
กรณีศึกษา ฝันร้ายของร้านหนังสือ Barnes & Noble
กรณีศึกษา ฝันร้ายของร้านหนังสือ Barnes & Noble /โดย ลงทุนแมน
ยักษ์ใหญ่ในวงการร้านขายหนังสือของสหรัฐอเมริกา คือ “Barnes & Noble”
ในสมัยก่อน พวกเขาเคยครองความยิ่งใหญ่ กดดันให้ผู้เล่นรายอื่นต้องปิดกิจการลง
แต่ปัจจุบัน ภาพเหล่านั้นได้กลายเป็นเพียงแค่อดีต
เพราะอินเทอร์เน็ต เข้ามา Disrupt ธุรกิจ จนร้านมีสภาพย่ำแย่เสียเอง
ในสมัยก่อน พวกเขาเคยครองความยิ่งใหญ่ กดดันให้ผู้เล่นรายอื่นต้องปิดกิจการลง
แต่ปัจจุบัน ภาพเหล่านั้นได้กลายเป็นเพียงแค่อดีต
เพราะอินเทอร์เน็ต เข้ามา Disrupt ธุรกิจ จนร้านมีสภาพย่ำแย่เสียเอง
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
┗━━━━━━━━━━━━┛
Barnes & Noble เป็นร้านหนังสือของประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1917 หรือ 102 ปีที่แล้ว
โดยการร่วมทุนกันระหว่าง นายวิลเลียม บาร์นส์ กับ นายกิลเบิร์ต โนเบิล
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
┗━━━━━━━━━━━━┛
Barnes & Noble เป็นร้านหนังสือของประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1917 หรือ 102 ปีที่แล้ว
โดยการร่วมทุนกันระหว่าง นายวิลเลียม บาร์นส์ กับ นายกิลเบิร์ต โนเบิล
ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1975 ร้านเริ่มมีชื่อเสียง จากการขายหนังสือในราคาถูกกว่าที่สำนักพิมพ์ตั้ง
ซึ่งบางครั้ง ลดมากถึง 40%
ซึ่งบางครั้ง ลดมากถึง 40%
กลยุทธ์นี้ส่งผลให้ Barnes & Noble ยึดครองส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็ว
จนร้านขนาดเล็กต้องทยอยปิดตัวลง เพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
จนร้านขนาดเล็กต้องทยอยปิดตัวลง เพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
นอกจากนี้ ยังได้มีการเข้าซื้อกิจการ เช่น B. Dalton ซึ่งเป็นร้านชื่อดังที่เน้นเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า
ส่งผลให้พวกเขาเติบโตเป็นธุรกิจร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา
ตัวร้านของ Barnes & Noble นั้น มีจุดเด่นที่ความกว้างของพื้นที่
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ราว 26,000 ตารางฟุตต่อสาขา
โดยเฉพาะสาขาในเมืองนิวยอร์ก มีขนาดถึง 154,250 ตารางฟุต
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ราว 26,000 ตารางฟุตต่อสาขา
โดยเฉพาะสาขาในเมืองนิวยอร์ก มีขนาดถึง 154,250 ตารางฟุต
และภายในร้าน จะมีการจัดสรรพื้นที่ให้คนมานั่งอ่านหนังสือ
รวมทั้งวางขายสินค้าประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ส่วนเพิ่ม เช่น ดีวีดีหนัง, ซีดีเพลง, แผ่นเกม และของเล่น
รวมทั้งวางขายสินค้าประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ส่วนเพิ่ม เช่น ดีวีดีหนัง, ซีดีเพลง, แผ่นเกม และของเล่น
แต่หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน
ฝันร้ายของพวกเขา ก็มาเยือน
ฝันร้ายของพวกเขา ก็มาเยือน
เพราะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ได้ส่งผลให้ธุรกิจร้านค้าปลีกแบบ E-Commerce ถือกำเนิดขึ้น
บริษัท Amazon เริ่มต้นจากการขายหนังสือทางแพลตฟอร์มออนไลน์
ซึ่งสามารถนำเสนอสินค้าได้หลากหลายกว่า และไม่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่
อีกทั้งต่อมา ยังได้พัฒนาอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Reader อย่าง Kindle ขึ้นมาด้วย
ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคค่อยๆ เปลี่ยนไป
เข้าร้านหนังสือน้อยลง และหลายคนเปลี่ยนไปอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งสามารถนำเสนอสินค้าได้หลากหลายกว่า และไม่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่
อีกทั้งต่อมา ยังได้พัฒนาอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Reader อย่าง Kindle ขึ้นมาด้วย
ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคค่อยๆ เปลี่ยนไป
เข้าร้านหนังสือน้อยลง และหลายคนเปลี่ยนไปอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แม้ภายหลัง Barnes & Noble จะเปิดเว็บไซต์ออนไลน์
และสร้างอุปกรณ์ E-Reader ชื่อว่า Nook เช่นเดียวกัน
แต่ยอดขายก็เทียบกับ Amazon ไม่ติด
และสร้างอุปกรณ์ E-Reader ชื่อว่า Nook เช่นเดียวกัน
แต่ยอดขายก็เทียบกับ Amazon ไม่ติด
ส่วนแบ่งตลาดขายหนังสือของ Amazon ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2018
หนังสือแบบกระดาษ 42%
หนังสือแบบ E-Book 89%
หนังสือแบบกระดาษ 42%
หนังสือแบบ E-Book 89%
ขณะที่สินค้าอื่นๆ ของร้าน ก็ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน
ดีวีดีภาพยนตร์ ถูก Disrupt โดย Netflix
ซีดีเพลง ถูก Disrupt โดย Spotify
แผ่นเกม ถูก Disrupt โดย Steam
ดีวีดีภาพยนตร์ ถูก Disrupt โดย Netflix
ซีดีเพลง ถูก Disrupt โดย Spotify
แผ่นเกม ถูก Disrupt โดย Steam
ด้วยเหตุนี้ ผลการดำเนินงานของ Barnes & Noble จึงตกต่ำลงไปอย่างชัดเจน
ปี 2012 รายได้ 216,000 ล้านบาท กำไร 2,100 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 107,600 ล้านบาท กำไร 114 ล้านบาท
ปี 2012 รายได้ 216,000 ล้านบาท กำไร 2,100 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 107,600 ล้านบาท กำไร 114 ล้านบาท
จากวิกฤติดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องทยอยลดต้นทุนเพื่อความอยู่รอดในหลายปีที่ผ่านมา
โดยปิดหน้าร้านไป 150 แห่ง เหลืออยู่ 627 สาขา
และลดจำนวนพนักงาน จากราว 50,000 คน เหลืออยู่ 27,000 คน
โดยปิดหน้าร้านไป 150 แห่ง เหลืออยู่ 627 สาขา
และลดจำนวนพนักงาน จากราว 50,000 คน เหลืออยู่ 27,000 คน
จนกระทั่งในเดือนสิงหาคม 2019 Barnes & Noble ตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัทกองทุน Elliott Management ในราคา 20,700 ล้านบาท
และได้แต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ชื่อ เจมส์ ดอนต์ ซึ่งเป็นความหวังในการเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์
เพราะเขาเคยบริหารร้านหนังสืออังกฤษ Waterstones ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลาย กลับมามีกำไรสำเร็จ
เพราะเขาเคยบริหารร้านหนังสืออังกฤษ Waterstones ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลาย กลับมามีกำไรสำเร็จ
หลักการที่ดอนต์ใช้ คือ สร้างประสบการณ์ที่ดี และมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า จากการเข้าร้านหนังสือ
โดยเขาให้สิทธิ์พนักงานแต่ละร้านเลือกหนังสือสำหรับวางไว้บนชั้นแนะนำ ที่น่าจะเหมาะสมกับแนวโน้มความชอบของผู้อ่านในท้องถิ่น
รวมทั้งเปลี่ยนภาพลักษณ์ ให้ดึงดูดผู้คนเข้ามาใช้เวลาในร้าน เพื่อเพิ่มโอกาสซื้อสินค้า เหมือนกรณีของร้านกาแฟ Starbucks เช่น ให้บริการ WiFi ฟรี หรือเปิดให้ชาร์จไฟฟ้าได้
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า Barnes & Noble จะปรับตัวบนสนามแข่งที่พวกเขาไม่ใช่ผู้นำแล้วได้หรือไม่
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แต่กำลังเกิดขึ้นกับร้านหนังสือทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
ในวันที่ทุกคนมีเรื่องราวมากมายให้อ่านในสมาร์ตโฟน
ร้านหนังสือจะนำเสนออย่างไรให้น่าสนใจ
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แต่กำลังเกิดขึ้นกับร้านหนังสือทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
ในวันที่ทุกคนมีเรื่องราวมากมายให้อ่านในสมาร์ตโฟน
ร้านหนังสือจะนำเสนออย่างไรให้น่าสนใจ
เพราะในที่สุดแล้ว ร้านหนังสือมีสินค้าที่น่าสนใจอยู่ในมือมากมาย
เหลือแค่ว่าจะทำอย่างไร ให้สามารถนำเสนอของเหล่านั้น ไปสู่สายตาผู้บริโภค
และสิ่งหนึ่งที่ในออนไลน์ไม่มี ก็คือของที่สัมผัสได้จริง
ร้านหนังสือจะทำอย่างไร ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น
แต่ถ้าทำไม่ได้ หรือลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าดีกว่าอ่านออนไลน์
ฝันร้ายนี้ ก็น่าจะยังคงอยู่กับร้านหนังสือต่อไป..
----------------------
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
----------------------
References
-https://www.cnbc.com/video/2018/11/07/barnes-noble-amazon-books-struggling.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Barnes_%26_Noble
-https://www.inc.com/justin-bariso/barnes-nobles-new-ceo-just-quietly-revealed-a-brilliant-plan-to-save-itself-from-amazon.html
-https://www.businesswire.com/news/home/20190619005407/en/Barnes-Noble-Reports-Fiscal-2019-Year-End-Financial
-https://www.bbc.com/news/business-48884596
-https://retailwire.com/discussion/is-it-too-late-for-a-new-store-concept-from-barnes-noble/
-https://www.thebalancesmb.com/is-barnes-amp-noble-the-worlds-largest-bookstore-2892133
เหลือแค่ว่าจะทำอย่างไร ให้สามารถนำเสนอของเหล่านั้น ไปสู่สายตาผู้บริโภค
และสิ่งหนึ่งที่ในออนไลน์ไม่มี ก็คือของที่สัมผัสได้จริง
ร้านหนังสือจะทำอย่างไร ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น
แต่ถ้าทำไม่ได้ หรือลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าดีกว่าอ่านออนไลน์
ฝันร้ายนี้ ก็น่าจะยังคงอยู่กับร้านหนังสือต่อไป..
----------------------
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
----------------------
References
-https://www.cnbc.com/video/2018/11/07/barnes-noble-amazon-books-struggling.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Barnes_%26_Noble
-https://www.inc.com/justin-bariso/barnes-nobles-new-ceo-just-quietly-revealed-a-brilliant-plan-to-save-itself-from-amazon.html
-https://www.businesswire.com/news/home/20190619005407/en/Barnes-Noble-Reports-Fiscal-2019-Year-End-Financial
-https://www.bbc.com/news/business-48884596
-https://retailwire.com/discussion/is-it-too-late-for-a-new-store-concept-from-barnes-noble/
-https://www.thebalancesmb.com/is-barnes-amp-noble-the-worlds-largest-bookstore-2892133