กรณีศึกษา ความสำเร็จ BMW X Series
กรณีศึกษา ความสำเร็จ BMW X Series / โดย ลงทุนแมน
เราคงเคยเห็นรถตระกูล X ของค่าย BMW บนท้องถนน
แต่รู้ไหมว่า ต้นกำเนิดของรถรุ่นนี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ
ในหลายครั้งโอกาสมักจะซ่อนอยู่ในจุดที่คนอื่นมองไม่เห็น
แต่ถ้าตัวเราเองมีมุมมองที่ตั้งใจ
ก็จะทำให้สำเร็จได้เหมือนเรื่องนี้
กรณีศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
แต่รู้ไหมว่า ต้นกำเนิดของรถรุ่นนี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ
ในหลายครั้งโอกาสมักจะซ่อนอยู่ในจุดที่คนอื่นมองไม่เห็น
แต่ถ้าตัวเราเองมีมุมมองที่ตั้งใจ
ก็จะทำให้สำเร็จได้เหมือนเรื่องนี้
กรณีศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รถ BMW X เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1999 หรือเมื่อ 19 ปีที่แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้เกือบ 100 ปี ไม่เคยมีใครคิดถึงรถในรูปแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น BMW เอง หรือแบรนด์ไหนก็ตาม
แล้วจุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหน?
ย้อนกลับไปเมื่อ 24 ปีก่อน BMW ต้องการที่จะขยายตลาด ประเภทรถยนต์ รวมไปถึงฐานการผลิตในต่างประเทศ
จึงตัดสินใจไปซื้อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษเจ้าใหญ่ที่กำลังมีปัญหาด้านการเงินอย่าง Rover มาจาก British Aerospace ในปี 1994 ในราคา 800 ล้านปอนด์
ในตอนนั้น Rover มีกำลังการผลิตรถยนต์ 700,000 คันต่อปี ซึ่งมากกว่าของ BMW ที่ 500,000 คันเสียอีก
ดูแล้วการซื้อในครั้งนี้ ก็น่าจะช่วยติดปีกให้กับทาง BMW ทั้งในด้านกำลังการผลิต จำนวนแบรนด์ ฐานลูกค้าและตลาดในต่างประเทศ
แต่เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น..
ดีลมูลค่า 800 ล้านปอนด์นี้ มีข้อผิดพลาดหลายอย่าง
หลายคนมองว่า BMW ในตอนนั้น เร่งรีบที่จะซื้อ Rover ที่กำลังต้องการเงินทุนมากเกินไป
Rover เคยเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกมาก่อน
แต่ในเวลานั้น ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 20 แล้ว
BMW ต้องอัดฉีดเงินอีกเป็นพันล้านปอนด์ให้กับ Rover ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง
นอกจากนี้ ถึงจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์เหมือนกัน แต่ก็ย่อมมีแนวทางหรืออะไรหลายๆ อย่างที่ต่างกัน การจะทำงานร่วมกันย่อมต้องเกิดปัญหาไม่มากก็น้อย
เช่น แนวทางในการผลิตรถของ BMW อาจไม่เหมือนกับของทาง Rover
หรือวิศวกรของทั้ง 2 บริษัทที่อาจเข้ากันไม่ได้
และเมื่อรวมเข้ากับเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรในช่วงเวลานั้น
นอกจากที่ Rover จะไม่สามารถช่วยให้ BMW เติบโตไปได้อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ยังกลับกลายเป็นธุรกิจที่มาฉุดให้บริษัทแม่ลำบากไปด้วยกัน
สุดท้าย BMW จึงตัดสินใจขายธุรกิจ Rover ส่วนใหญ่ออกไปหลังจากที่ซื้อมาได้ 6 ปี..
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในครั้งนี้
..กลับถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของ BMW..
เพราะถึงแม้ว่าบริษัทจะแยกขายธุรกิจของ Rover ส่วนใหญ่ออกไปในปี 2000
แต่สิ่งที่ BMW ได้รับมาตั้งแต่ต้น คือ ข้อมูลและ know-how ในการผลิตรถยนต์ประเภท SUV จาก Rover
ซึ่งช่วงก่อนที่จะขาย Rover ออกไป BMW ก็ได้เริ่มพัฒนารถ SUV เป็นของตัวเองไปด้วย
โดยเริ่มจากข้อสังเกตที่ว่า รถ SUV ของ Rover อาจยังตอบโจทย์ได้ไม่ทั้งหมด เพราะในตอนนั้น คนส่วนใหญ่จะมองว่ารถ SUV เป็นเหมือนญาติกับรถจี๊ป คือรถที่เน้นเอาไว้ขับลุยๆ ขนของได้ แต่จะขาดความนั่งสบายเหมือนรถเก๋งไป
ทั้งๆ ที่หลายคนที่ซื้อรถ SUV ไป สุดท้ายก็เอาไปใช้ขับบนถนนในเมืองเหมือนกับรถเก๋งกันอยู่ดี
จึงได้นำโจทย์นี้มาต่อยอดพัฒนารถของตัวเอง โดยหยิบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจากรถ Land Rover มาปรับให้เหมาะกับการขับบนถนนทั่วไป
ด้วยความคิดที่แหวกจากตลาดของ BMW ก็ได้กลายเป็นต้นกำเนิดของ BMW X5 ที่ทาง BMW เรียกว่าเป็น “Sport Activity Vehicle” หรือรถ SAV
พูดง่ายๆ ก็คือรถ SUV ที่ใช้โครงสร้างแบบรถเก๋ง ทำให้มีความนุ่มและเกาะถนนได้ดีกว่ารถ SUV ทั่วไปที่ใช้โครงสร้างของรถกระบะ
ซึ่งก็กลายเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมจากตลาด อาจเพราะสามารถตอบสนองความต้องการของคนที่ชอบรถอเนกประสงค์ แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการขับรถบนถนนในเมือง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อาจเรียกได้ว่ารถตระกูล X ของ BMW ก็เปลี่ยนโลกของการผลิตรถ SUV เป็นเหมือนกับรถต้นแบบที่แบรนด์อื่นๆ ต้องพัฒนาตามมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันรถตระกูล X มีเพิ่มขึ้นมาเป็นทั้งหมด 6 รุ่น คือ ตั้งแต่ X1 ไปจนถึง X6 และยังมี X7 ที่กำลังจะเปิดตัว
โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในตระกูล X คือรุ่น X1 ขายได้ 286,743 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30%
ซึ่งขายดีที่สุดรองจากรุ่น ซีรีส์ 3 และ ซีรีส์ 5
BMW ขายรถได้ทั้งหมด 2,088,283 คัน ในปี 2017
เป็นรถในตระกูล X รวมกันมากถึง 706,741 คัน หรือคิดเป็น 33.84% ของยอดขายทั้งหมด
เท่ากับว่า ทุกๆ รถ BMW จำนวน 3 คันที่วิ่งอยู่บนถนนทุกวันนี้ จะเป็นรถ BMW X Series อย่างน้อย 1 คัน
จากดีลที่แม้แต่ BMW เองยังมองว่าเป็นการเดินหมากที่ผิดพลาด ได้กลายมาเป็นหนึ่งในความสำเร็จของบริษัท
เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เพราะถ้า BMW เลือกที่จะปล่อยผ่าน โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย ก็คงไม่เกิดเป็นรถ X Series ขึ้นมา
เรื่องนี้อาจทำให้เราคิดได้ว่า
เราคงจะเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ให้ลืมเรื่องแย่ๆ แล้วก้าวต่อไป
เราคงจะเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ให้ลืมเรื่องแย่ๆ แล้วก้าวต่อไป
แต่บางครั้ง เราอาจไม่จำเป็นต้องลืมทุกอย่าง
ลองพยายามมองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่
เพราะในความผิดพลาด ก็อาจมีบางสิ่งที่เรานำมาใช้ เพื่อพัฒนาต่อไปได้..
----------------------
ถึงพี่จะไม่มีรถหรู แต่ถ้าลองดูแล้วจะติดใจ โหลดแอปเวอร์ชั่นใหม่ได้แล้ววันนี้ แอปพลิเคชันลงทุนแมน V2.5 ที่ blockdit.com/app ฟรีทั้ง iOS และ android
----------------------
ถึงพี่จะไม่มีรถหรู แต่ถ้าลองดูแล้วจะติดใจ โหลดแอปเวอร์ชั่นใหม่ได้แล้ววันนี้ แอปพลิเคชันลงทุนแมน V2.5 ที่ blockdit.com/app ฟรีทั้ง iOS และ android
แอปพลิเคชัน blockdit ไม่ได้มีแต่เรื่องลงทุน เรื่องทั่วไปก็มีนะ
----------------------
----------------------
Reference
-https://www.theguardian.com/business/2000/mar/26/rover.observerbusiness
-https://www.nytimes.com/1999/10/20/automobiles/with-rover-bmw-got-more-and-less-than-it-asked-for.html
-http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/february/1/newsid_2523000/2523129.stm
-https://www.bmw.co.th/en/all-models.html
-BMW Annual Report 2017
-BMW Press Release 2012
[8870].
-https://www.theguardian.com/business/2000/mar/26/rover.observerbusiness
-https://www.nytimes.com/1999/10/20/automobiles/with-rover-bmw-got-more-and-less-than-it-asked-for.html
-http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/february/1/newsid_2523000/2523129.stm
-https://www.bmw.co.th/en/all-models.html
-BMW Annual Report 2017
-BMW Press Release 2012
[8870].