ทำไมหุ้น PLAN B พีอี 50 เท่า
ถ้าถามว่ามีใครบ้างในประเทศไทยที่อายุไม่เกิน 35 ปี สร้างธุรกิจด้วยตัวเองจนมีมูลค่าแตะหลัก 10,000 ล้านบาท
คนส่วนใหญ่คงตอบว่า..
คุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย
หรือ คุณเม after you
แต่จริงๆแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง
คนนั้นคือใคร?
คนส่วนใหญ่คงตอบว่า..
คุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย
หรือ คุณเม after you
แต่จริงๆแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง
คนนั้นคือใคร?
คุณบี หรือ ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ปัจจุบัน อายุ 33 ปี อายุพอๆกับคุณต๊อบเถ้าแก่น้อย
แต่ที่น่าสนใจคือคุณบีได้เอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ในเดือนกุมภาปี 2015 และทำให้บริษัทมีมูลค่าแตะหลักหมื่นล้าน ก่อนคุณต๊อบเสียอีก
แต่ที่น่าสนใจคือคุณบีได้เอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ในเดือนกุมภาปี 2015 และทำให้บริษัทมีมูลค่าแตะหลักหมื่นล้าน ก่อนคุณต๊อบเสียอีก
ปัจจุบันบริษัทอยู่ในดัชนี SET100 หรือ บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์
แล้วบริษัทนี้ทำอะไรบ้าง ทำไมมีมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น?
บริษัทนี้เป็นเจ้าของเครือข่ายสื่อนอกบ้านหลายช่องทาง มากขนาดที่เราอาจจะนึกไม่ถึง
เรียกได้ว่าถ้าเราออกไปนอกบ้าน เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นป้ายโฆษณาของ PLAN B
เพราะป้ายของ PLAN B จะอยู่ตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น
รถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบินทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่เฉพาะ ดอนเมือง และสุวรรณภูมิ แต่รวมถึงสนามบินในประเทศทุกหัวเมืองใหญ่
ป้ายบิลบอร์ดบน บนถนน ทางด่วน ทั้งใน กรุงเทพ และจุดสำคัญทั่วประเทศ
จอLED หลายร้อยจอ ทั้งบนอาคาร ตึกสำนักงานในกรุงเทพ และอีก 50 จังหวัดทั่วประเทศ
ห้างสรรพสินค้า Paragon Emporium Emquartier ห้างเครือเซ็นทรัล และ BigC ทุกสาขา
แม้แต่บนหน้าจอตู้เติมเงินบุญเติม PLAN B ก็ยังโผล่ไปโฆษณา
การมีเครือข่ายสื่ออยู่ในมือหลายช่องทางทำให้ PLAN B ได้เปรียบในการคุยกับเจ้าของแบรนด์ที่อยากจะโฆษณา
แบรนด์ที่อยากโฆษณาก็คงมีตั้งแต่ปลากระป๋อง ยันรถโรซรอยส์ เพราะ PLAN B ครอบครองช่องทางสื่อตั้งแต่ระดับล่างสุดจนถึงระดับบนสุด
การที่แบรนด์เลือกได้ว่าจะ target ไปให้ผู้บริโภคกลุ่มไหน ไม่ต่างอะไรกับจุดเด่นของการโฆษณาในเฟซบุ๊คที่เป็นสื่อออนไลน์
พอเรื่องเป็นอย่างนี้ ผลลัพธ์ก็คือ ที่ผ่านมาตลาดสื่อนอกบ้านมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าตลาดสื่ออื่น เช่น ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ซึ่งไม่ได้เป็นเฉพาะที่เมืองไทยเท่านั้น
แนวโน้มการเติบโตของสื่อนอกบ้านในต่างประเทศเป็นไปในทางเดียวกัน เพราะ คนใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น และสื่อหลักอย่างทีวีเริ่มมีประสิทธิภาพลดลง ผู้โฆษณาจึงจัดสรรงบเทไปยังสื่อประเภทที่ได้ผล
ที่น่าสนใจคือ ท่ามกลางการแข่งขันของทีวีดิจิตอลที่มีผู้ประกอบการมากรายในปัจจุบัน ทีวีดิจิตอลกลับเลือกที่จะโปรโมตช่องทีวีของตัวเองผ่านหน้าจอสื่อนอกบ้าน
แม้แต่ธุรกิจออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ ก็ใช้สื่อนอกบ้านในการโปรโมต แอพ หรือ เวบไซต์ของตัวเอง ตัวอย่างเช่น google amazon alibaba netflix uber grab หรือแม้กระทั่ง facebook เองก็มีการใช้สื่อนอกบ้านในการทำให้คนมี engagement ร่วมกับออนไลน์มากขึ้น
สรุปแล้วเรื่องนี้เขาเรียกว่า O2O หรือ Offline to Online ซึ่งเป็นการโฆษณาดึงคนจากออฟไลน์เข้าไปสู่โลกออนไลน์ โดยเครื่องมือที่ใช้โฆษณาก็คือสื่อนอกบ้าน
และเราจะได้เห็นแนวโน้มการผสมกันของ O2O มากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต เช่น ป้ายโฆษณาที่เป็นแคตาล็อกสินค้าที่มี QR Code ให้คนซื้อสแกนแล้วสินค้าจะไปส่งถึงหน้าบ้าน
แต่จุดเด่นของสื่อนอกบ้านก็คือ ใครก็ตามที่สามารถครอบครองทำเลที่สำคัญได้มากที่สุด จะเป็น barrier ที่คู่แข่งเข้ามาได้ยาก ซึ่งต่างจากสื่ออื่นเช่นทีวี ที่ต้องแข่งกันแย่งชิงสายตาของผู้ชมอยู่ตลอดเวลา
ด้วยข้อดีจุดนี้ผลออกมาก็คือ ที่ผ่านมาบริษัททำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ไตรมาสที่ 1 ปี 2017 ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ 101 ล้านบาท แต่ถ้าไม่นับค่าเสื่อม บริษัทมี ebitda มากถึง 228 ล้านบาท
ย้อนกลับไปปี 2015 และ 2016 บริษัทมี ebitda อยู่ราวๆ 900 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระแสเงินสดที่มีมากพอ และทำให้เหลือเงินไปลงทุนเพิ่มในกิจการอื่นๆได้อีก
ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับบริษัทสื่ออื่นที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ต้องขายกิจการอื่นเพื่อรักษาธุรกิจหลักของตัวเอง
ปัจจุบัน บริษัทนี้ถ้าเทียบกับบริษัทสื่ออื่น เป็นอย่างไร?
ถ้าให้เห็นภาพตอนนี้ PLAN B ของคุณบีที่ก่อตั้งมาเพียง 12 ปี เป็นบริษัทสื่อที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่าบริษัทเก่าแก่อย่าง GRAMMY RS และ MCOT ถึง 2 เท่า..
มูลค่าบริษัทปัจจุบัน..
PLANB 21,273 ล้านบาท
GRAMMY 9,183 ล้านบาท
RS 12,018 ล้านบาท
MCOT 9,138 ล้านบาท
PLANB 21,273 ล้านบาท
GRAMMY 9,183 ล้านบาท
RS 12,018 ล้านบาท
MCOT 9,138 ล้านบาท
แต่ ความเสี่ยงของ PLAN B ก็มีเหมือนกัน..
ความเสี่ยง คือ สื่อประเภทนี้ขึ้นอยู่กับสัมปทานจากภาครัฐ และสัญญาเช่าจากเอกชน งานต่างๆที่ได้ในวันนี้จะมีอายุสัญญาที่มีวันหมด ซึ่งนโยบายของภาครัฐอาจมีผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของ PLAN B
และ PLAN B ไม่ได้มีบริษัทแม่ที่ให้การสนับสนุนเหมือนบริษัทคู่แข่งอย่าง VGI
ตัวอย่างเช่นบริษัท BTS สนับสนุน VGI โดยการเอื้อให้มีต้นทุนจากส่วนแบ่งรายได้ที่ต่ำมาก
PLAN B สามารถลดความเสี่ยงนี้ได้ คือการมีคู่สัญญาที่หลากหลายประเภท ไม่ได้ยึดติดอยู่กับสัญญาตัวใดตัวหนึ่ง
การที่ PLAN B ได้เข้าไปบริหาร สิทธิประโยชน์ของฟุตบอลไทย น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่เฉพาะสื่อนอกบ้านแต่มองหาช่องทางอื่นๆในการหารายได้เข้าบริษัท
และจริงๆแล้วตลาดฟุตบอลไทยเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลซ่อนอยู่ รอวันที่ PLAN B จะดึงศักยภาพออกมาใช้ให้เต็มที่
ในส่วนของต่างประเทศ วันนี้ยังไม่เห็นรายได้ที่กลับเข้ามาอย่างเป็นชิ้นเป็นอันซักเท่าไหร่ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นที่ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือประเทศลาว โดยมีพันธมิตรเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
แต่ธุรกิจในต่างประเทศคงไม่ง่ายเท่ากับการทำธุรกิจในเมืองไทยซึ่งผู้บริหารมีความชำนาญเป็นอย่างดี
ที่น่าสนใจ ปัจจุบันมูลค่าบริษัท PLAN B ซื้อขายกันในระดับ 50 เท่าของกำไร ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงพอกันกับ เถ้าแก่น้อย และ after you
คงต้องยอมรับว่า PE ที่ตลาดให้ PLAN B เถ้าแก่น้อย และ after you นั้น ถือว่าสูงเกินค่า PE เฉลี่ยของอุตสาหกรรมของพวกเขา
และเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายคนหนุ่มสาวหมื่นล้านทั้ง 3 คนนี้ว่าจะทำบริษัทให้เติบโตได้ตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่?
ถ้า PLAN B ทำตามที่ตลาดคาดหวังไม่ได้ ก็อาจจะโดนตลาดลงโทษเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับหุ้นของ เถ้าแก่น้อย และ after you มาแล้ว..
บทความนี้ผู้เขียนมีเจตนานำเสนอเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหุ้นนี้แต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหุ้นนี้แต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
Tag: PLANB