สรุปสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded ถอดรหัสการลงทุน เมื่อ AI เปลี่ยนโลกมหาศาลกว่าที่คิด

สรุปสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded ถอดรหัสการลงทุน เมื่อ AI เปลี่ยนโลกมหาศาลกว่าที่คิด

KBank x ลงทุนแมน
“แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า AI จะก้าวหน้าไปถึงขั้นไหน และโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด”
นี่คือคำพูดที่ คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG
กล่าวในงาน THE WISDOM Wealth Decoded ที่จัดขึ้นเพื่อลูกค้าเดอะวิสดอมกสิกรไทยโดยเฉพาะ
จากเดิมที่หลายคนคงคุ้นเคยกับ AI ในรูปแบบของ Chatbot หรือ ผู้ช่วยเสมือน ที่ตอบคำถามง่าย ๆ ได้
แต่ปัจจุบัน AI ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
- สั่งอาหาร ไม่ต้องโทรสั่ง ไม่ต้องออกไปซื้อ แค่บอก AI ก็จัดการให้ได้
- วางแผนเที่ยว บอก AI ว่าอยากไปไหน งบเท่าไร AI ก็จัดทริปให้เสร็จสรรพ
- ตอบอีเมล ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เอง AI ช่วยร่างอีเมลให้ได้อย่างมืออาชีพ
- สร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นบทความ โพสต์โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่วิดีโอ
ที่น่าตกใจคือ เมื่อไม่นานมานี้ OpenAI เพิ่งเปิดตัว “GPT-4o” ที่มีความฉลาดขึ้นและเร็วกว่า ChatGPT-4 เป็น 2 เท่า
ซึ่ง o มาจากคำว่า omni ที่สื่อถึงความหลากหลายกว่าเดิม ครบกว่าเดิม
แต่หากพูดถึงเรื่องความเร็วว่าสุดยอดแล้ว
GPT-4o มีเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า คือ การแสดงอารมณ์ ที่จะมาปฏิวัติวงการของปัญญาประดิษฐ์ที่เรารู้จัก
ความน่าสนใจของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมน สรุปประเด็นสำคัญในงาน THE WISDOM Wealth Decoded
เศรษฐกิจโลกผันผวน โลกดิจิทัลมาเร็วกว่าที่คิด
ปี 2023 AI ยังเป็นเพียงของเล่นใหม่ที่หลายคนทดลองใช้
แต่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ AI ในช่วงที่ผ่านมานี้ กำลังสร้างคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคมและเศรษฐกิจ
หากเราย้อนกลับไปในปี 2016 ที่ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แม้จะมีการนำมาใช้ในบางอุตสาหกรรม เช่น การเงินและการแพทย์
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการเรียนรู้
แต่มาในปี 2020 AI เริ่มแสดงศักยภาพที่แท้จริงในวงกว้างมากขึ้น และเริ่มนำมาใช้งานได้จริงมากขึ้น
เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ผู้ช่วยเสมือนจริง และระบบแปลภาษาอัตโนมัติ
ซึ่งในปี 2024 นี้ นับเป็นจุดหักศอกครั้งใหญ่ครั้งที่ 1 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการนำ AI มาใช้จริง และขับเคลื่อนธุรกิจและสังคมในเกือบทุกอุตสาหกรรม
จนเป็นจุดที่จะวัดว่าใครมีศักยภาพที่จะได้ไปต่อจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
และเชื่อว่าในช่วงปี 2030-2035 โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นจุดหักศอกครั้งที่ 2
จะเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีต่าง ๆ จะหลอมรวมกัน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด
จนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ระดับโลก ก็ไม่กล้าฟันธงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ คุณ Satya Nadella กล่าวว่า AI จะอยู่ทุกที่ทุกเวลา
และ Quantum Computing จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติ และการจำลองทุกสิ่งได้
ส่งผลให้ อายุขัยของมนุษย์ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 ปี
โดย AI จะเป็นตัวเร่งให้เทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น พยากรณ์อากาศ, การดูแลสุขภาพ และชีววิทยา เติบโตแบบก้าวกระโดด อีกด้วย
ในด้านธุรกิจ AI จะเข้ามาช่วยเพิ่ม Productivity ได้อย่างมหาศาล
หากนำมาใช้ถูก Use Case บริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาล อาจไม่จำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมากอีกต่อไป
แม้แต่คุณ Sam Altman ผู้ก่อตั้ง OpenAI เจ้าของ ChatGPT ยังเชื่อว่า AI จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คนคนเดียวสามารถสร้างธุรกิจ Unicorn หรือธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 36,000 ล้านบาทได้
ทำให้ในอนาคต อาจได้เห็น “Solopreneur” หรือผู้ประกอบการอิสระที่ใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัล บริหารธุรกิจทั้งหมดด้วยตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วในมุมมองของคุณกระทิง AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างไร ?
ปัจจุบัน AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเศรษฐกิจไทย โดยมีทั้งโอกาสในการเติบโตและความท้าทายที่ต้องเผชิญ
โดยอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของ AI ได้แก่
- อุตสาหกรรมการผลิตและการเกษตร
AI สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิต โดยการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อประเมินและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เช่น การใช้ AI ในการตรวจสอบคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร หรือการใช้ AI ในการควบคุมเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม
- อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ
ในด้านการแพทย์ AI มีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัยโรค การพัฒนายา และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์
เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายรังสี หรือ MRI ช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น
รวมถึงการพัฒนาระบบช่วยในการผ่าตัดที่ใช้หุ่นยนต์ควบคุมโดย AI ทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยงน้อยลง และมีผลการรักษาดีขึ้น
- อุตสาหกรรมบริการและท่องเที่ยว
การใช้ AI ในอุตสาหกรรมบริการและท่องเที่ยว สามารถเพิ่มประสบการณ์การบริการของลูกค้าได้อย่างมาก
ตัวอย่างเช่น การใช้แช็ตบอต หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ (นึกภาพ ChatGPT-4o ที่พูดภาษามนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ) ในช่องทางการติดต่อของโรงแรม หรือสายการบิน
เพื่อให้ข้อมูลและตอบคำถามลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เห็นได้ชัดเจนว่า เทคโนโลยีและ AI เป็นเมกะเทรนด์ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เป็นโอกาสในการลงทุนที่น่าจับตามอง
แต่การลงทุนในปัจจุบันก็ยังมีความยาก เพราะสถานการณ์ตลาดยังคงผันผวน
ดังนั้น การลงทุนผ่านกองทุนรวมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยได้ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้
ท้ายนี้ K WEALTH โดยธนาคารกสิกรไทย ยังวิเคราะห์ถึง 2 กองทุนที่น่าสนใจ และมีโอกาสเติบโตไปกับเมกะเทรนด์นี้ด้วย
1. กองทุน K-GHEALTH
ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds - Global Healthcare Fund - Class A (acc) USD
ซึ่งปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย ได้ผนึกกำลังกับ J.P. Morgan Asset Management เป็นพันธมิตรในการบริหารกองทุน
โดยกองทุน K-GHEALTH มีนโยบายการลงทุน เน้นหุ้นเติบโตสูง
เช่น หุ้นในกลุ่ม BioTech และ MedTech และเน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานราคาผันแปรตามเศรษฐกิจโลกน้อย
2. กองทุน K-GTECH
ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก เน้นหุ้นเติบโตสูง ผ่านกองทุนหลัก Threadneedle (Lux) Global Technology, Class IU USD
ซึ่งกองทุน K-GTECH มีโอกาสเติบโตจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักร เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นเทคโนโลยี
- เทคโนโลยี ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจ
เช่น เทคโนโลยี 5G, รถยนต์ EV, เทคโนโลยี AI เป็นต้น
- บริษัทเทคโนโลยีเร่งคุมต้นทุนในช่วงที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มีความแข็งแกร่งในระยะยาว
ลูกค้าเดอะวิสดอมกสิกรไทยสามารถติดตามงานสัมมนา THE WISDOM: Wealth Decoded ครั้งต่อไปได้ที่ https://www.kasikornbank.com/k_3x9WAEr
หมายเหตุ :
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
Reference
- สัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded Exclusive Talk

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon