กองทุนรวมวายุภักษ์ x ลงทุนแมน

ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญความยากลำบากจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
แค่ครึ่งปีแรก เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกว่า 1.8 แสนล้านบาท

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
จากจุดสูงสุดกว่า 1,700 จุด ในปี 2565 เหลือเพียงประมาณ 1,357 จุดในปัจจุบัน
รวมถึงตัวเลขการออมของคนไทย ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ

ด้วยเหตุนี้ รัฐจึงได้นำกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กลับมาเปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไปได้ร่วมลงทุน
เพิ่มทางเลือกในการออมและการลงทุนให้แก่ประชาชน สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ และสร้างโอกาสในการเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนดี มั่นคงในระยะยาว
และมีความยั่งยืนในกระบวนการดำเนินธุรกิจ

แล้วกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นกองทุนรวมประเภทกองทุนปิด ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546 และได้แปรสภาพเป็นกองทุนเปิดเมื่อปี 2556 เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการออมและการลงทุนสำหรับประชาชนทั่วไป
โดยเน้นบริหารจัดการหลักทรัพย์ที่รัฐถือครองให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวและมั่นคง

โดยลงทุนในกิจการที่มีความจำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อประเทศในเชิงเศรษฐกิจ และต้องการการส่งเสริมจากภาครัฐ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ และเปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงการลงทุนที่มีความมั่นคง และสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว

นับตั้งแต่จัดตั้ง กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ โดยเฉพาะในตลาดทุนไทย
ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่กองทุนฯ ให้ความสำคัญอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็น
- การลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
- ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน อันเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอได้ในระยะยาว

โดยมี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจัดการกองทุน

กองทุนฯ มีหน่วยลงทุน 2 ประเภท คือ หน่วยลงทุนประเภท ก. และหน่วยลงทุนประเภท ข.

ซึ่งครั้งนี้อยู่ระหว่างเตรียมการระดมทุนโดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก.
ที่มีระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้นที่ 10 ปี ต่อผู้ลงทุนทั่วไป ได้แก่ นักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน
มูลค่าการเสนอขายรวม 100,000 – 150,000 ล้านบาท

รวมทั้งจะนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนตุลาคมของปีนี้ เพื่อตอบโจทย์ประชาชนทั่วไป ที่มองหาทางเลือกในการออม และการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และมั่นคงในระยะยาว

แล้วแนวทางการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง
รวมถึงการจ่ายผลตอบแทนเป็นอย่างไร ?

จุดที่น่าสนใจของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง นอกเหนือจากขนาดที่ใหญ่ของกองทุนฯ และมีความมั่นคงสูงจากการเป็นกองทุนฯ ที่ถือหุ้นโดยภาครัฐ

ก็คือการเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ รวมถึงการบริหารแบบเชิงรุกและเชิงรับ
ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงในระยะยาว
และเป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมทั้งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

หมายความว่า กองทุนฯ จะโฟกัสไปที่การสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเป็นหลัก (เชิงรุก)
ควบคู่ไปกับการรักษาความมั่นคงของเงินลงทุนของผู้ลงทุนในระยะยาว (เชิงรับ) นั่นเอง

ต่อมาคือ เรื่องของกลไกการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทน ด้วยการชำระคืนเงินลงทุนแบบ Waterfall

พูดง่าย ๆ ว่า ผลตอบแทนที่กองทุนฯ ทำได้ จะถูกจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.

ในขณะเดียวกัน หากเกิดการขาดทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จะเป็นผู้รับผลขาดทุนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.

ในส่วนของผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับคือ

เงินปันผล ตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุนฯ
แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำต่อปี และไม่เกินกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นสูงต่อปี
โดยอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำและขั้นสูงดังกล่าวจะเป็นอัตราคงที่ตลอด 10 ปี

กองทุนฯ ยังมีกลไกการบริหารความเสี่ยงของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.
ด้วยการกำหนดสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนฯ ต่อเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. และการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หากสัดส่วนดังกล่าวลดลง

นอกจากนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจ เช่น

- กลไกการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทน โดยกองทุนฯ จะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.

- การกำหนดสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนฯ ต่อเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. และมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และสร้างความมั่นใจในการลงทุน

- หน่วยลงทุนประเภท ก. จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ในตลาดรอง

- เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ ที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์ และมีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

สุดท้าย กองทุนรวมนี้ไม่เพียงสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน
แต่ยังช่วยพัฒนาตลาดทุนไทย เสริมสร้างความเชื่อมั่น และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว อีกด้วย