เหตุผลที่ หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของ MINT ที่จ่ายดอกเบี้ย 5 ปีแรก 6.10% ต่อปี กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุน
เหตุผลที่ หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของ MINT ที่จ่ายดอกเบี้ย 5 ปีแรก 6.10% ต่อปี กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุน
MINT X ลงทุนแมน
MINT X ลงทุนแมน
เมื่อหลายประเทศทั่วโลกพร้อมใจกันประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำท้องถิ่น
หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้คนทั่วโลกออกเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น
ผลที่ตามมาก็คือ ธุรกิจที่เคยได้รับผลกระทบ กลับมาฟื้นตัวพร้อม ๆ กับผลประกอบการที่เติบโต
หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้คนทั่วโลกออกเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น
ผลที่ตามมาก็คือ ธุรกิจที่เคยได้รับผลกระทบ กลับมาฟื้นตัวพร้อม ๆ กับผลประกอบการที่เติบโต
หนึ่งในบริษัทที่เติบโตเกินคาดจากปรากฏการณ์นี้ คือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
โดยล่าสุดได้แจ้งผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปีนี้ มีกำไร 1,561.50 ล้านบาท
หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 3,923.91 ล้านบาท
หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 3,923.91 ล้านบาท
ล่าสุด MINT เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดและมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ (“หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ”) แก่ประชาชนทั่วไป ในวันที่ 1–2 และ 5–6 กันยายนนี้
โดยมีอัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก ที่ 6.10% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “BBB+” ในขณะที่ MINT ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565
โดยบริษัทได้รับการปรับ Outlook จาก “ลบ” (Negative) กลับมาเป็น “คงที่” (Stable) ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในหลายไตรมาสข้างหน้า
ด้วยสัญญาณฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง บวกกับดอกเบี้ยที่ดี และมาพร้อมเรทติ้งในระดับ Investment grade มีประวัติการชำระดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอแม้ต้องเผชิญกับภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19
ได้สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่า ผู้ออกหุ้นกู้อย่าง MINT จะมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT กลายเป็นกระแสของกลุ่มนักลงทุน ตั้งแต่วันที่ประกาศเสนอขาย
ได้สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่า ผู้ออกหุ้นกู้อย่าง MINT จะมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT กลายเป็นกระแสของกลุ่มนักลงทุน ตั้งแต่วันที่ประกาศเสนอขาย
แล้วรายละเอียดเชิงลึกของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ครั้งนี้ของ MINT เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ธุรกิจของ MINT หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ. 2521 จากนั้นบริษัทก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
จนมาถึงในปี พ.ศ. 2539 ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกับสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด ที่ไม่ได้จำกัดแค่ตลาดภายในประเทศ หรือธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง
แต่ MINT มีถึง 3 ธุรกิจ ครอบคลุม 60 กว่าประเทศทั่วโลก..
ธุรกิจแรกคือ กลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม หรือ ไมเนอร์ ฟู้ด
ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่คนไทยคุ้นเคยกับ MINT เป็นอย่างดี ผ่านแบรนด์มากมาย
เช่น The Pizza Company, Burger King, Bonchon, Swensen’s, Dairy Queen และ Sizzler
โดยปัจจุบันมีสาขารวมกัน 2,459 สาขา แบ่งเป็นสาขาในประเทศ 74% และในต่างประเทศ 26%
เช่น The Pizza Company, Burger King, Bonchon, Swensen’s, Dairy Queen และ Sizzler
โดยปัจจุบันมีสาขารวมกัน 2,459 สาขา แบ่งเป็นสาขาในประเทศ 74% และในต่างประเทศ 26%
ธุรกิจที่ 2 คือ กลุ่มโรงแรม หรือ ไมเนอร์ โฮเทลส์
หลายคนอาจไม่รู้ว่า MINT เป็นบริษัทที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกในธุรกิจนี้
โดยมีโรงแรมที่ลงทุนเองและร่วมลงทุน 367 แห่ง และธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมอีก 159 แห่ง
ตัวอย่างแบรนด์โรงแรม เช่น อนันตรา อวานี โอ๊คส์ เอ็นเอชโฮเทล เป็นต้น
โดยมีโรงแรมที่ลงทุนเองและร่วมลงทุน 367 แห่ง และธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมอีก 159 แห่ง
ตัวอย่างแบรนด์โรงแรม เช่น อนันตรา อวานี โอ๊คส์ เอ็นเอชโฮเทล เป็นต้น
สรุปแล้ว มีจำนวนห้องพักมากถึง 75,707 ห้อง ใน 56 ประเทศทั่วโลก
โดยแบ่งเป็นในประเทศไทย 7% และในต่างประเทศ 93% เลยทีเดียว
โดยแบ่งเป็นในประเทศไทย 7% และในต่างประเทศ 93% เลยทีเดียว
ธุรกิจที่ 3 คือ กลุ่มจัดจำหน่าย หรือ ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์
ด้วยการเป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นระดับโลก สินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้าน และเครื่องครัว เช่น BOSSINI, Charles and Keith, Anello, ZWILLING และ Joseph Joseph เป็นต้น
โดยปัจจุบันมีร้านค้าและจุดจำหน่าย 311 แห่ง
โดยปัจจุบันมีร้านค้าและจุดจำหน่าย 311 แห่ง
จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 ธุรกิจดังกล่าว
นอกจากจะทำให้ MINT กลายเป็นบริษัทไทย ที่ก้าวสู่ระดับโลกแล้ว
ก็ยังเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ และความเคลื่อนไหวของผู้คนทั่วโลก
นอกจากจะทำให้ MINT กลายเป็นบริษัทไทย ที่ก้าวสู่ระดับโลกแล้ว
ก็ยังเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ และความเคลื่อนไหวของผู้คนทั่วโลก
ทีนี้เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกได้เริ่มคลี่คลายลง ก็เลยทำให้ MINT กลับมามีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจในทวีปยุโรป
ทำให้ทีมผู้บริหารมั่นใจว่า ปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไร
พร้อมขยายแผนการลงทุน 3 ปีต่อจากนี้ ด้วยการเปิดโรงแรมใหม่รวม 60 แห่ง
แบ่งเป็นรับจ้างบริหาร 49 แห่ง ลงทุนเองและเช่า 11 แห่ง
พร้อมขยายแผนการลงทุน 3 ปีต่อจากนี้ ด้วยการเปิดโรงแรมใหม่รวม 60 แห่ง
แบ่งเป็นรับจ้างบริหาร 49 แห่ง ลงทุนเองและเช่า 11 แห่ง
สะท้อนให้เห็นว่า การฟื้นตัวของ MINT ครั้งนี้ มาพร้อมกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสด 26,000 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อที่สามารถเบิกใช้ได้ 31,000 ล้านบาท
(ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2565)
โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสด 26,000 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อที่สามารถเบิกใช้ได้ 31,000 ล้านบาท
(ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2565)
สำหรับการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ในครั้งนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดเดิม (MINT18PA) มูลค่า 15,000 ล้านบาท ที่จะไถ่ถอนก่อนกำหนดในวันที่ 31 สิงหาคม นี้
หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ มีอัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก 6.10% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
โดยดอกเบี้ยจะอิงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี บวกกับอัตราดอกเบี้ยส่วนเพิ่มเติม
ระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ อยู่ที่ระดับ 7 จากทั้งหมด 8 ระดับ
โดยดอกเบี้ยจะอิงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี บวกกับอัตราดอกเบี้ยส่วนเพิ่มเติม
ระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ อยู่ที่ระดับ 7 จากทั้งหมด 8 ระดับ
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ MINT สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท
หรือ 100 หน่วย และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยเสนอขายมูลค่ารวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 13,000 ล้านบาท
หรือ 100 หน่วย และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยเสนอขายมูลค่ารวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 13,000 ล้านบาท
โดยสามารถซื้อผ่านสถาบันการเงิน 10 แห่ง คือ
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน ในฐานะหน่วยงานขาย)
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
- บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน ในฐานะหน่วยงานขาย)
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
- บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
การขายหุ้นกู้ชุดใหม่ในครั้งนี้ของ MINT ถือเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนทั่วไป สามารถจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Bualuang mBanking ของธนาคารกรุงเทพ
เพิ่มโอกาสและความสะดวกแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในการเข้าถึงการลงทุนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT ในครั้งนี้
ซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT ถือว่ามีความน่าสนใจในยุคนี้ ที่ตลาดการลงทุนต้องเผชิญกับความผันผวนสูง อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ
เพิ่มโอกาสและความสะดวกแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในการเข้าถึงการลงทุนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT ในครั้งนี้
ซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT ถือว่ามีความน่าสนใจในยุคนี้ ที่ตลาดการลงทุนต้องเผชิญกับความผันผวนสูง อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ
สรุปแล้ว การซื้อหุ้นกู้เรทติ้งระดับ BBB+ ที่มาพร้อมดอกเบี้ย 6.10% ต่อปี ในช่วง 5 ปีแรก ของบริษัท MINT ที่กำลังฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด-19
และที่ผ่านมา MINT ก็มีประวัติชำระดอกเบี้ยสม่ำเสมอ แม้จะอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ก็ตามที
จึงถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้..
และที่ผ่านมา MINT ก็มีประวัติชำระดอกเบี้ยสม่ำเสมอ แม้จะอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ก็ตามที
จึงถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้..
คำเตือน:
การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th
การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th