สรุปสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded เจาะลึก 4 กลยุทธ์บริหารจัดการภาษีมรดกยุคใหม่ ส่งต่อความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
KBank x ลงทุนแมน
การเปลี่ยนแปลงมาตรการ ข้อกำหนด และกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การบริหารจัดการภาษีมรดกและการส่งต่อความมั่งคั่งมีความซับซ้อนมากขึ้น
เดอะวิสดอมกสิกรไทย จึงจัดสัมมนา “THE WISDOM Wealth Decoded ครั้งที่ 4” เพื่อเจาะลึกกลยุทธ์บริหารจัดการภาษี ให้การวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งเกิดประโยชน์สูงสุดแก่คนรุ่นต่อไป
โดยงานสัมมนานี้ เดอะวิสดอมกสิกรไทย ได้เชิญ 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการสินทรัพย์และวางแผนภาษี คือ
- อาจารย์ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ พาร์ตเนอร์ ONE Law Office
- คุณอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
- คุณอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
ลงทุนแมน สรุปประเด็นสำคัญจากงานสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded มาเล่าให้ฟัง
ปัจจุบัน ประเทศไทย มีภาษีหลายประเภท แต่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. ภาษีทางตรง เป็นภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลหรือหน่วยงานโดยตรง โดยพิจารณาจากรายได้หรือทรัพย์สินของผู้เสียภาษี
ตัวอย่างภาษีทางตรง ได้แก่
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เก็บจากรายได้ของบุคคลทั่วไป เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส เงินปันผล ดอกเบี้ย
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล เก็บจากกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
- ภาษีมรดก เก็บจากทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับมรดก
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เก็บจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล เก็บจากกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
- ภาษีมรดก เก็บจากทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับมรดก
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เก็บจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
2. ภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค เมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศไทย
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เก็บจากมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการในแต่ละขั้นตอนการผลิตและจำหน่าย
- ภาษีสรรพสามิต เก็บจากสินค้าบางประเภท เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมันเชื้อเพลิง
- ภาษีศุลกากร เก็บจากสินค้านำเข้า
- ภาษีสรรพสามิต เก็บจากสินค้าบางประเภท เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมันเชื้อเพลิง
- ภาษีศุลกากร เก็บจากสินค้านำเข้า
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ขยายขอบเขตการจัดเก็บภาษีออกไปอีกมาก
ไม่ว่าจะเป็น ภาษี VAT สำหรับสินค้าออนไลน์นำเข้าจากต่างประเทศ ที่ไม่เกิน 1,500 บาท, ภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล, ภาษีลงทุนนอก
นั่นแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มการจัดเก็บภาษีของไทย กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็น ภาษี VAT สำหรับสินค้าออนไลน์นำเข้าจากต่างประเทศ ที่ไม่เกิน 1,500 บาท, ภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล, ภาษีลงทุนนอก
นั่นแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มการจัดเก็บภาษีของไทย กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.161/2566
ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และมีเงินได้ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว จากแหล่งเงินได้ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และมีเงินได้ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว จากแหล่งเงินได้ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ที่ทำงานในต่างประเทศ เช่น พนักงานบริษัท ลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างอิสระ รวมถึงกรรมการบริษัทต่างประเทศ
- ผู้ที่มีธุรกิจในต่างประเทศ เช่น การค้าขาย การลงทุน หรือการให้บริการ
- ผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินในต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินทางปัญญา
แล้วนโยบายเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศนี้ ครอบคลุมอะไรบ้าง?
ต้องบอกว่า ภาษีนี้ไม่ได้ครอบคลุมแค่กำไรจากการขายทรัพย์สินต่างประเทศเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงเงินได้ทุกประเภทของคนไทย ที่ทำงานหรือมีรายได้จากต่างประเทศ โดยจะถูกเรียกเก็บเมื่อมีการโอนเงินกลับเข้าไทย
ที่สำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการวางแผนบริหารจัดการภาษี คือการใช้มาตรฐาน CRS หรือ Common Reporting Standard ของกรมสรรพากร ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการรายงานข้อมูลทางการเงินระหว่างประเทศ
ที่สำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการวางแผนบริหารจัดการภาษี คือการใช้มาตรฐาน CRS หรือ Common Reporting Standard ของกรมสรรพากร ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการรายงานข้อมูลทางการเงินระหว่างประเทศ
ประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับ OECD เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีข้ามพรมแดน โดยมีสัญญาระหว่างประเทศที่กำหนดกรอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ (CRS) กับประเทศคู่สัญญากว่า 150 ประเทศ
กรมสรรพากรในแต่ละประเทศสมาชิกคู่สัญญา จะมีการส่งข้อมูลทางการเงินของผู้มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศไทย (Thai Tax Resident) ให้กับประเทศคู่สัญญา
ในขณะเดียวกัน คนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ กรมสรรพากรของประเทศนั้น ๆ ก็จะส่งข้อมูลทางการเงินอัตโนมัติกลับมาให้ประเทศไทย เช่นเดียวกับกรณีของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มี “ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย” ที่ออกไปลงทุนหรือตั้งบริษัทในต่างประเทศ และไม่ได้นำรายได้กลับเข้ามาในประเทศ
กลุ่มนี้อาจจะได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องวางแผนภาษีให้สอดคล้องกับเกณฑ์ดังกล่าว
ดังนั้น นักลงทุนไทยในต่างประเทศ จึงต้องตรวจสอบรายละเอียดและรายงานภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางภาษีที่อาจเกิดขึ้น
แล้วในมุมมองอาจารย์ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ มีคำแนะนำในการวางแผนบริหารจัดการมรดก และใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไรบ้าง ?
อาจารย์ชินภัทรแนะนำว่า การวางแผนภาษีมรดกเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนการเงินและการสืบทอดทรัพย์สิน เจ้าของทรัพย์สินและผู้รับมรดกสามารถวางแผนเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอย่างมีประสิทธิภาพได้ถึง 4 รูปแบบ คือ บริษัทโฮลดิง, ประกันชีวิต, พินัยกรรม และธรรมนูญครอบครัว
โดยสามารถผสมผสานควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อให้แผนตอบโจทย์ความต้องการ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้รับประโยชน์
1. ตั้งบริษัทโฮลดิง (Holding Company) เป็นรูปแบบที่นิยมสำหรับธุรกิจครอบครัว โดยจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อถือหุ้นหรือถือครองทรัพย์สิน โดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก ไม่ได้มีธุรกิจเป็นของตนเอง อาจเป็นการลงทุนทั้งบริษัทในไทยและต่างประเทศก็ได้
โดยรายได้ของบริษัทโฮลดิงจะอยู่ในรูปแบบของเงินปันผล ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคล เนื่องจากเงินจำนวนนี้ได้มีการเสียภาษีมาแล้วในนามของบริษัทย่อย
โดยเงินปันผลที่บริษัทโฮลดิงได้รับ จะได้รับการยกเว้นภาษี ในกรณีที่มีองค์ประกอบครบ 3 ส่วน คือ
- ได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่ บริษัทโฮลดิง ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 25% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง
- บริษัทโฮลดิงและบริษัทย่อย ไม่ถือหุ้นไขว้ระหว่างกัน
- บริษัทโฮลดิง ถือหุ้นก่อนและหลังจ่ายเงินปันผล ไม่น้อยกว่า 3 เดือน
- บริษัทโฮลดิงและบริษัทย่อย ไม่ถือหุ้นไขว้ระหว่างกัน
- บริษัทโฮลดิง ถือหุ้นก่อนและหลังจ่ายเงินปันผล ไม่น้อยกว่า 3 เดือน
2. ทำประกันชีวิต
มุมมองจากคุณอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง เห็นว่า การทำประกันชีวิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ทั้งในแง่ของการลดหย่อนภาษีและการวางแผนรับมรดก
โดยเบี้ยประกันชีวิต สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
หากผู้เอาประกันเสียชีวิต เงินเอาประกันที่ได้รับ จะไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมรดก ซึ่งสินไหมมรณกรรมที่ได้จากประกันชีวิตจะได้รับยกเว้นภาษี
นอกจากนี้ ผู้รับประโยชน์ยังได้รับเงินอย่างรวดเร็วเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต เพราะเงินประกันไม่ถูกรวมเข้ากับกองมรดก จึงสามารถจ่ายให้แก่ผู้รับมรดกได้เลยโดยไม่ต้องรอการจัดการมรดก
และที่สำคัญ การทำประกันชีวิตเป็นการบริหารความเสี่ยง
“สิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่มองข้ามคือ การใช้ประกันชีวิตในการวางแผนธุรกิจ ด้วยการทำประกันชีวิตให้กับผู้บริหารหลักของบริษัท โดยค่าเบี้ยประกันสามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ เป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน” เป็นมุมมองของคุณอุมาพันธุ์
นอกจากนี้ คุณอุมาพันธุ์ ได้ให้คำแนะนำในการใช้ประกันชีวิตเพื่อบริหารจัดการภาษี ซึ่งสามารถทำได้ 4 รูปแบบ คือ
1. การส่งต่อทรัพย์สินส่วนเกินที่ต้องเสียภาษี คือ การแบ่งเงินส่วนที่เกินกว่าสิทธิลดหย่อนภาษีมาทำประกันชีวิต ส่วนที่เหลือสามารถนำไปลงทุนต่อได้ เช่น หากมีทรัพย์สิน 200 ล้านบาท ใช้สิทธิลดหย่อน 100 ล้านบาท ก็สามารถนำอีก 100 ล้านบาทไปซื้อประกันชีวิต ซึ่งเงินเอาประกันจะไม่นับเป็นทรัพย์มรดก จึงไม่ต้องเสียภาษี
2. การทำทุนประกันชีวิตเพื่อชำระภาษีมรดก เหมาะสำหรับผู้ที่มีที่ดินจำนวนมาก โดยเงินเอาประกันสามารถนำมาใช้ชำระภาษีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมรดกได้
3. การแบ่งมรดกเท่าเทียม คือ สร้างความเท่าเทียมในการรับมรดกให้กับทายาททุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากธุรกิจครอบครัว ด้วยการทำประกันชีวิตให้กับทายาทเหล่านั้น
4. สร้างมรดกก้อนใหญ่ ใช้เงินน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างมรดกให้ลูกหลานจำนวนมาก แต่มีเงินทุนจำกัด โดยการทำประกันชีวิตจะช่วยให้สามารถสร้างมรดกที่มีมูลค่าสูงได้ ด้วยการจ่ายเบี้ยประกันในจำนวนที่ไม่สูงมาก
3. ทำพินัยกรรม
โดยอาจารย์ชินภัทร กล่าวว่า การทำพินัยกรรมเพื่อจัดสรรปันส่วนทรัพย์สินก่อนเสียชีวิตให้แก่บุคคลที่ต้องการ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งและต้องทำอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
การทำพินัยกรรมสามารถช่วยลดภาระภาษีมรดกของทายาทได้ทางอ้อม เช่น การแบ่งทรัพย์สินให้ทายาทหลายคน การยกเว้นภาษีมรดกให้คู่สมรส หรือการยกเว้นภาษีมรดกให้ทรัพย์สินบางประเภท
4. การทำธรรมนูญครอบครัว
เป็นการสร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อกำหนดบทบาท หน้าที่ สิทธิประโยชน์ และแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกิจของครอบครัว
อาจารย์ชินภัทร กล่าวว่า การจัดทำธรรมนูญครอบครัว ควรตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า ทำเพื่ออะไร และทำเพื่อใคร เพราะธรรมนูญครอบครัว เป็นการบริหารทรัพย์สินของกงสี ซึ่งเป็นเอกสารของครอบครัวที่ต้องวางหลักการ กฎ กติกา ของสมาชิกในครอบครัวให้ชัดเจน
โดยธรรมนูญครอบครัวจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ต้อง “เชื่อมโยง” กฎหมาย และ “สัมพันธ์” ภาษีให้ใช้งานได้จริง และสามารถกำหนดกระบวนการจัดการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดความขัดแย้งภายในครอบครัว และส่งผลทำให้ธุรกิจของครอบครัวเติบโตได้อย่างมั่นคง
ทั้งหมดนี้ เป็นความเข้มข้นจากงานสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded เจาะลึกกลยุทธ์ของการวางแผนบริหารจัดการมรดกและภาษีมรดกให้ได้ประโยชน์สูงสุดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อส่งต่อความมั่งคั่งที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นหลังต่อไป
สำหรับแบบประกันที่จะเป็นตัวช่วยในการวางแผนส่งมอบมรดก ตามรูปแบบที่ได้กล่าวมาข้างต้น เดอะวิสดอมกสิกรไทย ขอแนะนำ ประกันชีวิต พรีเมียร์ เลกาซี่
ที่จะช่วยส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่น...สู่รุ่น อย่างไม่สะดุด ช่วยให้คุณวางใจได้ว่า สามารถส่งมอบหลักประกันครอบครัวสู่คนที่รักอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มพูนความมั่งคั่ง และคลายกังวลเรื่องภาษีมรดกที่อาจเกิดขึ้น
ตอบโจทย์เรื่องการส่งต่อมรดกได้เป็นอย่างดี เพราะทุนประกันสูง เริ่มต้นตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป และสามารถทำทุนประกันได้สูงสุดถึง 500 ล้านบาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีข้อดีคือ
- ให้ความคุ้มครองชีวิตสูง คุ้มครองตั้งแต่วันแรกที่กรมธรรม์อนุมัติ ยาวนานถึงอายุ 99 ปี
- จ่ายเบี้ยสั้นหรือยาว เลือกเองได้ เลือกชำระเบี้ยครั้งเดียว, 5 ปี, 10 ปี หรือ จ่ายถึงครบอายุ 99 ปี
- ส่งมอบหลักประกันให้ครอบครัว ได้ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการ
- ช่วยบริหารภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินไหมมรณกรรมไม่ถือเป็นมรดก ไม่มีภาระทางภาษี
- ค่าเบี้ยลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 100,000 บาท ตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- จ่ายเบี้ยสั้นหรือยาว เลือกเองได้ เลือกชำระเบี้ยครั้งเดียว, 5 ปี, 10 ปี หรือ จ่ายถึงครบอายุ 99 ปี
- ส่งมอบหลักประกันให้ครอบครัว ได้ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการ
- ช่วยบริหารภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินไหมมรณกรรมไม่ถือเป็นมรดก ไม่มีภาระทางภาษี
- ค่าเบี้ยลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 100,000 บาท ตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
การส่งต่อความมั่งคั่งไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานหรือคนที่เรารักเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรวางแผน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า หากเราไม่อยู่แล้ว คนที่เรารักจะสานต่อสิ่งที่เราได้สร้างไว้ให้หรือได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เราตั้งใจมอบไว้ให้กับเขาอย่างแท้จริง…
คำเตือน: ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง กรณีกรมธรรม์ไม่ได้ระบุผู้รับประโยชน์หรือระบุไว้แต่เสียชีวิตก่อนหรือพร้อมกับผู้เอาประกันภัย ผลประโยชน์ตามกรมธรรม์จะตกแก่กองมรดกของผู้เอาประกันภัย
References:
- สรุปสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded รู้ลึก รู้ทันภาษี ลงทุนดีไม่พลาดเป้า จัดโดยเดอะวิสดอมกสิกรไทย
- https://www.rd.go.th/272.html
- https://www.live-platforms.com/th/
- สรุปสัมมนา THE WISDOM Wealth Decoded รู้ลึก รู้ทันภาษี ลงทุนดีไม่พลาดเป้า จัดโดยเดอะวิสดอมกสิกรไทย
- https://www.rd.go.th/272.html
- https://www.live-platforms.com/th/