Tetra Pak X ลงทุนแมน

เคยสังเกตตัวเองบ้างไหม เวลาที่เราอยากลองซื้อเครื่องดื่มใหม่ ๆ เรามักจะเลือกหยิบแบรนด์ที่มีแพ็กเกจจิงสะดุดตาเรามากที่สุด

ทั้งนี้ก็เพราะว่าแพ็กเกจจิง มีความสำคัญในการสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้บริโภค จนถึงการใช้งานจริง รวมไปถึงยังสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์บนชั้นวางผลิตภัณฑ์

เรื่องเหล่านี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ทฤษฎีนี้เอง ที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาดกาแฟพร้อมดื่มเมืองไทยมูลค่า 24,000 ล้านบาท ที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นชินกับแพ็กเกจจิงกระป๋อง มาอย่างยาวนาน ผิดกับในประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และประเทศต่าง ๆ ในแถบยุโรป

เมื่อ กาแฟพร้อมดื่ม ที่วางขายในตู้แช่ตามร้านสะดวกซื้อกว่า 80% จะเป็นแพ็กเกจจิงแบบกล่อง ที่มีดิไซน์เก๋ ๆ สะดุดตา และจับถนัดมือ พร้อมกับมีฟังก์ชันการดื่มที่หลากหลาย

ความน่าสนใจคือ เวลานี้ เทรนด์ดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นในกลุ่มกาแฟพร้อมดื่ม Premium ราคา 30-40 บาท เพราะหากสังเกต เริ่มมีแบรนด์ใหม่ ๆ ปรากฏตัวบนตู้แช่ทั่วประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มาพร้อมแพ็กเกจจิงแบบใหม่ที่สร้างความน่าสนใจในตลาดมากขึ้น

“ผู้บริโภควัยทำงานและ Gen Z เริ่มมองหากาแฟพร้อมดื่มที่อร่อยเข้มข้นมีคุณภาพสูง ส่วนในแง่ของผู้ผลิตเอง จะมีกำไรมากกว่าขายกาแฟพร้อมดื่มแบบ Mass โดยใน Segment นี้ แพ็กเกจจิงแบบกล่อง ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว เพราะสามารถสร้างความแตกต่างที่จะดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าหาผลิตภัณฑ์ได้”

คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Tetra Pak บอกถึงข้อดีทางการตลาดของกาแฟพร้อมดื่มในกลุ่ม Premium

คำถามที่ตามมาคือ แพ็กเกจจิงแบบ “กล่อง” จะมาสร้างจุดเปลี่ยนตลาดกาแฟพร้อมดื่มเมืองไทยด้วยวิธีไหน ?
ลงทุนแมน สรุปประเด็นนี้ผ่านการพูดคุยกับคุณสุภนัฐ ให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ

หากถามว่าแพ็กเกจจิงแบบไหนที่มีการปล่อยคาร์บอนฯ น้อยที่สุด ในบรรดาเครื่องดื่มที่อยู่ในตู้แช่ร้านค้าทั่วประเทศ

คำตอบคือ “กล่องเครื่องดื่ม” เพราะใช้วัสดุหลักที่เป็นกระดาษและกระบวนการผลิต ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มทั่วไป

เหตุผลนี้เองที่ทำให้เราเห็นหลาย ๆ ประเทศที่ตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อม

โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มต่าง ๆ เริ่มมีการใช้แพ็กเกจจิงแบบกล่องกันอย่างแพร่หลาย ที่มาพร้อมดิไซน์สวยงาม ใช้งานสะดวก พร้อมกับฟังก์ชันการดื่มหลากหลายรูปแบบ

คุณสุภนัฐเล่าต่อว่า ด้วยสถานะของ Tetra Pak ที่เป็นบริษัทผู้นำเทคโนโลยีในด้านแพ็กเกจจิงและกระบวนการผลิตอาหารระดับโลกที่ขยายธุรกิจไปกว่า 160 ประเทศ โดยในประเทศไทย Tetra Pak มีฐานลูกค้าทั้งหมดมากกว่าร้อยบริษัท

โดยสิ่งที่ คุณสุภนัฐ มองเห็นคือ ปัจจุบันหากบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มของไทยที่ต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะระบุเลยว่าต้องการใช้แพ็กเกจจิงแบบกล่องของเรา

เพราะเวลานี้ หลายประเทศทั่วโลก เริ่มนำนโยบายที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นกฎเกณฑ์ ในการวางขายผลิตภัณฑ์ในประเทศตัวเอง

ย้อนกลับมาที่กาแฟพร้อมดื่มในบ้านเรา อย่างที่เกริ่นไว้ กาแฟพร้อมดื่ม Premium ในเมืองไทยกำลังเติบโต ผ่านแพ็จเกจจิงรูปแบบใหม่ ๆ ที่มาสร้างความแตกต่างให้กับตลาด ถือเป็นโอกาสของแพ็กเกจจิงแบบกล่องที่ยังไม่พบเห็นในบ้านเรามากนักตรงข้ามกับต่างประเทศ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นแพ็กเกจจิงแบบกล่องที่มีฐานลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ตื่นตัวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่

ความรุนแรงด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเผชิญได้แปรเปลี่ยนไปสู่การตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าของคนรุ่นใหม่ ที่จะมีคำถามในใจว่าแบรนด์และสินค้านั้นมีการใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ซึ่งก็รวมถึง เทรนด์กาแฟพร้อมดื่ม ในกลุ่ม Premium ด้วยนั่นเอง

เมื่อผู้บริโภคเริ่มมีความต้องการที่เปลี่ยนไป แบรนด์เองก็ต้องหาวิธีตอบสนองเช่นกัน

โดยล่าสุดทาง Tetra Pak ได้แนะนำบรรจุภัณฑ์แบบกล่องที่ชื่อว่า Tetra Prisma® Aseptic ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่เป็นกระดาษจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ผ่านการรับรองจากองค์การจัดการป่าไม้ ใส่ใจในประเด็นการจัดหาอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และยังมี Option ที่เพิ่มสัดส่วนของวัสดุหมุนเวียนจากการใช้ฝาปิด และชั้นพลาสติกที่ทำมาจากพืช

เลยทำให้กล่องรุ่น Tetra Prisma Aseptic ที่เป็น Option นี้ ลดคาร์บอนฯ ได้มากถึง 61% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบกล่องรุ่นอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

กล่อง Tetra Prisma Aseptic มีรูปทรงแปดเหลี่ยม ถือสะดวก จับกระชับมือ พกพาไปได้ทุกที่ มาพร้อมฝาปิดทันสมัยที่ให้รสสัมผัสการดื่มที่ดีเยี่ยม จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของบริษัทเครื่องดื่มต่าง ๆ โดยมีให้เลือกหลายขนาด เช่น 200 มล., 250 มล., 300 มล., 330 มล. เป็นต้น เพื่อรองรับทุกพฤติกรรมการดื่มของผู้บริโภค

หากใครที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมแพ็กเกจจิงจะรู้ว่า Tetra Pak เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีการผลิตแพ็กเกจจิงระดับโลก โดยเฉพาะการผลิตและบรรจุแบบปลอดเชื้อ ที่ช่วยรักษารสชาติและคุณประโยชน์ของเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกาแฟ ที่เรื่องรสชาติเป็นตัวตัดสินที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดการซื้อซ้ำ ๆ ในครั้งต่อไป

ส่วนในแง่ของดิไซน์ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการ “ประทับใจ” ในตู้แช่ทั่วประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ Tetra Pak ให้ความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว

เพราะหากลูกค้าแบรนด์กาแฟพร้อมดื่มประสบความสำเร็จ หมายความว่า บริษัทเองก็จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับลูกค้าเช่นกัน

Tetra Pak จึงทุ่มเททำงานกับลูกค้าแบรนด์เครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่ม จนถึงแบรนด์เครื่องดื่มอื่น ๆ เพื่อค้นหาไอเดียด้านดิไซน์แพ็กเกจจิงที่ตกผลึกทางความคิด

- ดิไซน์ต้องสร้างความสะดุดตาและแตกต่างจากคู่แข่ง จนทำให้ใคร ๆ ก็จดจำแบรนด์ได้
- แพ็กเกจจิงสร้างความสะดวกสบายในการบริโภค
จนถึงการให้คำปรึกษาเรื่องเทรนด์ผู้บริโภค ช่องว่างและโอกาสในธุรกิจต่าง ๆ

ถึงตรงนี้จะเห็นว่า Tetra Pak ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในกรอบ “โซลูชันบรรจุภัณฑ์” แต่เลือกที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดให้แก่เจ้าของเครื่องดื่มและแบรนด์กาแฟพร้อมดื่ม

โดยคุณสุภนัฐเล่าว่า ใน หลายประเทศ Tetra Pak คอยช่วยเหลือแบรนด์กาแฟพร้อมดื่มให้ประสบความสำเร็จในตลาดใหญ่ ๆ อย่างใน ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป

เช่น แบรนด์ IsKaffe ของบริษัท Tine ในประเทศ นอร์เวย์ ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มแบบกล่องตีตลาดคนรุ่นใหม่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ด้วยรูปทรงแบบใหม่ ดิไซน์ที่สะดุดตา เข้าถึงผู้บริโภคชาวนอร์เวย์ และขยายไปยังแถบสแกนดิเนเวียมาจนถึงปัจจุบัน

โดยเฉพาะแพ็กเกจจิงแบบกล่อง ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในอุตสาหกรรมนี้

หมายความว่า ประสบการณ์เหล่านี้ทาง Tetra Pak ประเทศไทย ก็สามารถนำมาปรับใช้ให้แก่เจ้าของแบรนด์กาแฟพร้อมดื่มเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศ จนถึงการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อความสำเร็จในเรื่องยอดขาย

ส่วนเหตุผลที่ Tetra Pak โฟกัสตลาดกาแฟพร้อมดื่ม
เพราะเล็งเห็นว่าโอกาสในตลาดนี้ยังมีอยู่มาก ทั้งสำหรับแบรนด์กาแฟพร้อมดื่มปัจจุบันหรือแบรนด์เครื่องดื่มอื่นที่สนใจในตลาดนี้ เพราะเชื่อว่าการสร้างการเติบโตร่วมกันเป็นสิ่งที่ยั่งยืนที่สุด นั่นเอง

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสการเติบโตของตลาดกาแฟพร้อมดื่มกับเต็ดตรา แพ้ค ได้ที่ https://www.tetrapak.com/en-th/campaigns/ready-to-drink-coffee-th

Reference
- สัมภาษณ์ คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด