กรณีศึกษา ครั้งแรกในเมืองไทย ที่คนทั่วไปสามารถซื้อ คาร์บอนเครดิต
กรณีศึกษา ครั้งแรกในเมืองไทย ที่คนทั่วไปสามารถซื้อ คาร์บอนเครดิต /โดย ลงทุนแมน
อุณหภูมิของโลกเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละราว ๆ 0.6-0.9 องศาเซลเซียส
เรื่องนี้หลายคนอาจมองว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับตัวเรา
เรื่องนี้หลายคนอาจมองว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับตัวเรา
แต่ถ้าบอกว่าอนาคตอันใกล้ โลกที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
อาจจะสร้างปัญหาเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์จะรับมือไหว
อาจจะสร้างปัญหาเลวร้ายเกินกว่าที่มนุษย์จะรับมือไหว
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก คาดการณ์ว่าในปี 2050
หากโลกยังคงร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ อาจทำให้หลายเมืองเกิดน้ำท่วมรุนแรง
ผลผลิตทางการเกษตรในหลาย ๆ ประเทศเสียหาย
อัตราการเกิดของสัตว์หลายประเภทน้อยลงและตายมากขึ้นหรืออาจจะสูญพันธุ์
จนเกิดสภาวะขาดแคลนอาหาร
หากโลกยังคงร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ อาจทำให้หลายเมืองเกิดน้ำท่วมรุนแรง
ผลผลิตทางการเกษตรในหลาย ๆ ประเทศเสียหาย
อัตราการเกิดของสัตว์หลายประเภทน้อยลงและตายมากขึ้นหรืออาจจะสูญพันธุ์
จนเกิดสภาวะขาดแคลนอาหาร
ที่น่ากลัวกว่านั้น ภาวะโลกร้อน ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจทำให้มนุษย์โลก
ต้องเผชิญกับโรคระบาดใหม่ ๆ ซึ่งก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน
ต้องเผชิญกับโรคระบาดใหม่ ๆ ซึ่งก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน
พอได้ยินแบบนี้ ก็เริ่มคิดว่าหากเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริงในอนาคต
มนุษย์เราจะดำรงชีวิตอยู่กันในแบบไหน ซึ่งน่าจะยังไม่มีใครนึกภาพออก
แล้วสาเหตุที่ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือมนุษย์ทุกคน
มนุษย์เราจะดำรงชีวิตอยู่กันในแบบไหน ซึ่งน่าจะยังไม่มีใครนึกภาพออก
แล้วสาเหตุที่ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือมนุษย์ทุกคน
ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำให้หลายประเทศตื่นตัว พร้อมมีมาตรการหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นก็คือ คาร์บอนเครดิต
หนึ่งในนั้นก็คือ คาร์บอนเครดิต
คาร์บอนเครดิต คืออะไร
แล้วรู้หรือไม่ เวลานี้เราทุกคนสามารถซื้อ คาร์บอนเครดิต ได้แล้ว
เรื่องราวทั้งหมด น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามารู้จักที่มาของการเกิด “คาร์บอนเครดิต” กันก่อน
ในปี 1997 ได้เกิดการลงนามในพิธีสารโตเกียว โดยมี 37 ประเทศเข้าร่วมพิธีนี้
พร้อมวางเป้าหมายว่าในแต่ละปี ประเทศตัวเองจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่เท่าไร
พร้อมมีมาตรการทางภาษีสำหรับบริษัทที่ปล่อยก๊าชเรือนกระจกเกินกว่าที่ทางรัฐบาลกำหนด
แล้วรู้หรือไม่ เวลานี้เราทุกคนสามารถซื้อ คาร์บอนเครดิต ได้แล้ว
เรื่องราวทั้งหมด น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามารู้จักที่มาของการเกิด “คาร์บอนเครดิต” กันก่อน
ในปี 1997 ได้เกิดการลงนามในพิธีสารโตเกียว โดยมี 37 ประเทศเข้าร่วมพิธีนี้
พร้อมวางเป้าหมายว่าในแต่ละปี ประเทศตัวเองจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่เท่าไร
พร้อมมีมาตรการทางภาษีสำหรับบริษัทที่ปล่อยก๊าชเรือนกระจกเกินกว่าที่ทางรัฐบาลกำหนด
ซึ่งตอนนั้นหลายประเทศคงเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงในอนาคต
น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงในอนาคต
จนต่อมาในปี 2015 ได้เกิดคำว่า “คาร์บอนเครดิต”
เมื่อการประชุมที่ปารีส ในประเทศฝรั่งเศส ทุกประเทศมีเป้าหมายร่วมกันคือ
รักษาอุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกไม่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น
เมื่อการประชุมที่ปารีส ในประเทศฝรั่งเศส ทุกประเทศมีเป้าหมายร่วมกันคือ
รักษาอุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกไม่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น
หนึ่งในมาตรการที่เกิดขึ้นก็คือการซื้อ-ขาย “คาร์บอนเครดิต”
โดยมีหลักการง่าย ๆ คือ หากบริษัทใดลดการปล่อยคาร์บอนฯ ได้ต่ำกว่าที่รัฐบาลกำหนด
ก็สามารถขายสิทธิ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ที่เหลือให้บริษัทอื่น ๆ
ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เกินกว่าที่รัฐบาลกำหนด นั่นเอง
โดยมีหลักการง่าย ๆ คือ หากบริษัทใดลดการปล่อยคาร์บอนฯ ได้ต่ำกว่าที่รัฐบาลกำหนด
ก็สามารถขายสิทธิ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ที่เหลือให้บริษัทอื่น ๆ
ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เกินกว่าที่รัฐบาลกำหนด นั่นเอง
นั่นแปลว่าหากบริษัทไหนต้องการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นจำนวนมาก
ก็จำเป็นต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากบริษัทอื่น
ก็จำเป็นต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากบริษัทอื่น
ส่วนทางฝั่งบริษัทที่เป็นผู้ขายก็จะนำเงินที่ได้ มาพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าตัวเอง
ที่เน้นใช้พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม
ที่เน้นใช้พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งโมเดลนี้ จะส่งผลให้บริษัทที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ น้อยอยู่แล้ว
ก็จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ก้าวไปสู่ Net Zero หรือค่าการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
ก็จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ก้าวไปสู่ Net Zero หรือค่าการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
ส่วนบริษัทไหนที่ไม่อยากมีต้นทุนทางธุรกิจเพิ่ม ก็หันมาเคร่งครัดการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ
ในกระบวนการผลิตและอื่น ๆ
ในกระบวนการผลิตและอื่น ๆ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ภาพรวมการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ น้อยลงเรื่อย ๆ
โดยโมเดลนี้ก็ถูกนำไปใช้ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก
อย่างเช่น สหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในภาคบังคับ
โดยโมเดลนี้ก็ถูกนำไปใช้ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก
อย่างเช่น สหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในภาคบังคับ
ส่วนในประเทศไทยนั้นเป็น ตลาดสมัครใจ
คือเป็นการซื้อ-ขายที่ไม่มีกฎระเบียบข้อบังคับจากทางภาครัฐ
คือเป็นการซื้อ-ขายที่ไม่มีกฎระเบียบข้อบังคับจากทางภาครัฐ
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดในเรื่องคาร์บอนเครดิต
ก็คือ การก่อตั้ง Carbon Markets Club นำโดย กลุ่มบริษัทบางจากฯ พร้อมด้วยความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยมาเข้าร่วม ได้แก่ กฟผ., เครือเจริญโภคภัณฑ์, เชลล์, บีทีเอส กรุ๊ป, เต็ดตรา แพ้ค, บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงศรีฯ
ก็คือ การก่อตั้ง Carbon Markets Club นำโดย กลุ่มบริษัทบางจากฯ พร้อมด้วยความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยมาเข้าร่วม ได้แก่ กฟผ., เครือเจริญโภคภัณฑ์, เชลล์, บีทีเอส กรุ๊ป, เต็ดตรา แพ้ค, บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงศรีฯ
11 บริษัทนี้ก็มาทำการซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต
โดยมีผู้ขายคือ บริษัท บีซีพีจี และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ซึ่งมีราคาขายอยู่ที่ 25 บาทต่อ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2e)
โดยมีผู้ขายคือ บริษัท บีซีพีจี และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ซึ่งมีราคาขายอยู่ที่ 25 บาทต่อ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2e)
และเพียงวันแรกที่เปิดตลาดซื้อ-ขายกันนั้นมีมูลค่ารวม 2,564 ตันคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหญ่ 298,140 ต้น หรือคิดเป็น 1,491 ไร่
ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหญ่ 298,140 ต้น หรือคิดเป็น 1,491 ไร่
ที่น่าสนใจก็คือ Carbon Markets Club ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
ยังช่วยประสานงานการขายให้แก่คนทั่วไปที่ต้องการซื้อ คาร์บอนเครดิต จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรืออบก. อีกด้วย
ยังช่วยประสานงานการขายให้แก่คนทั่วไปที่ต้องการซื้อ คาร์บอนเครดิต จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรืออบก. อีกด้วย
รู้หรือไม่ว่า ค่าเฉลี่ยคนไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 3.77 ตันต่อคน
โดยตัวเลขนี้จะเป็นการคำนวณค่าเฉลี่ยจากภาคการผลิตและภาคขนส่งของประเทศ
ที่ในปี 2020 มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมกัน 224.3 ล้านตัน
โดยตัวเลขนี้จะเป็นการคำนวณค่าเฉลี่ยจากภาคการผลิตและภาคขนส่งของประเทศ
ที่ในปี 2020 มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมกัน 224.3 ล้านตัน
โดยแบ่งเป็นภาคการผลิตไฟฟ้า 40% ภาคอุตสาหกรรม 29% ภาคขนส่ง 25%
ที่เหลือคือภาคธุรกิจอื่น ๆ 6%
ที่เหลือคือภาคธุรกิจอื่น ๆ 6%
ข้อมูลตรงนี้ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ใน 1 วันตัวเราเองก็เป็นผู้ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนฯ
เพราะเราต้องใช้ไฟฟ้าและเดินทางบนท้องถนนอยู่เป็นประจำ
ซึ่งหากใครที่สนใจเข้าร่วม Carbon markets club หรืออยากจะซื้อคาร์บอนเครดิต
ก็สามารถติดต่อสอบถามไปที่กลุ่มบางจากฯ
เพราะเราต้องใช้ไฟฟ้าและเดินทางบนท้องถนนอยู่เป็นประจำ
ซึ่งหากใครที่สนใจเข้าร่วม Carbon markets club หรืออยากจะซื้อคาร์บอนเครดิต
ก็สามารถติดต่อสอบถามไปที่กลุ่มบางจากฯ
ทีนี้หลายคนคงถามว่า แล้วเงินที่ได้จากการขายคาร์บอนเครดิตถูกนำไปใช้ประโยชน์อะไร ?
คำตอบก็คือ นอกจากจะนำไปใช้ในเรื่องพัฒนาสิ่งแวดล้อมแล้วนั้น
เงินอีกก้อนก็จะถูกนำไปใช้พัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เงินอีกก้อนก็จะถูกนำไปใช้พัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าจะสามารถนำใบรับรองการซื้อคาร์บอนเครดิต
ไปลดหย่อนภาษีได้อีกต่างหาก
ไปลดหย่อนภาษีได้อีกต่างหาก
ทีนี้ก็น่าจะทำให้เกิดคำถามว่า ควรซื้อหรือไม่ควรซื้อ ?
เรื่องนี้ก็คงขึ้นอยู่กับมุมมองและความสมัครใจของแต่ละคน
เรื่องนี้ก็คงขึ้นอยู่กับมุมมองและความสมัครใจของแต่ละคน
ส่วนในมุมของ ลงทุนแมน เรื่องนี้อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เพราะสิ่งที่อยากสื่อสารตั้งแต่ตัวอักษรแรกในบทความนี้
เพราะสิ่งที่อยากสื่อสารตั้งแต่ตัวอักษรแรกในบทความนี้
คือต้องการจะบอกทุกคนว่า ที่ผ่านมาเราต่างรู้สึกกันว่า
ในแต่ละวันที่มีอุณหภูมิร้อนขึ้น เราอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่ความจริงแล้วปัญหานี้แค่รอเวลาจะ “ระเบิด”
ในแต่ละวันที่มีอุณหภูมิร้อนขึ้น เราอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่ความจริงแล้วปัญหานี้แค่รอเวลาจะ “ระเบิด”
ซึ่งมันจะระเบิดในช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ หรือจะรุ่นลูกรุ่นหลาน คงไม่มีใครตอบได้
แต่ที่แน่ ๆ ภาวะโลกร้อน ณ วันนี้ ยังคงไม่มีทางแก้ไข
สิ่งที่ทำได้แค่เพียง “ซื้อเวลา” ที่จะไม่ให้วิกฤติต่าง ๆ เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.greenpeace.org/thailand/story/1729/1-5degrees/
-https://thaipublica.org/2020/05/2020-to-be-to-hottest-year-heat-reaching-human-tolerance/
-https://urbancreature.co/reenindex-carbondioxide/
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/921002
-ข่าวประชาสัมพันธ์ Carbon Markets Club
แต่ที่แน่ ๆ ภาวะโลกร้อน ณ วันนี้ ยังคงไม่มีทางแก้ไข
สิ่งที่ทำได้แค่เพียง “ซื้อเวลา” ที่จะไม่ให้วิกฤติต่าง ๆ เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.greenpeace.org/thailand/story/1729/1-5degrees/
-https://thaipublica.org/2020/05/2020-to-be-to-hottest-year-heat-reaching-human-tolerance/
-https://urbancreature.co/reenindex-carbondioxide/
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/921002
-ข่าวประชาสัมพันธ์ Carbon Markets Club