กรณีศึกษา โดรน DJI

กรณีศึกษา โดรน DJI

กรณีศึกษา โดรน DJI / โดย เพจลงทุนแมน
รู้ไหมว่าโดรนที่เราเห็นบินไปบินมา
7 ใน 10 จะเป็นของบริษัทชื่อ DJI
เจ้าของเป็นคนจีนอายุเพียง 37 ปี
ตอนนี้เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีของโลก
เรื่องราวนี้มีอะไรซ่อนอยู่ให้เราเรียนรู้..
หลายคนอาจคิดว่าโดรนเป็นของเล่นราคาแพงเพื่อความบันเทิง หรือเป็นเทคโนโลยีที่ยังไกลตัว ถูกใช้ในเฉพาะบางหน่วยงานหรือทหาร แต่จริงๆ แล้วโดรนได้ถูกนำมาใช้ในงานที่เราเองได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ และ DJI คือบริษัทโดรนที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลก
DJI มีชื่อบริษัทเต็มๆ ว่า Da-Jiang Innovations Science and Technology เป็นบริษัทจีน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองเซินเจิ้น เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายโดรนที่ครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 70-85% ของตลาดโดรนทั้งหมด (โดรนทั่วไปและเพื่อการพาณิชย์)
ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ DJI ถูกนำไปใช้ในงานต่างๆ อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอทั่วๆ ไป, งานก่อสร้าง และงานกู้ภัย เป็นต้น เพราะความสามารถในการเคลื่อนที่ให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ปกติแล้วเป็นไปไม่ได้หรือไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
แต่ผลงานของโดรนที่เราจะได้เห็นกันบ่อยๆ น่าจะมาจากวงการทีวีและภาพยนตร์ เพราะถูกนำมาใช้ช่วยในการผลิตรายการต่างๆ มากมาย เช่น การถ่ายทำมิวสิควิดีโอหรือรายการข่าวและสารคดีต่างๆ ที่ต้องการภาพจากหลายมุมโดยเฉพาะมุมสูง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้เครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ที่มีต้นทุนการใช้สูง
แม้แต่ซีรีส์ที่คนติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง Game of Thrones ก็เป็นลูกค้าของ DJI
ใครคือเจ้าของบริษัทโดรน DJI?
Wang Tao หรือ Frank Wang ชาวเมืองหางโจว ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นที่หอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัย Hong Kong University of Science & Technology เมื่อปี 2006 หรือเมื่อ 11 ที่แล้ว
โดยหลังจากเข้าเรียนได้ 3 ปี ก็ได้รับทุนจากทางมหาวิทยาลัยเป็นเงิน 18,000 เหรียญฮ่องกง หรือราว 77,000 บาท เพื่อทำโครงงานการวิจัยและพัฒนาโดรนขึ้นมา
หลังจากนั้น ก็ย้ายไปเริ่มธุรกิจอย่างเต็มตัวที่เมืองเซินเจิ้น (ซึ่งถือว่าเป็นย่านเทคโนโลยีของจีน) เพราะสามารถที่จะหาตัววิศวกร รวมไปถึงวัตถุดิบและบริษัทผู้ผลิตได้ง่ายกว่าที่อื่น
บริษัทได้ผลิตออกมาวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี 2008 และตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2015 ยอดขายของโดรน DJI เพิ่มขึ้นจากปี 2011 ถึง 100 เท่า
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ DJI ผลิตโดรนออกมาหลายรุ่นให้เลือกซื้อได้ตามการใช้งาน ทำให้มีรุ่นที่สามารถตั้งราคาขายที่คนทั่วๆ ไปสามารถซื้อมาครอบครองได้ไม่ยากนัก ไปจนถึงรุ่นสำหรับมืออาชีพและองค์กรต่างๆ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ไม่ถึง 20,000 บาท จนถึงหลักแสน
ด้วยความหลากหลายของโดรนและเรื่องของราคา จึงทำให้ DJI ที่นอกจากจะครองตลาดในแถบเอเชียแล้ว ก็สามารถตีตลาดในแถบตะวันตกได้อีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ หลายคนอาจคิดว่า บริษัทจีนมียอดขายดีก็เพราะมีคนจีนซื้อ แต่สำหรับ DJI แล้ว ยอดขายจากในจีนเอง น้อยกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดจากทั่วโลก โดยเป็นรองตลาดใน อเมริกา, ยุโรป, และออสเตรเลีย
บริษัท DJI ใหญ่แค่ไหน?
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 6,000 คน โดยมีสำนักงานอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง ใน 6 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา, เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และจีน
ปี 2016 มีรายได้ 10,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท
ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัท Tech Startup ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของจีน โดยประเมินว่าบริษัทมีมูลค่ากว่า 452,100 ล้านบาท
และ DJI ทำให้ Frank Wang ในวัย 37 ปี กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในกลุ่มเทคโนโลยี โดยอยู่ในอันดับที่ 76 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes (100 Richest in Tech) ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 105,600 ล้านบาท
บทสรุปของเรื่องนี้คงจะเป็นการ คิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตั้งแต่ยังเด็ก ใครมีลูกมีหลานควรปลูกฝังให้เขาเริ่มสร้างตัวตั้งแต่ยังเด็ก
หมดยุค เรียนจบปริญญาตรี โท เอก ก่อน แล้วค่อยมาดูว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำงานอะไร
เราจะสังเกตเห็นว่าคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ จะค้นพบตัวเองก่อนจบมหาวิทยาลัยเสียอีก
แต่ถึงแม้ว่าเราจะแก่แล้วก็ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรสายเกินที่จะเริ่มทำ
สิ่งที่น่ากลัวกว่าการล้มเหลว น่าจะเป็นการ “ไม่เริ่ม” ทำอะไรเลย..
กด add LINE เพจลงทุนแมน ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/%40longtunman หรือ LINE ID: @LONGTUNMAN

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon