กรณีศึกษา อินเดีย จากประเทศผู้นำเข้า สู่การเป็นผู้ส่งออกยารายใหญ่ของโลก
กรณีศึกษา อินเดีย จากประเทศผู้นำเข้า สู่การเป็นผู้ส่งออกยารายใหญ่ของโลก /โดย ลงทุนแมน
ในปี 2021 อินเดียเป็นประเทศที่ไทยนำเข้ายารักษาโรคมากที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท
แซงหน้าเยอรมนี ที่เป็นแหล่งนำเข้ายารักษาโรคอันดับ 1 ของไทยมาตั้งแต่ปี 2016
ในปี 2021 อินเดียเป็นประเทศที่ไทยนำเข้ายารักษาโรคมากที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท
แซงหน้าเยอรมนี ที่เป็นแหล่งนำเข้ายารักษาโรคอันดับ 1 ของไทยมาตั้งแต่ปี 2016
อินเดียส่งออกยาเป็นอันดับ 10 ของโลกในปี 2020 ด้วยมูลค่ากว่า 570,000 ล้านบาท
ซึ่งเป็นประเทศเดียวในผู้ส่งออก 10 อันดับแรก ที่ไม่ใช่ประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นประเทศเดียวในผู้ส่งออก 10 อันดับแรก ที่ไม่ใช่ประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาในอินเดีย มีมูลค่าตลาด 1,400,000 ล้านบาท
และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 4,100,000 ล้านบาท ในปี 2030 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า
และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 4,100,000 ล้านบาท ในปี 2030 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า
ที่มาที่ไปของอุตสาหกรรมยาในอินเดีย เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อย่างที่เรารู้กันว่า อุตสาหกรรมยาของโลก ถูกขับเคลื่อนด้วยประเทศชั้นนำในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อย่างที่เรารู้กันว่า อุตสาหกรรมยาของโลก ถูกขับเคลื่อนด้วยประเทศชั้นนำในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20
เห็นได้จากบริษัทยาที่มีมูลค่าสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก ล้วนแต่เป็นบริษัทยาจากสหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
บริษัทยาในประเทศเหล่านี้ ต่อยอดจากองค์ความรู้ที่มีมานาน ทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาหาสารตั้งต้นทางเคมี นำมาทำการทดลองในหลายระดับ ทั้งในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์
จนได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพียงพอที่จะนำมาวางจำหน่ายไปทั่วโลก
จนได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพียงพอที่จะนำมาวางจำหน่ายไปทั่วโลก
ยาเหล่านี้จะถูกเรียกว่า “ยาต้นตำรับ” หรือ ยาออริจินัล (Original Drug) ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีราคาต่อหน่วยสูงมาก เพื่อให้คุ้มค่ากับที่บริษัทยานั้น ๆ ได้ทุ่มงบประมาณวิจัยและทดลองอย่างมหาศาล
และเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลประโยชน์จากการขายยาจะมีมากพอกับเงินที่ทุ่มลงไป จึงมีสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิบัตรยา” เพื่อคุ้มครองยาเหล่านี้ ไม่ให้บริษัทอื่น ๆ นำสารสำคัญในยาไปผลิตยามาขายแข่ง ซึ่งตามปกติ สิทธิบัตรยาจะมีอายุคุ้มครองอยู่ที่ 20 ปี
จากวงจรดังกล่าว ทำให้ในช่วงแรกที่ยาถูกวางจำหน่าย จะมีราคาสูงมาก และในเมื่อยาคือหนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญของชีวิตมนุษย์ คงมีแต่ผู้คนในประเทศร่ำรวย หรือคนที่มีกำลังซื้อเท่านั้น ที่จะมีโอกาสใช้ยาเหล่านี้
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อสิทธิบัตรยาหมดอายุลงแล้ว บริษัทไหน ๆ ก็สามารถนำโครงสร้างของยาออริจินัลมาผลิตยาแข่งได้
โดยที่ยาเหล่านั้น จะถูกเรียกว่า “ยาสามัญ” หรือ ยาเจเนอริก (Generic Drug) ซึ่งจะมีราคาถูกลงอย่างมาก
อินเดีย เป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้ายาหลักตั้งแต่ได้รับเอกราช และยาส่วนใหญ่เป็นยาต้นตำรับ ที่ยังคงมีราคาสูงมาก ทำให้อินเดียประสบปัญหาขาดดุลอย่างหนัก เพราะมีประชากรมาก และประชากรส่วนใหญ่มีฐานะยากจน
รัฐบาลอินเดียจึงได้จัดตั้ง Indian Drugs and Pharmaceuticals Limited บริษัทรัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าที่ผลิตยา รวมถึงวิจัยและพัฒนา เพื่อให้มียาเพียงพอกับการใช้ในประเทศตั้งแต่ปี 1961
โดยมีสำนักงานอยู่ 4 แห่ง หนึ่งในนั้นคือเมืองไฮเดอราบาด รัฐเตลังคานา
ทางตอนกลางของประเทศ เพื่อวางรากฐานให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการผลิตยาในอนาคต
ทางตอนกลางของประเทศ เพื่อวางรากฐานให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการผลิตยาในอนาคต
ในช่วงทศวรรษ 1970s อินเดียตัดสินใจเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจให้เป็นลักษณะปิด เน้นการผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้า ยกเลิกกฎหมายคุ้มครองสิทธิบัตรยา
ซึ่งทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลงอย่างมาก แต่ก็ทำให้บริษัทยาของอินเดีย สามารถนำยาต้นตำรับมาผลิตและวางจำหน่ายในประเทศได้ และเปลี่ยนบทบาทให้กลายเป็นแหล่งผลิตยาที่สำคัญของโลก
ซึ่งต่อมา เมื่ออินเดียเปิดประเทศเข้าสู่ตลาดเสรี และเข้าร่วมองค์การการค้าโลก ในปี 1995 อินเดียจึงจำเป็นต้องประกาศกฎหมายคุ้มครองสิทธิบัตรยาอีกครั้ง เพื่อเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการผลิตยาของอินเดียที่ได้ถูกวางรากฐานมา ก็ได้สร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญ รวมถึงระบบการผลิตที่แข็งแกร่ง
ในปี 1999 รัฐบาลได้จัดตั้งเขต Genome Valley ในเมืองไฮเดอราบาด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยา ไบโอเทคโนโลยี วัคซีน และอุปกรณ์การแพทย์
โดยมีพื้นที่กว่า 600 ตารางกิโลเมตร ดึงดูดบริษัทยาชั้นนำทั้งของต่างประเทศและของอินเดียเอง
ด้วยความที่อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีตลาดขนาดใหญ่ในประเทศรองรับ อีกทั้งยังมีระบบการผลิตที่แข็งแกร่ง มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยาจำนวนมาก และมีค่าแรงถูกกว่าประเทศตะวันตกมาก
ทำให้มีบริษัทยาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา ต่างเข้าไปตั้งฐานการผลิตเพื่อลดต้นทุน
อินเดียจึงได้กลายเป็นฐานการผลิตยา ของบริษัทยาอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด นอกประเทศสหรัฐอเมริกา
และค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกยาในที่สุด
อินเดียจึงได้กลายเป็นฐานการผลิตยา ของบริษัทยาอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด นอกประเทศสหรัฐอเมริกา
และค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกยาในที่สุด
โดยมีเมืองศูนย์กลางการผลิตยาคือไฮเดอราบาด ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทยาต่างประเทศ รวมถึงบริษัทยาชั้นนำของอินเดียหลายแห่ง
ทั้ง Bharat Biotech บริษัทผลิตวัคซีน COVAXIN วัคซีนต้านโควิด 19 ที่ใช้ในประเทศอินเดียและประเทศหลายแห่งในเอเชียใต้
Divis Laboratories บริษัทยาที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 2 ของอินเดีย
และ Dr. Reddy's Laboratories บริษัทยาที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 4 ของอินเดีย
และ Dr. Reddy's Laboratories บริษัทยาที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 4 ของอินเดีย
ถึงแม้ยาที่ผลิตส่วนใหญ่ในอินเดีย ยังคงเป็นยาสามัญ แต่บริษัทของอินเดียก็มีความพยายามอย่างมาก ในการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สามารถคิดค้นยาต้นตำรับได้
มีการจัดตั้ง สถาบันการศึกษาและวิจัยเภสัชกรรมแห่งชาติ
NIPER แห่งเมืองไฮเดอราบาด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการวิจัยและพัฒนา
ซึ่งก็มีบริษัทยาหลายแห่ง ให้งบประมาณสนับสนุน และมีหลายบริษัทสัญชาติอินเดีย ที่เริ่มมีการค้นพบสารสำคัญ ซึ่งจะต่อยอดไปเป็นยาต้นตำรับหลายชนิดแล้ว
NIPER แห่งเมืองไฮเดอราบาด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการวิจัยและพัฒนา
ซึ่งก็มีบริษัทยาหลายแห่ง ให้งบประมาณสนับสนุน และมีหลายบริษัทสัญชาติอินเดีย ที่เริ่มมีการค้นพบสารสำคัญ ซึ่งจะต่อยอดไปเป็นยาต้นตำรับหลายชนิดแล้ว
อินเดียเป็นประเทศเดียวในทวีปเอเชียที่ติด Top 10 ประเทศที่ส่งออกยามากที่สุดในโลก
และเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียว ที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมยา จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
และเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียว ที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมยา จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
ในอนาคตที่สังคมผู้สูงอายุกำลังเติบโต
อุตสาหกรรมยาก็จะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจอินเดียเติบโตต่อไป..
อุตสาหกรรมยาก็จะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจอินเดียเติบโตต่อไป..
หันกลับมามองที่ประเทศไทย
ประเทศไทย เรียกได้ว่าส่งออกยารักษาโรคได้น้อยมาก
ในขณะที่เรา ต้องนำเข้ายารักษาโรคกว่า 80,000 ล้านบาทในแต่ละปี
และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากคำนึงถึงจำนวนผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก
ประเทศไทย เรียกได้ว่าส่งออกยารักษาโรคได้น้อยมาก
ในขณะที่เรา ต้องนำเข้ายารักษาโรคกว่า 80,000 ล้านบาทในแต่ละปี
และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากคำนึงถึงจำนวนผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก
อุตสาหกรรมยาจึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรม ที่สมควรได้รับการสนับสนุนในประเทศไทย
ไม่ว่าจะเพื่อการเติบโต และความยั่งยืนทั้งในแง่เศรษฐกิจ
และเพื่อความมั่นคงในฐานะที่ยาเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของมนุษย์ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5488177/
-https://tradereport.moc.go.th/Report/Default_Struc.aspx?Report=MenucomTopNRecode&Option=4&Lang=Th&ImExType=0
-https://www.investindia.gov.in/sector/pharmaceuticals
ไม่ว่าจะเพื่อการเติบโต และความยั่งยืนทั้งในแง่เศรษฐกิจ
และเพื่อความมั่นคงในฐานะที่ยาเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของมนุษย์ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5488177/
-https://tradereport.moc.go.th/Report/Default_Struc.aspx?Report=MenucomTopNRecode&Option=4&Lang=Th&ImExType=0
-https://www.investindia.gov.in/sector/pharmaceuticals