รู้จัก กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่ชูกลไกคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 3% ต่อปี

รู้จัก กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่ชูกลไกคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 3% ต่อปี

กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง x ลงทุนแมน
เมื่อพูดถึงการลงทุนในประเทศไทย จะรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดมีแต่ความซบเซา
ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะจากข้อมูลพบว่า 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย รวมมูลค่ากว่า 5.3 แสนล้านบาท
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่าการระดมทุนของตลาดหุ้นและตราสารหนี้ ก็มีอัตราที่ชะลอตัวลงด้วย
จากปัจจัยความไม่แน่นอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่รู้หรือไม่ ประเทศไทยมีหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจนั่นคือ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง
กองทุนฯ ที่นอกจากจะชูเรื่องการมีกลไกคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนแล้ว
ยังมีกลไกบริหารความเสี่ยงอีกด้วย พร้อมจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มีความน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ต้องบอกว่า จริง ๆ แล้วกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546 ตามมติของคณะรัฐมนตรี
เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวและมั่นคง
โดยเน้นลงทุนในกิจการที่มีความจำเป็น และเป็นประโยชน์สำหรับเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุน และเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่ประชาชน
ซึ่งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ในช่วงเวลา 10 ปีแรกนั้น (ระหว่างปี 2546-2556) ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับอัตราเงินปันผลเฉลี่ยถึง 5.14% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม หลังสิ้นสุดอายุโครงการ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมด เหลือเพียงผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.
แล้วคณะรัฐมนตรีได้มีมติแปรสภาพกองทุนฯ เป็นกองทุนเปิด
พร้อมเสนอขายเฉพาะหน่วยลงทุนประเภท ข. ให้แก่กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐเท่านั้น
แต่ปัจจุบันคนทั่วไปจะสามารถเข้าลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้แล้ว
เพราะกองทุนฯ เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนทั่วไปอีกครั้ง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนแก่ประชาชน รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนในประเทศ
โดยกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นกองทุนรวมผสมประเภทกองทุนเปิด ที่มีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ซึ่งไม่ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนแบบตายตัว
แต่จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคงในระยะยาว รวมถึงมีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น
- บริษัทจดทะเบียนใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่ระดับ A ขึ้นไป
- กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- บริษัทใน SET100 อื่น ๆ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยต้องเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- บริษัทจดทะเบียนนอก SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่ระดับ AA ขึ้นไป เป็นต้น
ซึ่งกองทุนฯ จะลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงมีการบริหารแบบเชิงรุกสำหรับการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเป็นหลัก และเชิงรับสำหรับการรักษาความมั่นคงของเงินลงทุนของผู้ลงทุนในระยะยาว โดยมีระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้นที่ 10 ปี สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก.
ส่วนรูปแบบของผลตอบแทนคือ การได้รับเงินปันผลในแต่ละปี
ตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุนฯ แต่ไม่น้อยกว่า 3% ต่อปี และไม่เกินกว่า 9% ต่อปี ซึ่งกำหนดเป็นอัตราคงที่ตลอด 10 ปี อีกด้วย
ทั้งนี้ กองทุนฯ จะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. และเมื่อถือกองทุนฯ ครบระยะเวลาลงทุนเบื้องต้น 10 ปี หากกองทุนฯ ต้องการระดมทุนต่อ จะมีการแจ้งไปที่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ก่อนครบระยะเวลาลงทุน เพื่อให้สิทธิเลือกว่าจะลงทุนต่อหรือไม่
หากไม่ลงทุนต่อ บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
โดยกองทุนฯ จะมีกลไกการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทน คือ ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุนฯ
แต่ไม่น้อยกว่า 3% ต่อปี และไม่เกินกว่า 9% ต่อปี และมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินลงทุนตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น Waterfall structure
หรือพูดง่าย ๆ ว่า ผลตอบแทนที่กองทุนฯ ทำได้ จะให้สิทธิในการจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.
และในส่วนการเกิดความผันผวน ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จะเป็นผู้รับความผันผวนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.
นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังมีกลไกบริหารความเสี่ยง โดยกำหนดสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนฯ
ต่อเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. และมาตรการต่าง ๆ
เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. หากสัดส่วนดังกล่าวลดลงถึงระดับที่กำหนด
ซึ่งบริษัทจัดการอาจพิจารณาดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด เช่น เพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์สภาพคล่อง กันส่วนสำรองเพื่อจ่ายเงินปันผล เปลี่ยนสินทรัพย์ลงทุนให้เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องหรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
ส่วนบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประกอบด้วย
1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
ซึ่งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. มูลค่ารวม 100,000 - 150,000 ล้านบาท ให้ผู้ลงทุนรายย่อย ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท โดยจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท
กองทุนฯ จะเปิดให้จองซื้อได้ในวันที่ 16-20 กันยายน 2567 ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) และ สำนักงานใหญ่/สาขา และ/หรือ ช่องทางออนไลน์ ของผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุน ได้แก่
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
หลังจากนั้นกองทุนฯ จะนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียน เพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://market.sec.or.th/public/mrap/MRAPView.aspx?FTYPE=M&PID=0681&PYR=2546&lang=en

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon