ทำไม ทองคำ ถึงถูกเรียกว่า เงินของพระเจ้า /โดย ลงทุนแมน
ลองหลับตาแล้วจินตนาการถึง “สินทรัพย์” สักชิ้น ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่อารยธรรม กี่สงคราม หรือกี่ยุคสมัย
มันก็ยังคงเปล่งประกาย ไม่ซีดจาง ไม่ผุกร่อน ไม่เคยถูกลืม

สินทรัพย์ที่ว่านั้นคือ “ทองคำ”

ทองคำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด ซึ่งได้รับการยอมรับจากคนทั้งโลก มานานนับหลายพันปี
จนทุกวันนี้ก็ยังได้รับการยอมรับอยู่ อย่างไม่เสื่อมคลาย

จนถูกขนานนามในหมู่นักลงทุนว่า “เงินของพระเจ้า” (God’s Money)

อะไรที่ทำให้ทองคำ ได้รับฉายาว่าเงินของพระเจ้า ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของทองคำต้องย้อนกลับไปเมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนจะมีเหรียญหรือธนบัตร

ซึ่งการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันของผู้คนเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุด นั่นคือการใช้ “ของแลกของ” (Barter System)

ถ้าเราปลูกข้าวได้เยอะ เราอาจเอาข้าวไปแลกปลา จากชาวประมง หรือเอาผ้าไปแลกเกลือ จากคนเดินทาง

แต่การแลกของแบบนี้ก็มีข้อจำกัดใหญ่คือ เราต้อง “เจอคนที่ต้องการสินค้าของเรา” และพร้อมจะแลกกับสิ่งที่เราต้องการพอดี

เช่น เรามีข้าวเหลือ แล้วต้องการปลา แต่ถ้าคนที่มีปลา ไม่ได้อยากได้ข้าว การแลกเปลี่ยนก็เกิดขึ้นไม่ได้

ทำให้การแลกเปลี่ยนกลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากขึ้นเรื่อย ๆ พอการค้าขายเริ่มเติบโต การแลกข้าวกับปลา หรือผ้าแลกเกลือ ก็เริ่มไม่ตอบโจทย์

มนุษย์จึงเริ่มมองหาสิ่งที่สามารถใช้เป็น “ตัวกลาง” ในการแลกเปลี่ยนแทน ซึ่งมีวิวัฒนาการเรื่อยมา ตั้งแต่เปลือกหอย เมล็ดโกโก้ ฯลฯ

จนกระทั่งมาถึงสิ่งที่ทุกคนยอมรับ หายาก มีคุณค่าในตัวเอง และสามารถใช้ซ้ำได้ไม่เสื่อมสภาพ
ซึ่งก็คือ ทองคำ ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญ ของการเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ตลอดจนระบบการเงินของโลก

ตัดภาพมาในปัจจุบัน
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมผู้คนถึงยังคงเชื่อในทองคำ ?

ในโลกปัจจุบัน จากยุคอุตสาหกรรม สู่อินเทอร์เน็ต ตลาดการเงินก้าวหน้า และก้าวสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ เงินดิจิทัลกำเนิดขึ้น

ทองคำ เป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ยังคงเชื่อมั่นไม่เปลี่ยนแปลงมาตลอดหลายพันปี

ซึ่งคำตอบนั้น คงไม่ได้อยู่ที่ความล้ำสมัย
แต่กลับอยู่ที่ “ความไม่เปลี่ยนแปลง”

ย้อนกลับไป 4,000 ปีก่อน มนุษย์ในอารยธรรมอียิปต์โบราณ
ใช้ทองคำเป็นของขวัญถวายฟาโรห์

ตัดภาพมาปี 2025 ธนาคารกลางของหลายประเทศ
ก็ยังคงสะสมทองคำไว้เป็นทุนสำรองของประเทศ

และไม่ว่าจะผ่านสงคราม เงินเฟ้อ ฟองสบู่ หรือการล่มสลายของตลาด มากี่ครั้ง ทองคำยังคงเปล่งประกาย ในสายตาของนักลงทุนเสมอ

โดยถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัย หรือที่เรียกกันว่า Safe Haven เป็นตัวแทนของความมั่นคง ในยุคที่โลกไม่มีความแน่นอน

เพราะในโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
คนเราก็คงอาจต้องการอะไรบางอย่าง ที่ไม่เปลี่ยนไปตามกระแส จึงเป็นเหตุผลว่ามนุษย์ยังคงเชื่อในทองคำ นั่นเอง

โดยข้อมูล ณ วันที่ 25 เมษายน 2025 ราคา Gold Spot/U.S. Dollar อยู่ที่ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

แล้วถ้ามองย้อนกลับไป 175 ปีก่อน ปี 1850 ราคาทองคำอยู่ที่ราว 19 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำ ได้เพิ่มขึ้นมา 174 เท่า ภายใน 175 ปี

เหตุผลที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามกาลเวลา
นอกจากความต้องการที่มากขึ้นแล้ว

อีกสาเหตุสำคัญก็คือ ความเชื่อมั่นว่า ทองคำช่วยรักษาความมั่งคั่ง สามารถป้องกันเงินเฟ้อ
หรือภาวะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือสกุลเงินต่าง ๆ ด้อยค่าลง จากการพิมพ์เงินของธนาคารกลาง

อีกทั้งทองคำยังเป็นทรัพย์สินมาตรฐาน ที่ธนาคารกลางทั่วโลก เก็บไว้เป็นทุนสำรอง เพื่อความมั่นคงทางเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

โดยประเทศที่สำรองทองคำมากที่สุด คือ

- อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา 8,133.46 ตัน
- อันดับ 2 เยอรมนี 3,351.53 ตัน
- อันดับ 3 อิตาลี 2,451.84 ตัน

สรุปแล้ว ทองคำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด
อยู่คู่กับอารยธรรมมนุษย์มาหลายพันปี ที่เข้ามามีบทบาทในการแลกเปลี่ยน ตลอดจนระบบการเงินของโลก

จนได้รับความนิยมไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา
แถมมูลค่ายังเพิ่มขึ้นในระยะยาว และเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงในโลกที่ผันผวน

เพราะเหตุนี้ ทองคำจึงมีคนให้ฉายาว่าเสมือนเป็น “เงินของพระเจ้า” (God’s Money) นั่นเอง

ซึ่งก็น่าคิดต่อว่า ในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้น ด้วยเทคโนโลยี การเงินดิจิทัล นโยบายการเงินและการคลัง ที่มาสร้างความผันผวนมากขึ้นกว่าเดิม

ทองคำที่อยู่คู่กับอารยธรรมมนุษย์มาหลายพันปี
จะยังคงรักษาบทบาทในฐานะรากฐานแห่งความเชื่อมั่นของระบบการเงินโลก ได้ตลอดไปชั่วนิรันดร์หรือไม่

หรือที่สุดแล้ว เงินของพระเจ้าที่ว่านี้ จะถูกแทนที่ด้วยอะไรสักอย่าง ในสักวัน..

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
หลายคนอาจไม่รู้ว่า ทองคำ สามารถผลิตได้จริงในห้องแล็บ

โดยนักวิทยาศาสตร์ สามารถเปลี่ยนธาตุอื่น ให้กลายเป็นทองคำได้ ผ่านกระบวนการนิวเคลียร์ที่ซับซ้อน ด้วยเครื่องเร่งอนุภาค

แต่กระบวนการนี้ ใช้ต้นทุนสูงมหาศาล ระดับหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ และทองที่ได้ก็มีปริมาณน้อยมาก จนไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

การสังเคราะห์ทองคำในห้องแล็บ ปัจจุบันเลยยังไม่ได้รับความนิยมในวงกว้าง..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.sciencefocus.com/science/can-you-make-gold/
-https://www.livescience.com/39143-can-gold-be-created-from-other-elements.html
-https://nma.org/wp-content/uploads/2016/09/historic_gold_prices_1833_pres.pdf?utm_source=chatgpt.com
-https://www.reuters.com/markets/commodities/gold-rebounds-dip-buying-despite-us-china-trade-deal-hopes-2025-04-24/?utm_source=chatgpt.com
-https://www.gold.org/goldhub/gold-focus/2025/03/central-banks-stay-bullish-bullion-january?utm_source=chatgpt.com
-https://worldpopulationreview.com/country-rankings/gold-reserves-by-country?utm_source=chatgpt.com