารถตอบสนองและให้คำแนะนำที่ตรงกับความเป็นตัวเราในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การเรียน หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว
3. การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing - NLP)
ด้วยเทคโนโลยี NLP ที่ล้ำสมัย ทำให้ Future You เข้าใจภาษาที่เราใช้สื่อสารได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน
ซึ่งดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร เสริมว่า “Future You ใช้การเรียนรู้แบบ Personalized Virtual Character ที่สร้างขึ้นจากข้อมูลส่วนตัว เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของเราในหลากหลายมิติ
โดยงานวิจัยพบว่า คนเราเรียนรู้ได้ดีกว่า ต่อเมื่อเรากำลังถูกสอนโดยคนที่เรานับถือ หรือคนที่เราอยากเป็นในอนาคต ซึ่ง Future You ก็เปรียบเสมือนตัวเราเองในอนาคต จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ของผู้คนเป็นอย่างมาก
ส่งผลให้ในอนาคตเราอาจจะได้เห็น Future You เข้าไปยกระดับหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์ โดยเฉพาะสุขภาพองค์รวม (Holistic Wellness) การเงิน โดยเฉพาะด้านการให้คำปรึกษา ไปจนถึงความบันเทิง”
ในขณะที่ ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ Principal Research Engineer, Head of AI Research KBTG ได้กล่าวว่า Future You จะทำหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการผลักดันให้ผู้คนได้ไล่ตามความฝันของตัวเอง และจะเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่จะมาเปลี่ยนโลก
นอกจาก Future You ทาง KBTG Labs ยังมีอีก 2 ผลิตภัณฑ์ ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์คนไทยโดยเฉพาะ อย่าง คู่คิด และ Finly
แล้วคู่คิด และ Finly มีความน่าสนใจอย่างไร ?
เริ่มต้นด้วยคู่คิด Generative AI สัญชาติไทยตัวแรกจาก KBTG Labs ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานภาษาไทยโดยเฉพาะ มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- เข้าใจภาษาไทยอย่างลึกซึ้ง
คู่คิดได้รับการฝึกฝนด้วยคลังข้อมูลภาษาไทยขนาดใหญ่และหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ข่าว บทความ สื่อสังคมออนไลน์ หรือแม้แต่การเขียนโคด
ทำให้สามารถเข้าใจบริบท ความหมาย และแง่มุมต่าง ๆ ของภาษาไทยได้อย่างลึกซึ้ง
- สร้างสรรค์เนื้อหาที่หลากหลาย
คู่คิดไม่เพียงแต่สร้างเนื้อหาที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างเนื้อหาที่หลากหลายและน่าสนใจ เช่น บทความเชิงวิชาการ บทกวีที่ไพเราะ หรือแม้แต่สคริปต์ตลกขบขัน
- ปรับแต่งรูปแบบการตอบสนอง
ให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ภาษาที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ การใช้คำศัพท์เฉพาะทาง รวมถึงการปรับระดับความซับซ้อนของเนื้อหา
- เรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดย AI ถูกออกแบบมาให้สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจากข้อมูลใหม่ ๆ ที่ได้รับ ทำให้สามารถปรับปรุงความสามารถในการเข้าใจและสร้างเนื้อหาภาษาไทยให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
พูดง่าย ๆ ว่า ลืมภาพจำ AI แบบเดิม ๆ ไปได้เลย เพราะการตอบคำถามของคู่คิดนั้นผ่านกระบวนการมากมาย ตั้งแต่การทำความเข้าใจบริบทของคำถาม การค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การประมวลผลข้อมูล และการสร้างคำตอบที่เป็นธรรมชาติและตรงประเด็น
แล้วคนไทยสามารถประยุกต์ใช้ คู่คิด ในธุรกิจไหนบ้าง ?
1. การศึกษา
สร้างสื่อการเรียนรู้แบบอินเตอร์แอ็กทิฟที่ปรับให้เข้ากับผู้เรียนแต่ละคน, ตอบคำถามนักเรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดภาระงานของครู หรือเป็นผู้ช่วยสอนเสมือนจริงในการเตรียมการสอนและตรวจงาน
2. ธุรกิจ
สร้างคอนเทนต์การตลาดที่น่าสนใจและตรงกลุ่มเป้าหมาย, ตอบคำถามลูกค้าผ่านแช็ตบอต หรือช่วยพนักงานในการร่างอีเมล และรายงาน
3. สุขภาพ
ให้ข้อมูลและคำแนะนำด้านสุขภาพเบื้องต้นแก่ประชาชน หรือช่วยนักวิจัยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์จำนวนมาก
4. การเงิน
วิเคราะห์แนวโน้มตลาดหุ้นและข้อมูลทางการเงิน, สรุปข้อมูลสำคัญจากรายงาน หรือช่วยในการวางแผนการลงทุนเบื้องต้น
5. ภาครัฐ
สร้างแช็ตบอตเพื่อตอบคำถามและให้บริการประชาชน หรือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบาย
ต่อมา Finly ที่ KBTG ตั้งใจพัฒนาให้เป็นแอปพลิเคชันผู้ช่วยทางการเงินส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนไทยบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
โดย ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ ให้ข้อมูลเพิ่มว่า “Finly นั้นถูกพัฒนามาจากโปรเจกต์ FinLearn ที่ทาง KBTG ตั้งใจส่งเสริมความรู้ด้านการเงินให้กับคนไทย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Financial Literacy
แต่โจทย์สำคัญของ KBTG คือการนำความรู้ทั้งหมดนี้มาพัฒนา เพื่อให้ตอบโจทย์บริการของทาง Core Business อย่างธนาคารด้วย นี่จึงเป็นที่มาของการสร้างแพลตฟอร์ม Finly ที่ให้บริการด้านการเงินครบจบในที่เดียว
ปัจจุบันถึงแม้ว่า Finly จะอยู่ในขั้นตอนวิจัยและพัฒนา แต่ทาง KBTG ตั้งใจจะทำให้ Finly มีความโดดเด่นตรงที่สามารถวิเคราะห์รายการธุรกรรมทางการเงินของเราโดยอัตโนมัติ และจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้เราเห็นภาพรวมของการใช้จ่ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไปจนถึง ช่วยให้เราได้ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่เฉพาะเจาะจง และติดตามความคืบหน้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่อซื้อบ้าน การวางแผนเกษียณ หรือการลดหนี้สิน
นอกจากนี้ Finly ยังสามารถให้คำแนะนำส่วนบุคคลที่ปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของเรา เช่น แนะนำวิธีการประหยัดเงิน หรือแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม รวมถึงการแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงกำหนดชำระบิล หรือแจ้งเตือนเมื่อมีค่าใช้จ่ายที่ผิดปกติ เป็นต้น”
แต่คำถามคือ อะไรที่ทำให้ Finly แตกต่างจากแอปพลิเคชันฟินเทคอื่น ๆ ?
- การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ที่ช่วยให้ Finly สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินจำนวนมหาศาล เพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบที่ซ่อนอยู่
- การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่ช่วยให้ Finly สามารถเรียนรู้จากพฤติกรรมการใช้จ่ายของแต่ละคน และปรับปรุงคำแนะนำให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ KBTG ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนไทยอย่างแท้จริง..
สุดท้ายแล้ว ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ ได้กล่าวปิดท้ายว่า
“3 ปีที่ได้ร่วมงานกับ MIT Media Lab ศูนย์วิจัยระดับโลก เวลาผ่านไปเร็วมาก ตอนแรกก็กังวลว่าทั้งสองฝ่ายจะมี Way of Work ที่แตกต่างกัน และจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่
แต่จากผลงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแล้วว่า KBTG สามารถทำงานร่วมกับสถาบันระดับโลกได้ และพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและ AI ของภูมิภาค
ซึ่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ KBTG คือ เป็นกำลังเล็ก ๆ ที่จะช่วยผลักดันให้คนไทยก้าวไปข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิม
เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีและ AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย และ KBTG พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
KBTG ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีและ AI ให้กับคนไทย เพื่อให้สังคมไทยพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกยุคดิจิทัล
เราจะไม่หยุดคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และสร้างสรรค์โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น KBTG Fellowship ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้แสดงศักยภาพและพัฒนาความสามารถของตนในเวทีโลก เพราะเราเชื่อว่าคนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก”
ในขณะที่ ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร ได้กล่าวว่า
“ในอนาคตผมมีแผนจะไปเรียนต่อที่ Harvard เพื่อต่อยอดความรู้ด้าน AI-Human Interaction ซึ่งเป็นศาสตร์สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีและสังคม
ผมเชื่อว่าการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ราบรื่น และเป็นธรรมชาติระหว่างมนุษย์และ AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำ AI มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่และสร้างสรรค์
หลังจากนั้น ผมอาจจะกลับไปทำงานกับ MIT เพื่อต่อยอดความสัมพันธ์กับบริษัทไทย และนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาพัฒนา AI-Human Interaction ในประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
เพราะสุดท้ายแล้ว KBTG ให้ความสำคัญกับการพัฒนามนุษย์เป็นอันดับหนึ่ง จึงเป็นที่มาของแนวคิด Human First x AI Transformation นั่นเอง..”
Reference:
- สัมภาษณ์พิเศษดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร (พีพี) และดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ โดย ลงทุนแมน
#KBTG
#MITMediaLab
#KBTGFellow
#Technology
#GenerativeAI
#BeyondBanking
#FutureYou
#Coinnovation

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon