เดอะวิสดอมกสิกรไทย x ลงทุนแมน

ปีนี้ เดอะวิสดอมกสิกรไทย จัดงานกาลาดินเนอร์ ภายใต้คอนเซปต์ The Legends to the New Eras
ที่จะมาเล่าเรื่องราวเอกซ์คลูซิฟ การถ่ายทอด Passion จากผู้ก่อตั้งธุรกิจ สู่ทายาทรุ่นต่อไป โดยมี 2 ไฮไลต์สำคัญ คือ

- อินไซต์การรับช่วงต่อธุรกิจ จากคุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี ทายาทรุ่นที่สองของเครือโรงแรมสุโกศล เจ้าของโรงแรมชื่อดังมากมาย เช่น THE SUKOSOL BANGKOK, THE SIAM, SIAM BAYSHORE PATTAYA, THE BAYVIEW PATTAYA, และ WAVE

- กุญแจความสำเร็จ ในการส่งผ่านธุรกิจ จากรุ่นสู่รุ่น ของแบรนด์ระดับโลกอย่าง LVMH, Hermès และแบรนด์ระดับโลกอีกมากมาย โดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

นอกจากไฮไลต์สำคัญทั้ง 2 ข้อที่เพิ่งพูดถึงไปนี้
ภายในงาน THE WISDOM GALA DINNER จะมีอะไรน่าสนใจอีก ?
ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟัง

สำหรับในงาน THE WISDOM GALA DINNER ที่จัดขึ้นในครั้งนี้
จัดขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “The Legends to the New Eras”

โดยได้รับเกียรติจาก แขกคนสำคัญอย่าง คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี และคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์สองพี่น้อง ทายาทรุ่นที่ 2 ของเครือโรงแรมสุโกศล ที่มาเล่าถึงวิธีการรับช่วงต่อธุรกิจให้ราบรื่น

รวมถึง ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ที่มาเล่าถึงวิธีการส่งผ่านธุรกิจของแบรนด์ระดับโลก จากรุ่นสู่รุ่น
ว่าทำอย่างไร ให้ทุก ๆ การส่งต่อ ช่วยให้ธุรกิจยิ่งใหญ่ขึ้น

โดยภายในงานยังมีอาหารสุดพิเศษ ด้วยฝีมือของเชฟระดับมิชลินสตาร์ ที่มีความเชี่ยวชาญในอาหารสไตล์ต่าง ๆ

รวมไปถึง มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังอย่าง คุณป๊อด ธนชัย อุชชิน, คุณแก้ม วิชญาณี
เปียกลิ่น, คุณไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต, คุณน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย

มาเริ่มกันที่ ไฮไลต์แรกจาก ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

ดร.วิทย์ เล่าถึง จุดเปลี่ยนสำคัญของยุโรป คือ การปฏิวัติของอุตสาหกรรม
ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมมากมาย กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เจริญเติบโต ผ่านร้อนผ่านหนาวจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน และมีรูปแบบการบริหารธุรกิจที่แตกต่างกันไป

ตัวอย่างเช่น เครือ LVMH ของคุณ Bernard Arnault เจ้าของอาณาจักรของแบรนด์ลักชัวรีระดับโลก
ปัจจุบัน เขาได้แบ่งบทบาทหน้าที่การบริหารธุรกิจให้กับลูกทั้ง 5 คนอย่างชัดเจน

ในขณะที่บางธุรกิจ ทายาทที่เข้ามาสืบทอด มีความรักและความผูกพันกับธุรกิจที่บรรพบุรุษสร้างตำนานไว้
อย่าง ‘Hermès’ ซึ่งในตอนนี้เหล่าทายาทยังคงเป็นเจ้าของกิจการที่สืบต่อกันมาถึง 6 รุ่น

นอกจากนี้ ดร.วิทย์ ยังได้พูดถึงแบรนด์นาฬิกาหรู Panerai ที่มีจุดเริ่มต้นในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
โดยเริ่มจากการผลิตนาฬิกาให้กับกองทัพเรือ ปัจจุบันได้เปลี่ยนผ่านธุรกิจมาอยู่ในการบริหารของกลุ่ม
Richemont สวิตเซอร์แลนด์

ซึ่ง ดร.วิทย์ ได้เล่าเสริมต่อไปอีกถึงความน่าสนใจของธุรกิจครอบครัวในอิตาลีว่า
ธุรกิจครอบครัวในอิตาลีส่วนใหญ่
มีความรักในธุรกิจที่บรรพบุรุษสร้างและสืบทอดต่อกันมา
และไม่ต้องการให้มีผู้ถือหุ้นรายอื่น หรือคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ
แบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรู Molteni ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่รุ่นคุณปู่ Angelo และ
Giuseppina Molteni ในปี ค.ศ. 1934 ปัจจุบันแม้จะดำเนินธุรกิจมาถึงทายาทรุ่นที่ 3
แต่ทางแบรนด์ยังคงรักษาเอกลักษณ์งานฝีมือประณีตของบรรพบุรุษเอาไว้ได้

เช่นเดียวกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรู GECCI ซึ่งดำเนินธุรกิจมาถึงรุ่นที่ 3
โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานมาสเตอร์พีซของต้นตระกูลผสมผสานกับความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น

ส่วนแบรนด์ยางรถยนต์ Pirelli
ก่อตั้งขึ้นในเมืองมิลานในปี ค.ศ. 1872 ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ยางที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
และปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ในขณะที่แบรนด์อุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ติดอันดับโลกในปัจจุบัน มีหลายแบรนด์ที่ขยายอาณาจักรธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
โดยฝีมือการบริหารของทายาทรุ่นปัจจุบัน

เช่น Roche บริษัทผลิตยาเวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีชีวภาพ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ตอนนี้มีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก จากผู้ก่อตั้งคุณ Fritz Hoffmann-La Roche มาสู่การบริหารในยุคของทายาทรุ่นที่ 5 ในปัจจุบัน

กลุ่มบริษัท Boehringer Ingelheim ประเทศเยอรมนี ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1885 โดย
คุณ Albert Boehringer สามารถขยายธุรกิจจนก้าวขึ้นสู่ 1 ใน 20
อันดับของอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ระดับโลก

ยืนหยัดธุรกิจมาได้กว่า 130 ปี เป็นธุรกิจเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของครอบครัว Boehringer Von
Baumbach

จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ เราจะเห็นว่าการส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น จึงมีมิติมากมาย

บางธุรกิจมุ่งเน้นขยายอาณาจักร บางธุรกิจเน้นไปที่การรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิม และบางธุรกิจเน้นไปที่การกระจายอำนาจการบริหารให้มากขึ้น

ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการวางแผนส่งต่อให้กับทายาทธุรกิจ ความพยายามมุ่งมั่น
เพื่อสานต่อความมั่นคงให้กับธุรกิจ

อีกไฮไลต์สำคัญของงาน คือ อินไซต์จาก คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี ทายาทรุ่นที่ 2 ของเครือโรงแรมสุโกศล เจ้าของโรงแรม THE SUKOSOL BANGKOK, THE SIAM, SIAM BAYSHORE PATTAYA, THE BAYVIEW PATTAYA และ WAVE

ที่จะมาเล่าถึงวิธีการรับช่วงต่อให้ได้อย่างราบรื่น รวมไปถึงทำอย่างไร ให้ในการส่งต่อธุรกิจนั้น
เป็นเหมือนแรงส่งที่ทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อีกขั้น

โดยกุญแจสำคัญคือการยึดหลัก ปรัชญา “We Serve from the Heart”
ซึ่งเป็นเหมือน หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมในเครือสุโกศลมาโดยตลอด ไม่ว่าโรงแรมแห่งใดก็ตาม

ล้วนมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ และสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า

ด้วยการบริการจากทีมงานทุกคนที่ได้รับการฝึกฝน ให้ใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าทุกคนอย่างแท้จริง

คุณมาริสา บอกว่า “Passion ไม่ได้เกิดข้ามคืน” และได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานในธุรกิจโรงแรม ซึ่งเกิดจากความรับผิดชอบต่อครอบครัว และค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักและความภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ ความทุ่มเทและความมุ่งมั่นเหล่านี้เอง ที่นำมาซึ่งความสำเร็จ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ สำหรับครอบครัวสุโกศล มาจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นภายในครอบครัว การให้โอกาสและความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน การมีเป้าหมายร่วมกันคือ ร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

ด้วยแนวคิดทั้งสองข้อนี้ ทำให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ส่วนคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นสร้างโรงแรม THE SIAM ว่า ต้องการสร้างความแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เหมือนใคร มีจุดเด่นเรื่องการออกแบบที่เป็น Passion ของตนเอง ซึ่งการรักษา Passion ได้ ต้องมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน มี Passion ในหลายบทบาท ผมชอบร้องเพลง ชอบดีไซน์ และเอามาใช้กับธุรกิจด้วย ความสำเร็จของโรงแรม THE SIAM

สรุปบทเรียนที่ได้จากเรื่องราวของครอบครัวสุโกศล คือ ความสำเร็จที่ยั่งยืนเกิดจากการผสมผสานระหว่างความรักในสิ่งที่ทำ ความมุ่งมั่น และความสามัคคีของครอบครัว

เมื่อทุกคนในครอบครัวร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนาธุรกิจ ก็จะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และสังคมได้…

Reference:
- สรุปสัมมนา THE WISDOM GALA DINNER โดยลงทุนแมน