ความฝันครั้งใหญ่ของ เฮียฮ้อ สร้างอาณาจักร RS Group ให้มีมูลค่า 1 แสนล้านบาท

ความฝันครั้งใหญ่ของ เฮียฮ้อ สร้างอาณาจักร RS Group ให้มีมูลค่า 1 แสนล้านบาท

ความฝันครั้งใหญ่ของ เฮียฮ้อ สร้างอาณาจักร RS Group ให้มีมูลค่า 1 แสนล้านบาท
RS Group X ลงทุนแมน
ครั้งหนึ่ง.. ลงทุนแมน เคยถาม เฮียฮ้อ ว่าคิดจะวางมือจากธุรกิจเมื่อไร ?
คำตอบที่ได้คือ “เฮียไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในสมอง ทุกวันนี้ยังรู้สึกสนุกกับการทำงาน
และตื่นเต้นกับความท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา”
ยอมรับว่า ณ วันนั้น ลงทุนแมน เองก็ไม่รู้ว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมา 40 ปี
อย่าง เฮียฮ้อ ยังมีอะไรให้ท้าทายอีก
จนมาพบคำตอบ เมื่อล่าสุดทาง RS Group ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ แบ่งเป็น 6 บริษัทย่อย
พร้อมตั้งเป้าให้ 5 บริษัท Spin-Off เพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า
หากความฝันครั้งนี้ของ เฮียฮ้อ กลายเป็นจริง
มีการประเมินว่าจะทำให้ RS Group และบริษัทในเครือมีมูลค่ารวมกันมากถึง 1 แสนล้านบาท
น่าจะเป็นความฝันครั้งใหญ่สุด ตลอดชีวิตการเป็นนักธุรกิจของ “เฮียฮ้อ”
คำถามก็คือ ความน่าจะเป็นที่ 5 ธุรกิจของ RS Group
จะเติบโตจนเข้าตลาดหลักทรัพย์ มีมากน้อยแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
การนำบริษัท IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ มีสารพัดขั้นตอนที่มาพร้อมการตรวจสอบจาก ก.ล.ต.
ก่อนจะพิจารณาอนุญาตให้บริษัทเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO
และหนึ่งข้อที่เป็นความท้าทายของทุกบริษัท
ก็คือ หากอยากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนก็คือ “กำไรสุทธิ”
โดยบริษัทจะต้องมีกำไรสุทธิ 2-3 ปีล่าสุด รวมกันกว่า 50 ล้านบาท
และในปีล่าสุดก่อนจะเสนอขายหุ้น IPO บริษัทต้องมีกำไรสุทธิเกิน 30 ล้านบาท
มาดูกันว่า 6 บริษัทของ RS Group มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
ที่จะสร้างกำไรสุทธิ ให้ตรงตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด เพื่อแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน
ผ่านข้อมูลจากงานแถลงข่าวในการปรับโครงสร้างธุรกิจของ RS Group
- RS Music
ตั้งแต่ RS ตัดสินใจขายโรงงานเทปซีดีทิ้งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
พร้อมกับมองเห็นว่า “คนฟังเพลงมากขึ้น แต่ธุรกิจเพลงเทปและแผ่นซีดี ได้ถูกเทคโนโลยีดิสรัปชัน”
ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เมื่อปัจจุบันตลาดเพลง Streaming ทั่วโลก รวมถึงในบ้านเราโตระเบิด
เฮียฮ้อ จึงมองว่านี่คือ โอกาสของธุรกิจเพลงครั้งใหม่
เพราะในอดีต RS คือค่ายเพลงเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย
มีประสบการณ์ในการผลิตเพลงและสายสัมพันธ์ที่ดีกับศิลปินมานานกว่า 40 ปี
ที่น่าสนใจก็คือ RS Music จะมีการร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย
ก็ต้องติดตามต่อไปว่า การกลับมาจริงจังในธุรกิจเพลงอีกครั้ง
RS จะสร้างปรากฏการณ์อะไรใหม่ ๆ ให้เราได้ตื่นเต้นกัน
- RS Multimedia ธุรกิจสื่อที่มีช่อง 8 และคลื่นวิทยุ COOLfahrenheit
เชื่อหรือไม่ว่า ช่อง 8 เข้าถึงผู้ชมผ่านทุกช่องทางได้ถึง 50 ล้านคน
นอกจากโทรทัศน์ที่เป็นช่องทางหลัก ช่อง 8 ยังมีพันธมิตรเป็นกลุ่ม OTT มากมาย
เช่น WeTV, AIS PLAY, TrueID และอื่น ๆ
โดยฐานผู้ชมหลักก็จะเป็นกลุ่มชาวบ้านทั่วไป ทำให้ล่าสุดผังรายการจะเน้นไปที่ข่าวที่เข้าใจง่าย, ละคร, ซีรีส์ต่างประเทศ และมวยไทย ทั้งยังจะบุกคอนเทนต์ออนไลน์แบบจัดเต็ม
ส่วน COOLfahrenheit นอกจากจะเน้นการเจาะกลุ่มผู้ฟังผ่านทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มมากขึ้น
ก็จะมีการจัดบิ๊กคอนเสิร์ตและงานอีเวนต์ต่าง ๆ ตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่หลายคนรอคอย เช่น D2B 22nd Anniversary Concert 2023,
RS HITS JOURNEY 2023, RS MEETING เป็นต้น
ซึ่งก็เป็นคอนเสิร์ตที่หลายคนรอคอยและบัตรเข้าชมก็น่าจะขายหมดในเวลารวดเร็ว
เพราะหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลง
RS ประสบความสำเร็จมากในธุรกิจนี้ จากคอนเสิร์ตช่วงปลายปีที่ผ่านมาอย่าง Kamikaze Party 2022 และ RS Meeting Concert 2022 ที่บัตรแต่ละคอนเสิร์ตกว่า 10,000 ที่นั่ง ขายหมดในเวลารวดเร็ว
- RS LiveWell
ตั้งแต่ทรานส์ฟอร์มจากธุรกิจสื่อและบันเทิงมาสู่ Commerce
แบรนด์สินค้าความงามและสุขภาพต่าง ๆ ที่ทาง RS Group สร้างขึ้นมาเติบโตเกินคาด
อีกทั้ง RS Mall แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามก็จับมือกับพันธมิตรหลากหลาย เช่น สถาบันการเงิน โรงพยาบาล คลินิก และบริษัทประกันชั้นนำ
จนสร้างฐานลูกค้าใหม่พร้อมสร้างระบบ CRM แข็งแกร่งขึ้น เลยทำให้สินค้าต่าง ๆ เข้าถึงผู้บริโภคคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ในปีนี้ แบรนด์ well u และ Vitanature+ เตรียมออกสินค้าสุขภาพและความงามใหม่ 19 SKUs
ส่วนแบรนด์ Lifemate ที่เป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง จะมีการออกสินค้าใหม่ 22 SKUs ที่ไม่ได้จำกัดแค่อาหารน้องหมาและแมว แต่ยังขยายไปยังผลิตภัณฑ์ดูแลทำความสะอาด
พร้อมกับเตรียมขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ
สอดคล้องกับเวลานี้ที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเมืองไทยเป็นที่นิยมจากหลายประเทศทั่วโลก
อีกทั้ง พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์ ก็ได้กลายเป็น “เมกะเทรนด์” ของโลกไปแล้ว
- RS Pet All
เมื่อธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีโอกาสเติบโตมหาศาล
เลยเป็นเหตุผลให้ RS Group ตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่อย่าง RS Pet All
เพื่อทำธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่ประกอบด้วยโรงงานผลิตอาหารสัตว์
รีเทลสัตว์เลี้ยง สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจเวลเนสสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย
- RS Connect
นับตั้งแต่ตัดสินใจซื้อธุรกิจขายตรง “ULife” มูลค่า 880 ล้านบาท
RS Group ก็ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ “ULife” ให้เข้ากับยุคสมัย โดยอิงถึงการสร้างประโยชน์
ให้ทั้งตัวแทน และลูกค้า นอกจากเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ก็จะเน้นช่องทางขายสินค้าออนไลน์-โซเชียลคอมเมิร์ซ
พร้อมกับเปิดระบบตัวแทนขายทางออนไลน์ และตั้ง R&D Creation Center
ที่มีพันธมิตรเป็นสถาบันวิจัยและ Supplier กว่า 100 แห่งทั่วโลก
โดยล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์ในธุรกิจขายตรง คือ โมเดลธุรกิจ “ปิ่นโต”
ให้ลูกค้าซื้อสินค้าแบบ Subscription ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ
เป็นการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภค เมื่อเวลานี้ ธุรกิจไหนที่สร้างความสะดวกถือเป็นแต้มต่อที่จะชนะใจผู้บริโภค อย่างโมเดล “ปิ่นโต” ก็คือการตอบโจทย์ลูกค้าที่รักความสบาย ใช้สินค้าคุณภาพของยูไลฟ์อยู่แล้ว ก็สามารถสั่งซื้อสินค้าสุขภาพตามรอบที่สะดวก และตามรายการสินค้าที่ใช้ เพื่อให้ยูไลฟ์ส่งสินค้าให้อัตโนมัติ
ส่วนอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจใหม่อย่าง “PROMPT” ก็จะเป็นธุรกิจขายสินค้าให้กับบริษัทอื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตรผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ประโยชน์ทั้งในแง่เพิ่มประเภทสินค้า และเพิ่มรายได้ใหม่ ๆ
ขณะที่อีกหนึ่งแบรนด์ในบริษัทก็คือ De Beste ที่เป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับชาวเอเชีย
ก็จะเน้นการทำตลาดออนไลน์ในโซเชียลมีเดียให้เข้มข้นกว่าในปีที่แล้ว
- R Alliance
เป็นธุรกิจเข้าซื้อกิจการ และเข้าร่วมทุน อย่างเช่น การเข้าซื้อหุ้น 35% มูลค่า 920 ล้านบาท ในบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด พร้อมกับช่วยผลักดันให้ เชฎฐ์ เอเชีย เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ
และพร้อมเสนอขายหุ้น IPO ในเร็ว ๆ นี้
จะเห็นว่า บริษัทที่ RS ตัดสินใจเข้าไปลงทุนจะเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง
และ RS ยังเป็นเสมือนเพื่อนร่วมทางธุรกิจที่ช่วยผลักดันให้บริษัทนั้นเติบโต
โดยในปี 2566 ตั้งเป้าให้ทุกบริษัทในเครือมีรายได้รวมกัน 5,500 ล้านบาท โดยรายได้แบ่งเป็น 2 ก้อนใหญ่ คือ ธุรกิจคอมเมิร์ช 3,100 ล้านบาท และธุรกิจบันเทิง 2,400 ล้านบาท
ถ้าถามว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า 5 บริษัทในเครือ RS Group จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้หรือไม่นั้น
คงไม่มีใครตอบได้ และเราคงต้องติดตามกันต่อไป
แต่.. ที่ตอบได้แน่ ๆ สิ่งที่ขับเคลื่อนให้ RS Group ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ จนเติบโตมาถึงวันนี้
คือ การเป็นนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ มองหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นอยู่ในตัว เฮียฮ้อ ทั้งหมด
อีกทั้งการปรับโครงสร้างครั้งนี้ เฮียฮ้อ ต้องการให้ทุกธุรกิจที่อยู่ในอาณาจักร RS Group
ในทุก ๆ สินค้าและบริการต้องอยู่ภายใต้การเป็น LIfe Enriching ที่ช่วยยกระดับทุกมิติการใช้ชีวิตของผู้บริโภค หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงให้มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย
โดยแนวคิดเหล่านี้จะผลักดันการสร้างอาณาจักร RS Group ให้มีมูลค่า 1 แสนล้านบาท
และน่าจะเป็น Passion ครั้งใหม่และและใหญ่ที่สุดของเฮียฮ้อ
ที่ต้องการไปให้ถึงเป้าหมายนี้..
References
-ข่าวประชาสัมพันธ์ RS Group
-บทสัมภาษณ์ เฮียฮ้อ โดย ลงทุนแมน (เหตุผลที่คาดไม่ถึงของ RS GROUP ในการเข้าสู่ธุรกิจบริหารหนี้ครบวงจร)

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon