ต่อไป คนขับรถยนต์ที่ไม่มีระบบ Autonomous จะเหมือนคนขี่ม้า เมื่อหลาย 100 ปีที่แล้ว /โดย ลงทุนแมน
Quantum, Humanoid และ Autonomous Vehicles ก้าวใหญ่ของเทคโนโลยี ก้าวใหม่ของนักลงทุน
จะเป็นเพียงเรื่องขายฝัน
หรือคืออนาคต ที่จะกลายเป็นจริง และสร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับนักลงทุน ?

คุณสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา, หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน บล. InnovestX จะมาวิเคราะห์ และให้มุมมองเชิงลึกต่อแนวโน้มของธุรกิจนี้ ที่งาน BEAT THE MARKET
ในหัวข้อ Quantum & Humanoid "The Next Alpha Bet" การเดิมพัน ผลตอบแทนเหนือตลาด ครั้งต่อไป

วันนี้ เทคโนโลยีกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ตั้งแต่ชิปขนาด 1 นาโนเมตร คอมพิวเตอร์ควอนตัม รถยนต์ไร้คนขับ ดาวเทียมวงโคจรต่ำ ไปจนถึงหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ (Humanoid Robot)

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ Quantum Computing ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานจริง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2027 โดยโครงสร้างจะต่อยอด AI เปลี่ยนจากการประมวลผลด้วย GPU แบบเดิม มาเป็น Qubits ที่มีศักยภาพเหนือกว่าหลายเท่า

สิ่งที่ยืนยันว่า Quantum Computing กำลังมาแน่นอน คือการเร่งลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น TSMC, Samsung และ Intel

Quantum Computing จะกลายเป็นหัวใจสำคัญในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้ง AI, ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

รวมถึงเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ (Humanoid Robot) ให้สามารถคิด วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด

แล้วในโลกการลงทุน เราจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อย่างไร ?

1. กลุ่มชิปเซ็ตและเครื่องจักรผลิตชิป

Quantum Computing จะเร่งความต้องการชิปเซ็ตรุ่นใหม่ ที่มีความละเอียดสูงขึ้น เช่น 2 นาโนเมตร และ 1.4 นาโนเมตร ซึ่งไม่สามารถดัดแปลงเครื่องจักรเก่า ให้สามารถผลิตได้อีก

โอกาสจึงตกเป็นของผู้ผลิตเครื่องจักรรุ่นใหม่อย่าง ASML และผู้ผลิตชิปรายใหญ่เช่น TSMC ที่ยังเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม

2. กลุ่มระบบทำความเย็น (Cooling Systems)

การประมวลผลของ Quantum Computing โดยเฉพาะ Qubit ต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์องศาเคลวิน ต่างจาก GPU ทั่วไปที่ใช้อุณหภูมิห้อง

เทคโนโลยี Liquid Cooling และระบบควบคุมอุณหภูมิขั้นสูง จึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ และเปิดโอกาสให้บริษัทด้าน Cooling Solutions เติบโตตามความต้องการใหม่

3. การย้ายฐานการผลิต กลับสหรัฐฯ (Reshoring Supply Chain)

สหรัฐฯ กำลังเร่งดึงห่วงโซ่อุปทานสำคัญ กลับประเทศใน 5 ด้าน ได้แก่

- Supply Chain ของ Apple (เริ่มย้ายฐานแล้ว)
- Rare Earth (วัตถุดิบสำคัญ สำหรับเทคโนโลยีขั้นสูง)
- Semiconductor (โดยการผลักดันให้ TSMC มาลงทุนในสหรัฐฯ)
- Battery (เช่น การลงทุนของ Panasonic ในสายการผลิตแบตเตอรี่)
- Automotive Supply Chain (จากประสบการณ์ผลิตสมาร์ตโฟน สู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึง Autonomous Vehicles)

เมื่อพูดถึง Battery และ Automotive ก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงเทรนด์สำคัญอย่าง รถยนต์ไฟฟ้า EV และ Autonomous Vehicles หรือรถยนต์ไร้คนขับ

ต่อไป รถยนต์ EV ที่ยังไม่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะเปรียบได้กับการขี่ม้าในยุคก่อน เทคโนโลยีกำลังเดินหน้าพัฒนาอย่างรวดเร็ว และกำลังจะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอย่างสิ้นเชิง

หากเทคโนโลยี Autonomous Vehicles พัฒนาได้เต็มรูปแบบ
ในอนาคต ผู้คนอาจไม่จำเป็นต้องซื้อรถยนต์ส่วนตัวอีกต่อไป แต่จะหันมาใช้บริการ Robotaxi ที่สะดวก ประหยัด และมีประสิทธิภาพมากกว่า

อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Autonomous Vehicles ยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เพราะจากสถิติพบว่า รถยนต์ไร้คนขับ มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร

ขณะที่การขับขี่โดยมนุษย์ เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเฉลี่ยเพียงทุก ๆ 700,000 กิโลเมตร

ตัวเลขนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมาก แต่เส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างเต็มรูปแบบ ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย

และเมื่อมองไปข้างหน้า ก็อดไม่ได้ ที่จะตั้งคำถามว่า เทคโนโลยีใด จะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่พร้อมเปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง

แม้วันนี้ Quantum Computing และ Humanoid Robot อาจยังดูห่างไกล จากเศรษฐกิจโลกและตลาดการลงทุน

แต่เมื่อวันที่เทคโนโลยีเหล่านี้เกิดขึ้นจริง โครงสร้างเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

และเมื่อถึงวันที่ทุกคนเห็นโอกาสพร้อมกัน
ราคาของธุรกิจเหล่านี้ อาจไปไกลเกินกว่าที่เราจะไขว่คว้าได้แล้ว..

#ลงทุนแมน #BeatTheMarket

-ใครที่พลาดงานวันนี้ บัตร RERUN BEAT THE MARKET เปิดจองแล้ว มีจำนวนจำกัด จองบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/BEAT-THE-MARKET-2025