สรุป “กองทุนรวมวายุภักษ์” ที่รัฐ กำลังเสนอขาย มีกลไกคุ้มครองเงินต้น แก่นักลงทุนรายย่อย เพื่อพยุงตลาดหุ้นไทย..

สรุป “กองทุนรวมวายุภักษ์” ที่รัฐ กำลังเสนอขาย มีกลไกคุ้มครองเงินต้น แก่นักลงทุนรายย่อย เพื่อพยุงตลาดหุ้นไทย..

สรุป “กองทุนรวมวายุภักษ์” ที่รัฐ กำลังเสนอขาย มีกลไกคุ้มครองเงินต้น แก่นักลงทุนรายย่อย เพื่อพยุงตลาดหุ้นไทย..
จริง ๆ แล้ว กองทุนรวมวายุภักษ์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2546 ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง
เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐบาล แทนกระทรวงการคลัง โดยที่จะช่วยลดการใช้งบประมาณแผ่นดินลง
ซึ่งกองทุนวายุภักษ์ มีลักษณะเป็นกองทุนผสม แบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน และมีนโยบายการลงทุนยืดหยุ่นสูง
โดยมีการลงทุนทั้ง เงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก และสินทรัพย์อื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังสามารถลงทุนในกองทุนรวมอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ในช่วงแรก กองทุนวายุภักษ์ มีสถานะเป็นกองทุนปิด ซึ่งมีการกำหนดอายุกองทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี และเปิดขายหน่วยลงทุนให้ทั้งนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน รวมถึงนักลงทุนภาครัฐ เช่น กระทรวงการคลัง รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ
กองทุนวายุภักษ์ ได้เข้าลงทุนในบริษัทไทย และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายบริษัท
ภายหลังครบอายุ ได้มีการปิดกองทุน และทำการคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมด โดยหลังจากนั้นได้มีการประกาศ แปรสภาพกองทุน มาเป็นกองทุนเปิด และเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้ง
แต่ขายให้เฉพาะกระทรวงการคลัง และนักลงทุนที่เป็นหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น และยังไม่มีการขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนทั่วไปมาจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐ กำลังจะระดมทุนให้กองทุนรวมวายุภักษ์ อีกครั้ง
ด้วยการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ให้ประชาชนและนักลงทุนทั่วไป ช่วงเดือน ก.ย. นี้ เพิ่มทางเลือกการออม และสนับสนุนตลาดทุนของประเทศ
เนื่องจากที่ผ่านมา สถานการณ์ตลาดทุนไทย ค่อนข้างผันผวน จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลออก จากปัจจัยความไม่แน่นอนต่าง ๆ
โดยในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย รวมมูลค่ากว่า 5.3 แสนล้านบาท และมูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงมูลค่าการระดมทุนของตลาดหุ้นและตราสารหนี้ มีอัตราที่ชะลอตัวลง
ดังนั้น เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศในการลงทุน กระตุ้นการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องและความเชื่อมั่น
กระทรวงการคลัง จึงเสนอแนวทางในการระดมทุนผ่านกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ประมาณ 1 แสน - 1.5 แสนล้านบาท
หรือคิดเป็นประมาณเกือบ 20% - 30% ของมูลค่าที่นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไทยไป
เงินที่กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ระดมทุนได้นี้ ส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยเน้นการลงทุนเชิงรุกมากขึ้น ผ่านบริษัทที่มีผลตอบแทนที่ดี มีความมั่นคงสูง ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG)
ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีเพียงหน่วยลงทุนประเภท ข. ซึ่งมีแต่นักลงทุนสถาบันถือ
และกำลังจะระดมทุนเพิ่ม โดยเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ต่อผู้ลงทุนทั่วไป
สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก. นั้น
- มีระยะเวลาถือครองเป็นเวลา 10 ปี
- จ่ายปันผล 2 ครั้งต่อปี โดยได้รับเงินปันผล ตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุนฯ แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และไม่เกินกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นสูง
- โดยอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำและขั้นสูง จะเป็นอัตราคงที่ตลอด 10 ปี
- มีกลไกคุ้มครองเงินลงทุน โดยจะมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินลงทุน ตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น Water fall
จะเห็นว่า หน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีจุดขายคือ มีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ และกลไกคุ้มครองเงินต้น นั่นเอง
ตัวอย่างสมมติ เช่น กองทุนฯ​ มีการกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ ไว้ที่ 3%
และปีนั้น กองทุนฯ ทำผลตอบแทนได้ 6%
ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. และผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จะได้ผลตอบแทน 6% เท่ากัน
แต่ถ้าปีนั้น กองทุนฯ ทำตอบแทนได้ 2%
ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้ผลตอบแทนที่ 3%
ในขณะที่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จะได้ผลตอบแทน 2%
แต่เรื่องนี้ก็มีเรื่องน่าสงสัยว่า ถ้ากองทุนฯ ทำผลตอบแทนได้น้อยกว่า ผลตอบแทนขั้นต่ำที่กำหนดไว้นั้น แล้วส่วนต่างตรงนี้ เอาเงินจากไหนมาชดเชยผู้ถือหน่วยลงทุน ?
ซึ่งในขั้นถัดไป จะมีการสำรวจความเห็นของนักลงทุนสถาบัน เพื่อกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และอัตราผลตอบแทนขั้นสูง
กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดำเนินการเสนอขายหน่วยลงทุน, ช่องทางการเสนอขายหน่วยลงทุน และสัดส่วนการเสนอขายต่อผู้ลงทุนแต่ละประเภท
รวมถึงจะประสานงานกับ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การเสนอขายหน่วยลงทุน เป็นไปตามกฎระเบียบ
ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) กว่า 3 แสนล้านบาท
(ถ้าระดมทุนเพิ่ม ผ่านหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้อีก ก็จะมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 4 แสนล้านบาท)
ซึ่งกองทุนมี บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน
โดยสินทรัพย์ที่กองทุนถือ 5 อันดับแรกของพอร์ต
หุ้นสามัญ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
หุ้นสามัญ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB
หุ้นสามัญ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB
หุ้นสามัญ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
หุ้นสามัญ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP
นอกจากหุ้นแล้ว สินทรัพย์ที่กองทุนฯ ถือรองลงมาคือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตั๋วเงินคลัง
สำหรับผลตอบแทนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ย้อนหลัง (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567)
- 1 ปีย้อนหลัง -3.69%
- 5 ปีย้อนหลัง -1.44%
- 10 ปีย้อนหลัง +1.83%
- ตั้งแต่ก่อตั้งกองทุน +2.92%
ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลัง ได้รับเงินปันผลจากกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 รวมกว่า 40,000 ล้านบาท..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon