รู้จัก ไมเคิล เบอร์รี The Big Short ผู้ได้กลิ่น วิกฤติก่อนใคร
รู้จัก ไมเคิล เบอร์รี The Big Short ผู้ได้กลิ่น วิกฤติก่อนใคร /โดย ลงทุนแมน
“ถ้าคนส่วนใหญ่ทำอย่างหนึ่ง คนคนนี้จะทำในทางตรงกันข้าม” น่าจะเป็นประโยคที่อธิบายตัวตนของนักลงทุนคนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเขาคนนี้มีชื่อว่า คุณไมเคิล เบอร์รี ผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นนักลงทุนจอมสวนกระแส
“ถ้าคนส่วนใหญ่ทำอย่างหนึ่ง คนคนนี้จะทำในทางตรงกันข้าม” น่าจะเป็นประโยคที่อธิบายตัวตนของนักลงทุนคนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเขาคนนี้มีชื่อว่า คุณไมเคิล เบอร์รี ผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นนักลงทุนจอมสวนกระแส
คุณไมเคิล เบอร์รี ได้เคยทำนายวิกฤติฟองสบู่ซับไพรม์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2008
ได้อย่างแม่นยำ จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Big Short
ได้อย่างแม่นยำ จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Big Short
ในช่วงที่ผ่านมา ชื่อของเขาก็ได้ถูกพูดถึงอีกหลายครั้ง ทั้งจากการออกมาแสดงมุมมองต่อสภาพเศรษฐกิจ
โดยเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เพิ่งออกมาเตือนว่าสหรัฐอเมริกา กำลังจะเจอกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
โดยเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เพิ่งออกมาเตือนว่าสหรัฐอเมริกา กำลังจะเจอกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
แล้วเส้นทางของนักลงทุนสวนกระแสคนนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คุณไมเคิล เบอร์รี เป็นนักลงทุนชาวอเมริกัน เกิดในปี 1971 หรือราว 51 ปีก่อน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คุณไมเคิล เบอร์รี เป็นนักลงทุนชาวอเมริกัน เกิดในปี 1971 หรือราว 51 ปีก่อน
หลายคนน่าจะยังไม่รู้ว่า คุณไมเคิล เบอร์รี ต้องสูญเสียดวงตาไป 1 ข้าง ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ
เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งจอตาในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก
ทำให้เขาต้องใช้ตาเทียมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งจอตาในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก
ทำให้เขาต้องใช้ตาเทียมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พอเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เขาเลือกเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์และสาขาเตรียมแพทย์ที่มหาวิทยาลัย UCLA และหลังจากนั้นเขาก็ยังได้รับวุฒิแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Vanderbilt
ก่อนที่จะเรียนต่อด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัย Stanford และพอจบมาแล้ว ก็เริ่มทำงานที่โรงพยาบาล Stanford สาขาประสาทวิทยา
อย่างไรก็ตาม แม้จะทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการแพทย์ แต่ในช่วงเวลากลางคืนที่ไม่ได้ทำงานหลัก
คุณไมเคิล เบอร์รี จะทำงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบไปด้วย นั่นคือ การลงทุนทางการเงิน
คุณไมเคิล เบอร์รี จะทำงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบไปด้วย นั่นคือ การลงทุนทางการเงิน
ไม่นานหลังจากนั้น ด้วยความหลงใหลในงานอดิเรก เขาตัดสินใจลาออกจากการทำงานด้านการแพทย์ และมุ่งหน้าเข้าสู่โลกการเงินและการลงทุนแบบเต็มตัว ในปี 1996 หรือในวันที่เขามีอายุได้ 25 ปี
โดยเขามีการเขียนบทความเกี่ยวกับหุ้นบนเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า “Silicon Investor”
ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ของหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา
บทความของเขาแสดงให้เห็นว่า เขามีความสามารถอย่างมากในการเลือกหุ้นลงทุน จนหลายบทความ ไปเตะตาบริษัทจัดการกองทุนชื่อดังระดับโลกหลายแห่ง
ไม่ว่าจะเป็น กองทุน The Vanguard Group
บริษัทประกันภัยอย่าง White Mountains Insurance Group
รวมไปถึงนักลงทุนชื่อดังในตลาดหุ้นวอลล์สตรีตอย่างคุณ Joel Greenblatt
ไม่ว่าจะเป็น กองทุน The Vanguard Group
บริษัทประกันภัยอย่าง White Mountains Insurance Group
รวมไปถึงนักลงทุนชื่อดังในตลาดหุ้นวอลล์สตรีตอย่างคุณ Joel Greenblatt
โดยคุณไมเคิล เบอร์รี บอกว่าสไตล์และความรู้ด้านการลงทุนของเขานั้น
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณ Benjamin Graham และคุณ David Dodd
ผู้เขียนหนังสือด้านการเงิน การลงทุน ที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่งตลอดกาล ในแวดวงการลงทุน
นั่นคือ “Security Analysis”
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณ Benjamin Graham และคุณ David Dodd
ผู้เขียนหนังสือด้านการเงิน การลงทุน ที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่งตลอดกาล ในแวดวงการลงทุน
นั่นคือ “Security Analysis”
เขาบอกว่า ตัวเองเป็นนักลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นคุณค่า รวมทั้งการเลือกลงทุนในหุ้นของเขา ก็ยังมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย หรือ Margin of Safety
ซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาพื้นฐานมาก ๆ ยิ่งส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยยิ่งมาก ก็ยิ่งปลอดภัย
ในปี 2000 เขามาจัดตั้งกองทุนที่ชื่อว่า Scion Capital
โดยใช้เงินมรดกและเงินกู้ยืมจากครอบครัวของเขามาจัดตั้งกองทุน
ในปี 2000 เขามาจัดตั้งกองทุนที่ชื่อว่า Scion Capital
โดยใช้เงินมรดกและเงินกู้ยืมจากครอบครัวของเขามาจัดตั้งกองทุน
ซึ่งผลงานกองทุนของเขานั้นต้องบอกว่า “สุดยอด”
เนื่องจากสามารถเอาชนะดัชนี S&P 500 ได้อย่างขาดลอย
เนื่องจากสามารถเอาชนะดัชนี S&P 500 ได้อย่างขาดลอย
ปี 2001 ผลตอบแทนดัชนี S&P 500 ลดลง 12% ผลตอบแทนกองทุน Scion Capital เพิ่มขึ้น 55%
ปี 2002 ผลตอบแทนดัชนี S&P 500 ลดลง 22% ผลตอบแทนกองทุน Scion Capital เพิ่มขึ้น 16%
ปี 2003 ผลตอบแทนดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 29% ผลตอบแทนกองทุน Scion Capital เพิ่มขึ้น 50%
ปี 2002 ผลตอบแทนดัชนี S&P 500 ลดลง 22% ผลตอบแทนกองทุน Scion Capital เพิ่มขึ้น 16%
ปี 2003 ผลตอบแทนดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 29% ผลตอบแทนกองทุน Scion Capital เพิ่มขึ้น 50%
โดยเฉพาะใน 2 ปีแรก ผลตอบแทนของกองทุน Scion Capital เพิ่มขึ้น สวนทางกับดัชนี S&P 500 ที่ลดลง
เนื่องจากคุณไมเคิล เบอร์รี ได้ทำนายไว้ว่าหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาหลายตัวนั้นมีราคาแพงมาก
เนื่องจากคุณไมเคิล เบอร์รี ได้ทำนายไว้ว่าหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาหลายตัวนั้นมีราคาแพงมาก
จึงทำให้เขาทำการ Short หรือยืมมาขายก่อนและซื้อคืนทีหลัง เพื่อทำกำไรจากการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยีที่เขามองว่ามีมูลค่าสูงเกินมูลค่าพื้นฐาน
ซึ่งมันสวนทางกับคนส่วนใหญ่ ที่แห่กันเข้ามาลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา และไม่นานหลังจากนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็เกิดวิกฤติฟองสบู่หุ้นอินเทอร์เน็ต หรือ “Dot-com bubble”
แต่เรื่องที่ทำให้เขายิ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงการลงทุนมากยิ่งขึ้นคือ เขาเป็นนักลงทุนคนแรก ๆ ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจจากปัญหาสินเชื่อซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งต่อมา “วิกฤติซับไพรม์” ก็ได้ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก
เรื่องของเรื่องคือ ในปี 2003 ถึงปี 2004 เขาเริ่มทำการวิเคราะห์สถานการณ์ และความเปลี่ยนแปลงในตลาดสินเชื่อซับไพรม์ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้ยืมที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนมากพอที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยของตลาดที่ดี
พูดง่าย ๆ คือ เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงต่อทั้งผู้ปล่อยกู้และผู้กู้ ในการนำไปซื้อที่อยู่อาศัย
แต่เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาในเวลานั้นกำลังเฟื่องฟู
สถาบันการเงินหลายแห่งจึงปิดตาข้างเดียว และเต็มใจที่จะปล่อยสินเชื่อ
ขณะที่ผู้กู้ ก็อยากได้เงินกู้มาซื้ออสังหาริมทรัพย์
เพื่อไปเก็งกำไรราคาบ้านที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น
สถาบันการเงินหลายแห่งจึงปิดตาข้างเดียว และเต็มใจที่จะปล่อยสินเชื่อ
ขณะที่ผู้กู้ ก็อยากได้เงินกู้มาซื้ออสังหาริมทรัพย์
เพื่อไปเก็งกำไรราคาบ้านที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น
แต่สำหรับคุณไมเคิล เบอร์รี ที่กลับมาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกครั้งในปี 2005 กลับมองว่า ผู้กู้นั้นมีเครดิตต่ำ และมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงดอกเบี้ยที่ต่ำ หรือ “Teaser Rates” ในช่วง 2 ปีแรก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น จนบั่นทอนความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้จำนวนมาก
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เขาจึงเริ่มทำการขาย Short ตราสารหนี้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อบ้านและอสังหาริมทรัพย์ให้กับกองทุนที่เขาบริหาร
เพราะเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ ตราสารหนี้เหล่านั้นจะมีราคาลดลงอย่างมาก
แต่ในตอนนั้น กลับมีลูกค้าบางคนในกองทุนของเขากังวลว่า การคาดการณ์ของเขาจะไม่ถูกต้อง และต้องการถอนเงินออกจากกองทุนของเขา
แต่ในตอนนั้น กลับมีลูกค้าบางคนในกองทุนของเขากังวลว่า การคาดการณ์ของเขาจะไม่ถูกต้อง และต้องการถอนเงินออกจากกองทุนของเขา
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายการคาดการณ์ของเขานั้น ถูกต้อง
วิกฤติซับไพรม์เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในที่สุด
เหตุการณ์นี้ ทำให้เขาสามารถทำกำไรส่วนตัวได้กว่า 3,400 ล้านบาท และทำกำไรสำหรับลูกค้าในกองทุนของเขาได้กว่า 24,000 ล้านบาท จากการขาย Short ตราสารหนี้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อบ้านและอสังหาริมทรัพย์
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เขาก็ทำการปิดตัวกองทุน Scion Capital ลง
เพื่อไปมุ่งเน้นการลงทุนส่วนตัวของเขามากขึ้น
วิกฤติซับไพรม์เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในที่สุด
เหตุการณ์นี้ ทำให้เขาสามารถทำกำไรส่วนตัวได้กว่า 3,400 ล้านบาท และทำกำไรสำหรับลูกค้าในกองทุนของเขาได้กว่า 24,000 ล้านบาท จากการขาย Short ตราสารหนี้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อบ้านและอสังหาริมทรัพย์
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เขาก็ทำการปิดตัวกองทุน Scion Capital ลง
เพื่อไปมุ่งเน้นการลงทุนส่วนตัวของเขามากขึ้น
โดยตลอดระยะเวลาที่เขาบริหารกองทุนในช่วงปี 2000 ถึงปี 2008 นั้น
กองทุนดังกล่าวของเขาสามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 489%
กองทุนดังกล่าวของเขาสามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 489%
ปัจจุบัน คุณไมเคิล เบอร์รี ก็ยังคงลงทุนอยู่ และยังคงแทงสวนทั้งกองทุนและหุ้น ที่ดูเหมือนจะมีมูลค่าเกินกว่าความเป็นจริง ทั้งการ Short กองทุน ARKK ของคุณเคธี วูด ไปจนถึง Short หุ้น Tesla ของคุณอีลอน มัสก์
และเมื่อเดือนที่แล้ว คุณไมเคิล เบอร์รี ก็เพิ่งออกมาพูดว่า
สหรัฐอเมริกากำลังจะเจอกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
อัตราการออมของชาวอเมริกันต่ำสุด นับตั้งแต่ปี 2008
คนอเมริกันจำนวนไม่น้อย กำลังมีการหมุนเงินใช้หนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สหรัฐอเมริกากำลังจะเจอกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
อัตราการออมของชาวอเมริกันต่ำสุด นับตั้งแต่ปี 2008
คนอเมริกันจำนวนไม่น้อย กำลังมีการหมุนเงินใช้หนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน ก็ยังได้บอกว่าการลดลงของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานั้น อาจจะยาวนานกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้
ถึงตรงนี้ เราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า คำทำนายในครั้งนี้ของคุณไมเคิล เบอร์รี จะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
แต่เราในฐานะนักลงทุนก็ควรจะเตรียมใจเผื่อไว้ เพื่อรับแรงกระแทกกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้น ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
- https://en.wikipedia.org/wiki/Michael_Burry
- https://en.wikipedia.org/wiki/Silicon_Investor
- https://fred.stlouisfed.org/series/MSPUS
- https://en.wikipedia.org/wiki/Subprime_mortgage_crisis
- https://markets.businessinsider.com/currencies/news/big-short-michael-burry-says-bitcoin-speculative-bubble-crash-coming-2021-3-1030134627
- https://markets.businessinsider.com/news/stocks/big-short-michael-burry-elon-musk-tesla-gamestop-crypto-crash-2022-1#gamestop-1
- https://in.investing.com/news/the-big-short-famed-michael-burry-warns-of-looming-recession-3220933
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
- https://en.wikipedia.org/wiki/Michael_Burry
- https://en.wikipedia.org/wiki/Silicon_Investor
- https://fred.stlouisfed.org/series/MSPUS
- https://en.wikipedia.org/wiki/Subprime_mortgage_crisis
- https://markets.businessinsider.com/currencies/news/big-short-michael-burry-says-bitcoin-speculative-bubble-crash-coming-2021-3-1030134627
- https://markets.businessinsider.com/news/stocks/big-short-michael-burry-elon-musk-tesla-gamestop-crypto-crash-2022-1#gamestop-1
- https://in.investing.com/news/the-big-short-famed-michael-burry-warns-of-looming-recession-3220933