กรณีศึกษา MUJI เมื่อความ Minimal เจอความท้าทาย
กรณีศึกษา MUJI เมื่อความ Minimal เจอความท้าทาย / โดยลงทุนแมน
Minimal หรือคำว่า Less is more เป็นปรัชญาที่หลายบริษัทยึดถือ
ซึ่ง MUJI ก็ถือได้ว่าเป็นผู้นำในเรื่องนี้
จุดแข็งของแบรนด์ MUJI คือ สินค้าที่ไม่ต้องมีแบรนด์ ไม่ต้องมีสีสันมาก ไม่ได้ทำการตลาดหวือหวา แต่เน้นที่คุณภาพ การใช้งาน และความเรียบง่าย เป็นหลัก
ซึ่ง MUJI ก็ถือได้ว่าเป็นผู้นำในเรื่องนี้
จุดแข็งของแบรนด์ MUJI คือ สินค้าที่ไม่ต้องมีแบรนด์ ไม่ต้องมีสีสันมาก ไม่ได้ทำการตลาดหวือหวา แต่เน้นที่คุณภาพ การใช้งาน และความเรียบง่าย เป็นหลัก
แต่มาวันนี้ ความเรียบง่าย อาจกลายเป็นเรื่องท้าทายสำหรับ MUJI
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในช่วงที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของ บริษัท Ryohin Keikaku เจ้าของ MUJI นั้น มีการเติบโตติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี
MUJI มีการขยายสาขาไปทั่วโลก ทั้งใน ยุโรป จีน รวมถึงประเทศไทยด้วย
รายได้และกำไรของบริษัท Ryohin Keikaku
ปี 2016 รายได้ 95,950 ล้านบาท กำไร 11,020 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 109,271 ล้านบาท กำไร 13,044 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 117,950 ล้านบาท กำไร 12,892 ล้านบาท
ปี 2016 รายได้ 95,950 ล้านบาท กำไร 11,020 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 109,271 ล้านบาท กำไร 13,044 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 117,950 ล้านบาท กำไร 12,892 ล้านบาท
จากตัวเลขทำให้เห็นว่า กำไรของ MUJI เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
แล้วสาเหตุมาจากอะไร?
ถ้ามองไปให้ลึก ตอนนี้ MUJI ไม่ใช่แบรนด์ขายให้เฉพาะคนญี่ปุ่นอีกต่อไป เพราะปัจจุบัน รายได้กว่า 40% ของ MUJI นั้นมาจากสาขานอกญี่ปุ่น
ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นคือ MUJI กำลังมีคู่แข่งเป็นบริษัททั่วทั้งโลก
Cr. Wikimedia Commons
เมื่อดูข้อมูลต่อ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ยอดขายต่อสาขาเดิมของ MUJI ในจีนได้ลดลงเช่นกัน โดยหนึ่งในสาเหตุหลักก็คือมีคู่แข่งที่นำเสนอสินค้าที่คล้ายกันในราคาถูกกว่า
จริงๆ แล้ว MUJI ต้องการจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ซึ่งหากเราไปดูในญี่ปุ่น สินค้า MUJI นั้น ราคาจะไม่สูงนักตามที่ MUJI อยากจะเป็น
แต่เมื่อสินค้าของ MUJI ถูกส่งไปขายในต่างประเทศ จะมีราคาสูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเสียภาษีจากการนำเข้า หรือ ค่าขนส่งไปต่างประเทศ
ถ้า MUJI วางตัวเป็นสินค้าแบรนด์หรู ลูกค้าในต่างประเทศก็คงจะยอมจ่ายเงินแพงขึ้นเพื่อซื้อสินค้าของ MUJI โดยไม่ได้ขัดข้องใจ
แต่ความท้าทายคือ MUJI วางตัวเป็นสินค้าเรียบง่าย ที่คู่แข่งในประเทศนั้นๆ สามารถทำสินค้าประเภทนั้นออกมาขายแข่งในราคาที่ต่ำกว่า
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ร้าน Miniso ในประเทศจีน ที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ในราคาที่ถูกกว่ามาก และกำลังขยายสาขาไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกเช่นกัน
Cr. FashionNetwork
ถึงแม้ว่าจะมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ยังคงชื่นชอบแบรนด์ MUJI แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ถูกแบรนด์คู่แข่งแย่งไป
ซึ่งน่าติดตามว่า MUJI จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร?
ทางออกหนึ่งก็คือ MUJI ต้องผลิตสินค้าในประเทศที่จำหน่าย เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งถ้าหากทำได้ ก็อาจจะเห็น สินค้าของ MUJI ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
ซึ่งถ้าหากทำได้ ก็อาจจะเห็น สินค้าของ MUJI ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
แต่เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาให้กับเราได้เป็นอย่างดี
ในบางครั้ง คำว่า Minimal ก็อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป
ถ้าความเป็น Minimal นั้น มีราคาที่เกินความเป็น Minimal..
----------------------
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่ อ่านฟรี
โหลดเลย Blockdit.com/download
----------------------
References
-https://www.bloomberg.com/news/features/2019-07-15/muji-struggles-as-chinese-copycats-knock-off-minimalist-products
-https://ssl4.eir-parts.net/doc/7453/ir_material_for_fiscal_ym8/66448/00.pdf
-https://asia.nikkei.com/Companies/Ryohin-Keikaku-Co.-Ltd
ในบางครั้ง คำว่า Minimal ก็อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป
ถ้าความเป็น Minimal นั้น มีราคาที่เกินความเป็น Minimal..
----------------------
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่ อ่านฟรี
โหลดเลย Blockdit.com/download
----------------------
References
-https://www.bloomberg.com/news/features/2019-07-15/muji-struggles-as-chinese-copycats-knock-off-minimalist-products
-https://ssl4.eir-parts.net/doc/7453/ir_material_for_fiscal_ym8/66448/00.pdf
-https://asia.nikkei.com/Companies/Ryohin-Keikaku-Co.-Ltd