KBTG ผนึกกำลัง AI Fund ยกระดับ AI ไทยสู่เวทีโลก

KBTG ผนึกกำลัง AI Fund ยกระดับ AI ไทยสู่เวทีโลก

KBTG x ลงทุนแมน
“ผมมองว่าประเทศไทยมีโอกาสทางด้าน AI มากมาย ทั้งในแง่ของระบบนิเวศ สตาร์ตอัป และธุรกิจต่าง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้ไทยก้าวไปสู่ศักยภาพสูงสุดด้าน AI ได้”
นี่คือคำพูดของคุณ Andrew Ng ผู้ทรงอิทธิพลด้าน AI ระดับโลก และเป็น Managing General Partner, AI Fund & Founder of Landing AI ที่ได้กล่าวไว้ในงาน KBTG Techtopia 2024
คุณ Andrew Ng ยังเคยเป็นหัวหน้าทีม Google Brain และ Baidu AI ซึ่งเป็นศูนย์วิจัย AI ชั้นนำของโลก และยังเป็นผู้บุกเบิก Deep Learning องค์ประกอบสำคัญ$ในการพัฒนา AI ในปัจจุบัน
ล่าสุด KBTG ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ AI Fund ซึ่งเป็น Venture Studio ที่มุ่งขับเคลื่อนการใช้ AI ในโลกจริง
และยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรระดับแนวหน้า เช่น NEA, Sequoia และ SoftBank
โดย AI Fund เล็งเห็นถึงศักยภาพของ KBTG ในฐานะผู้นำด้านโซลูชัน Human-first AI และเครือข่ายชุมชนเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แน่นอนว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และ AI ของไทยให้เติบโตอย่างโดดเด่นในระดับโลก
ทำไม AI Fund กองทุนระดับโลก เลือกจับมือกับ KBTG ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
KBTG ขึ้นชื่อเรื่องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวคิด Human-First x AI-First Transformation หรือการขยายศักยภาพขององค์กรด้วย AI ที่มีมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง
โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ KBTG เติบโตได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ปี 2017 มาถึงปัจจุบัน
คือ การให้ความสำคัญกับ #OneKBTG Transformation หรือการปรับเปลี่ยนองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเน้น 4 ด้านสำคัญ คือ
- ด้านระบบและปฏิบัติการ (Brilliant Basic & Operation Excellence)
ยกระดับเสถียรภาพและประสิทธิภาพของระบบและการดำเนินงานให้สูงสุด เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
- ด้านสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย (Architecture & Infrastructure Modernization)
พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมระบบให้ทันสมัย มีความยืดหยุ่น และสามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว
- ด้านการปรับวิถีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Agile Transformation & Automation)
ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและกระบวนการทำงานไปสู่ Agile เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
พร้อมนำระบบอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดในการทำงาน
- ด้านการพัฒนาขีดความสามารถและการดูแลบุคลากร (People Transformation)
พัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้บุคลากรได้เติบโตไปพร้อมกับองค์กร เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาถึงตรงนี้ เราคงพอเห็นถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดของ KBTG กันบ้างแล้ว
ทีนี้เราลองมาดูกันว่า KBTG ทำอย่างไร ?
จึงสามารถเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และ AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะ AI Fund
ปัจจุบัน KBTG มีฐานปฏิบัติการใน 4 ประเทศ ครอบคลุม 5 เมืองใหญ่ ได้แก่ ประเทศไทย (กรุงเทพฯ), เวียดนาม (โฮจิมินห์, ฮานอย), จีน (เซินเจิ้น) และอินโดนีเซีย (จาการ์ตา)
โดยเน้นการวิจัย Deep Tech และนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเทคโนโลยี M.A.D. (Machine Learning, AI, Data) ให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผ่าน 3 แนวทางหลัก
1. สร้างผลงานวิจัยเชิงลึก เพื่อพัฒนาความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยี AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
2. พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยการนำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและผู้ใช้งานจริง
3. เผยแพร่องค์ความรู้ ยกระดับทักษะบุคลากรในวงการเทคโนโลยีไทยอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศทางเทคโนโลยีในภูมิภาค
ที่สำคัญ KBTG ได้สร้างระบบนิเวศ AI ที่สมบูรณ์แบบ (AI Ecosystem) โดยประกอบไปด้วย Business Unit ต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง ตั้งแต่ต้นน้ำ (การวิจัยและพัฒนา) จนถึงปลายน้ำ (การนำไปใช้งานจริง)
จุดนี้เอง ทำให้เกิดการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่
1. ด้านเทคโนโลยี
KBTG Labs ร่วมมือกับ MIT Media Lab พัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง
เช่น ระบบเปรียบเทียบใบหน้า (Face Recognition) และยืนยันหน้าจริง (Face Liveness) ที่ได้รับการรับรองระดับสูงสุด (Level 2) จาก iBeta
ทำให้ KBTG เป็นองค์กรเดียวในเอเชีย และองค์กรที่สามของโลกที่ได้รับการรับรองนี้
นอกจากนี้ยังเปิดตัว FinLearn แพลตฟอร์มการศึกษาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่มีจุดเด่นคือ การให้ฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะและความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และมีการนำเทคโนโลยี Gen AI มาสร้าง Virtual Assistant หรือ Virtual Coach เพื่อช่วยสร้างนิสัยที่ดีในการออมเงินและส่งเสริมสุขภาพทางการเงินที่ดี (Financial Well-being) ให้กับผู้คนอีกด้วย
2. ด้านการค้า
KBTG Labs วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI แล้วส่งต่อให้ KX ซึ่งเป็น Venture Builder ในเครือ KBTG นำไปต่อยอดในเชิงธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ได้จริง
โดยมีจุดเด่นคือ ทีมผู้พัฒนาอยู่ในประเทศไทย สามารถรองรับการใช้งานและแก้ไขปัญหาได้ทันที
ปัจจุบัน KX เปิดตัว 2 แพลตฟอร์มและบริการ AI ที่น่าสนใจคือ
- AINU (อัยนุ) โซลูชัน AI ยืนยันตัวตนด้วย 3 ฟีเชอร์เด่น คือ OCR (ระบบแปลงข้อมูลจากภาพ), Liveness Detection (ระบบยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า) และ Face Recognition (ระบบเปรียบเทียบใบหน้า)
- Car AI เทคโนโลยี AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบอัตโนมัติเพื่อประเมินความเสียหายจากรูปภาพ สำหรับธุรกิจประกัน ซื้อขายรถยนต์มือสอง และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. ด้านการลงทุน
ปี 2023 KBTG ได้เปิดตัว KXVC กองทุน Venture Capital มูลค่า 3,500 ล้านบาท
เพื่อลงทุนในสตาร์ตอัปด้าน AI, Web3 และ Deep Tech ทั่วโลก โดยเน้นสร้างเครือข่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
ปี 2024 KXVC ได้ร่วมลงทุนใน CDAO สตาร์ตอัปด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบการเงินบน Web3 มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท สำหรับการต่อยอดธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลสู่ระดับโลก
ล่าสุด KXVC ร่วมลงทุนใน Landing AI บริษัทชั้นนำด้านแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์จาก Silicon Valley ที่ก่อตั้งโดยคุณ Andrew Ng
โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี Large Vision Model (LVM) มาพัฒนา AI ในการประมวลผลภาพถ่ายและวิดีโอ ให้มีความแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ซึ่งการลงทุนใน Landing AI นับเป็นก้าวสำคัญของ KXVC เพราะเป็นการนำเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดโลก
และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการจับมือครั้งสำคัญระหว่าง KBTG และ AI Fund
แต่คำถามคือ อะไรจะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรม AI ของไทย เมื่อ KBTG ผนึกกำลังกับ AI Fund ?
1. เร่งพัฒนานวัตกรรม AI
ผสานความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของทั้งสององค์กร ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม AI ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในภูมิภาค และเกิดการนำไปใช้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ
2. ลงทุนในสตาร์ตอัป AI
KBTG จะช่วยให้ AI Fund เข้าถึงสตาร์ตอัป AI ที่มีศักยภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน KBTG จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ จากสตาร์ตอัปเหล่านี้
3. สร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง
โดยทั้งสององค์กรจะร่วมมือกันสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่งในภูมิภาค โดยส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร สร้างเครือข่ายความร่วมมือ และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI
4. นำ AI ไปประยุกต์ใช้ในวงกว้าง
ซึ่ง KBTG จะใช้เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางของตน เพื่อนำเทคโนโลยี AI ไปประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเงิน การธนาคาร การค้าปลีก การดูแลสุขภาพ และอื่น ๆ
5. ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค
ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคในเวทีโลก และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในระยะยาว
สุดท้ายแล้ว คุณ Andrew Ng ได้กล่าวปิดท้ายว่า..
“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการพัฒนา AI แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับ AI แก่ประชาชน
และแม้ว่า AI จะเข้ามาช่วยภาคธุรกิจต่าง ๆ ได้ดี เช่น ธนาคาร สำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสในการปล่อยกู้ให้แก่ SME ได้แม่นยำขึ้น
แต่ AGI หรือ AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ยังคงใช้เวลาอีกหลายสิบปีข้างหน้า
แต่เมื่อถึงตอนนั้น AI จะสามารถทำงานที่มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้หลากหลาย เช่น ขับเครื่องบิน หรือทำงานอื่น ๆ ที่มนุษย์ทำได้ถึง 50%”
ในขณะที่ คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ได้ให้มุมมองว่า
“AI กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีอเนกประสงค์ (General Purpose Technology) ที่จะเข้าไปอยู่ในทุกสิ่ง
งาน KBTG Techtopia 2024 ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากก็แสดงให้เห็นถึงความสนใจในเทคโนโลยี AI ของคนไทย ซึ่ง KBTG จะร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้คนไทยเข้าถึง AI ได้มากขึ้น และมุ่งส่งเสริมการพัฒนานักเรียนไทยด้วย AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ในมุมมองของผม ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในภาคสาธารณสุขและการท่องเที่ยว ซึ่ง AI สามารถเข้ามาช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพตนเอง การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล
นอกจากนี้ AI ยังมีโอกาสในการเติบโตในภาคสุขภาพจิต นับว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และไทยก็มีชื่อเสียงในด้านนี้
การมาเยือนไทยของคุณ Andrew Ng ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ระดับโลก ยิ่งตอกย้ำว่าประเทศไทยกำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องในการเป็นผู้นำด้าน AI ในภูมิภาค”
Reference
- สัมภาษณ์พิเศษ KBTG และคุณ Andrew NG โดย ลงทุนแมน
#KBTG
#AIFund
#KBTGTechtopia
#ABlastFromTheFuture #BeyondPartnership

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon