ถ้าถามว่า ธุรกิจอะไรที่ในเวลานี้ฟื้นตัวได้แรงและเร็ว คำตอบแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคือ “ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร” เมื่อต้องยอมรับว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของโควิด 19 ได้สะกดผู้คนให้หยุดเคลื่อนไหว แต่เมื่อสถานการณ์การระบาดคลี่คลายลง เสมือนเป็นการปลดล็อกความอัดอั้นของผู้คนทั่วโลก จนกลับมาเคลื่อนไหวโดยการเดินทางท่องเที่ยว และแวะชิมร้านอาหารอร่อย ๆ กันอย่างคึกคัก

MINT -5% กังวลเศรษฐกิจยุโรปถดถอย

เมื่อหลายประเทศทั่วโลกพร้อมใจกันประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำท้องถิ่น หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้คนทั่วโลกออกเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ ธุรกิจที่เคยได้รับผลกระทบ กลับมาฟื้นตัวพร้อม ๆ กับผลประกอบการที่เติบโต

เปิดศักราชใหม่ปี 2565 บรรยากาศการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ถือว่าค่อนข้างผันผวน ไม่ว่าจะเป็นคริปโตและหุ้นที่ผันผวนจนแทบเดาทางไม่ถูก จากปัจจัยเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และยังมีปัจจัยข้อพิพาทระหว่าง ยูเครน - รัสเซีย ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก

ถ้าเราเป็นเจ้าหนี้ สิ่งแรก ๆ ที่เราอยากจะรู้ก็คือ ความน่าเชื่อถือของลูกหนี้ เรื่องนี้ไม่ต่างไปจากการลงทุนในหุ้นกู้ เพราะผู้ถือหุ้นกู้มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทที่ออกหุ้นกู้ โดยล่าสุด มีหนึ่งธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทระดับโลก ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจำหน่ายสินค้ากว่า 50 แบรนด์ดัง ใน 63 ประเทศ กำลังจะระดมทุนจากประชาชนด้วยการออกหุ้นกู้ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A ธุรกิจที่ว่านี้ ก็คือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ว่าแต่ MINT จะนำเงินที่ได้ครั้งนี้ ไปทำอะไร ?

เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ได้ออกมาประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 รายได้ 12,168 ล้านบาท รายได้ลดลง 44% ขาดทุน 7,250 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 309% ซึ่งหลัก ๆ ก็ยังเป็นผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากการระบาดของโควิด 19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น

เมื่อไม่นานมานี้ เราคงได้ยินกระแสข่าวเรื่อง แบนเนชั่น ที่เรื่องยังลุกลามไปถึงการแบนไม่ซื้อสินค้าที่ลงโฆษณากับสื่อเนชั่นในเครือทั้งหมด โดยหนี่งในบริษัทที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ว่าก็คือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งมีบริษัทในเครือ คือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มีแบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน และ เบอร์เกอร์ คิง

นับแต่ต้นปี บริษัทเหล่านี้มูลค่าหายไปเท่าไร

[UPDATE] หุ้นโรงแรม สนามบิน ดิ่ง จีนยืนยันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ติดต่อจาก “คนสู่คน”