รู้จัก Ufotable สตูดิโอแอนิเมชันเบื้องหลัง ดาบพิฆาตอสูร
รู้จัก Ufotable สตูดิโอแอนิเมชันเบื้องหลัง ดาบพิฆาตอสูร /โดย ลงทุนแมน
578 ล้านบาท คือต้นทุนที่สตูดิโอ Ufotableใช้ในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train ในปี 2021
578 ล้านบาท คือต้นทุนที่สตูดิโอ Ufotableใช้ในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train ในปี 2021
ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้ผลตอบรับดี โดยกวาดรายได้ 18,666 ล้านบาท คิดเป็น 32 เท่าของต้นทุนการผลิต
นี้ยังไม่นับรวมรายได้ของภาพยนตร์แอนิเมชัน ภาคต่อ ทั้ง Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – To the Swordsmith Village ในปี 2023
และ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – To the Hashira Training ในปี 2024
และ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – To the Hashira Training ในปี 2024
นอกจากภาพยนตร์แล้ว แอนิเมชันฉบับซีรีส์ที่ฉายตามเคเบิลทีวี หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ ก็ได้กระแสตอบรับถล่มทลายไม่แพ้กัน
ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมว่า ทำออกมาได้มีคุณภาพแน่นไม่แพ้ภาพยนตร์ จนทำให้ชื่อของสตูดิโอผลิตแอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร ได้กลายมาเป็นชื่อที่ถูกพูดถึง เป็นวงกว้าง
แล้วเรื่องราวของสตูดิโอแห่งนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนที่สตูดิโอ Ufotable จะกลายมาเป็นที่รู้จัก
เราต้องย้อนกลับไปเมื่อ 24 ปีที่แล้ว หรือในปี 2000
เราต้องย้อนกลับไปเมื่อ 24 ปีที่แล้ว หรือในปี 2000
สตูดิโอ Ufotable ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Hikaru Kondo อดีตพนักงานสตูดิโอ TMS Entertainment
หรือสตูดิโอผู้ผลิตการ์ตูนในวัยเด็กของใครหลายคน อย่างโคนัน และบาคุกัน
หรือสตูดิโอผู้ผลิตการ์ตูนในวัยเด็กของใครหลายคน อย่างโคนัน และบาคุกัน
อย่างไรก็ตาม Ufotable ก็เป็นเพียงสตูดิโอเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้รับงานแอนิเมชันมากเท่าไรนัก
และผลงานแอนิเมชันในช่วง 5 ปีแรกของสตูดิโอ ก็ไม่ได้เป็นที่นิยม
และผลงานแอนิเมชันในช่วง 5 ปีแรกของสตูดิโอ ก็ไม่ได้เป็นที่นิยม
จนกระทั่งในปี 2013 สตูดิโอ ก็ประสบความสำเร็จกับผลงานแอนิเมชันเรื่อง “The Garden of Sinners”
ซึ่งก็ได้กลายเป็นบันไดให้ Ufotable ก้าวขึ้นเป็นสตูดิโอชั้นแนวหน้า ของประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงเปิดเส้นทางโอกาส ในการรับผลิตผลงานแอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ ตามมา
อย่างเช่นเรื่อง Fate/stay night: Unlimited Blade Works และ Tales of Zestiria the X
รวมถึงเปิดเส้นทางโอกาส ในการรับผลิตผลงานแอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ ตามมา
อย่างเช่นเรื่อง Fate/stay night: Unlimited Blade Works และ Tales of Zestiria the X
โดยผลงานที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร ในปี 2019 ที่นอกจากจะขึ้นแท่น กลายเป็นแอนิเมชันหมายเลข 1 แล้ว ยังเป็นการ์ตูนที่ถูกกล่าวขานว่า สามารถชุบชีวิตตลาดการ์ตูนญี่ปุ่น ให้กลับมาเฉิดฉายสู่สายตาชาวโลกได้อีกครั้ง
ด้วยจุดเด่นของสตูดิโอ Ufotable ที่ผสมผสานงานภาพแอนิเมชันแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ รวมถึงการเพิ่มกิมมิก พร้อมกับมุมมองใหม่ ๆ ก็ทำให้ผลงานที่ออกมา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
และในปี 2021 ผลงานภาพยนตร์แอนิเมชัน Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train ก็ยังคงเป็นที่น่าจดจำ
ด้วยต้นทุนสร้างกว่า 578 ล้านบาท แต่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลก มากถึง 18,666 ล้านบาท
ด้วยต้นทุนสร้างกว่า 578 ล้านบาท แต่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลก มากถึง 18,666 ล้านบาท
แซงหน้าการ์ตูนแอนิเมชันที่ครองแชมป์รายได้อันดับ 1 ในญี่ปุ่นอย่าง Spirited Away จากสตูดิโอ Ghibli
เรียกว่า Demon Slayer หรือ ดาบพิฆาตอสูร เป็นผลงานที่ทำให้สตูดิโอแห่งนี้ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2022 ที่ Demon Slayer ซีซัน 2 เริ่มเข้าฉายตามแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ
ทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาพูดถึงสตูดิโอ Ufotable กันขึ้นอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2022 ที่ Demon Slayer ซีซัน 2 เริ่มเข้าฉายตามแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ
ทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาพูดถึงสตูดิโอ Ufotable กันขึ้นอีก
เนื่องจากงานภาพที่พูดได้แค่ว่า “เกินแอนิเมชันซีรีส์ทั่วไป” และหลายคนยังเห็นตรงกันว่า
คุณภาพที่ Ufotable ได้นำเสนอมาในครั้งนั้น แทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับภาพยนตร์ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train เลยทีเดียว
คุณภาพที่ Ufotable ได้นำเสนอมาในครั้งนั้น แทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับภาพยนตร์ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – The Movie: Mugen Train เลยทีเดียว
และล่าสุดที่ Demon Slayer ซีซัน 4 หรือภาคการสั่งสอนของเสาหลัก ได้ฉายจบไป
ด้วยคุณภาพของผลงาน ที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง แถมบางฉากยังทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดไว้
ก็ทำให้สตูดิโอ Ufotable กลับมาถูกพูดถึง และเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อีกครั้ง
ด้วยคุณภาพของผลงาน ที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง แถมบางฉากยังทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดไว้
ก็ทำให้สตูดิโอ Ufotable กลับมาถูกพูดถึง และเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อีกครั้ง
แน่นอนว่า สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ของ Demon Slayer ก็สามารถหาอ่านในมังงะ หรือหนังสือการ์ตูน Ebook ได้เลย เพราะจริง ๆ เนื้อหาของการ์ตูนได้จบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าหลายคนจะทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าเนื้อหาตอนต่อไป จะเป็นเช่นไร
แต่ทุกคนที่เคยอ่านการ์ตูนมาแล้ว ก็พร้อมที่จะติดตามดูแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่ดี
แต่ทุกคนที่เคยอ่านการ์ตูนมาแล้ว ก็พร้อมที่จะติดตามดูแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่ดี
เพราะงานภาพที่ Ufotable หยิบมานำเสนอนั้น เหมือนเป็นการสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวละคร และฉากต่าง ๆ ที่สร้างความประทับใจและตื้นตันใจ ให้กับผู้ชม ในแบบที่แอนิเมชันเรื่องอื่น ก็อาจจะไม่สามารถเทียบเท่าได้
ทั้งนี้ต้องหมายเหตุว่า จริง ๆ แล้วในการสร้างแอนิเมชัน ก็ไม่ได้มีเพียงแค่บริษัทเดียวเท่านั้น ที่ทำกราฟิก แต่เป็นการใช้หลาย ๆ บริษัท มาช่วยกันสร้างสรรค์ จนออกมาเป็นผลงานแบบที่เราได้รับชมกัน
และอาจเป็นคำตอบ ว่าทำไมต้นทุนการสร้างการ์ตูนซีรีส์สักเรื่องหนึ่งถึงมีราคาสูง
และอาจเป็นคำตอบ ว่าทำไมต้นทุนการสร้างการ์ตูนซีรีส์สักเรื่องหนึ่งถึงมีราคาสูง
นอกจากนี้ แม้สตูดิโอ Ufotable จะประสบความสำเร็จ จนสร้างรายได้ระดับพันล้าน แต่ด้านผู้ก่อตั้ง Hikaru Kondo ประธานบริษัท ก็เคยเป็นข่าวว่า หลบเลี่ยงภาษีมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
รวมถึงถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แต่ก็ถูกลดโทษให้โดนทัณฑ์บนเป็นเวลา 3 ปีแทน
รวมถึงถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แต่ก็ถูกลดโทษให้โดนทัณฑ์บนเป็นเวลา 3 ปีแทน
ภายหลังเหตุการณ์นั้น ผู้ก่อตั้งก็ได้ออกมาขอโทษแฟน ๆ และขอโอกาสที่จะผลิตแอนิเมชันดี ๆ ต่อไป
สุดท้ายนี้ ก็มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า Demon Slayer ภาคต่อไป หรือ “ปราสาทไร้ขอบเขต” จะออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ไตรภาค
ซึ่งก็คงเป็นภาคที่แฟน ๆ คาดหวังและรอคอยมากที่สุด
ซึ่งก็คงเป็นภาคที่แฟน ๆ คาดหวังและรอคอยมากที่สุด
โดยหากดูจากผลงานของ Ufotable ที่ผ่านมา ๆ
ประกอบกับความคาดหวังของแฟน ๆ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ประกอบกับความคาดหวังของแฟน ๆ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผลงานชิ้นต่อไปของ Ufotable ก็น่าจะออกมาแบบไม่ธรรมดาเช่นกัน..