La Marzocco เครื่องชงกาแฟ เครื่องละ 400,000 บาท ที่ Starbucks เคยใช้

La Marzocco เครื่องชงกาแฟ เครื่องละ 400,000 บาท ที่ Starbucks เคยใช้

La Marzocco เครื่องชงกาแฟ เครื่องละ 400,000 บาท ที่ Starbucks เคยใช้ /โดย ลงทุนแมน
ใครที่ชอบไปคาเฟ และเข้าร้านกาแฟ หากสังเกตที่เครื่องชงกาแฟดี ๆ
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นแบรนด์ La Marzocco ผ่านตากันมาบ้าง
รู้หรือไม่ว่า ? เครื่องชงกาแฟแบรนด์นี้ มีราคาสูงถึง 400,000 บาท หรือบางรุ่นอาจมีราคาสูงถึง 1,000,000 บาทเลยทีเดียว
และหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ความจริงแล้ว เครื่องชงกาแฟแบรนด์ La Marzocco เคยเป็นเครื่องชงกาแฟที่เชนร้านกาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks เลือกใช้มาแล้วด้วย
ทำไมเครื่องชงกาแฟ La Marzocco ถึงสามารถขายแพงได้ถึงหลักล้านบาท ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องราวของ La Marzocco เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1927 หรือเมื่อ 97 ปีก่อน ที่เมือง Florence ประเทศอิตาลี
โดยคุณ Giuseppe Bambi และคุณ Bruno Bambi
ในตอนนั้นเป็นช่วงที่เครื่องชงกาแฟแบบกดช็อตเอสเปรสโซกำลังเริ่มได้รับความนิยม หลังจากที่เครื่องชงกาแฟเครื่องแรก เริ่มถูกนำมาใช้เชิงการค้าในปี 1905
โดยคำว่า Marzocco ถูกตั้งตามชื่อของรูปปั้นสิงโตที่ตั้งอยู่ในจัตุรัส Piazza della Signoria ของเมือง Florence
ชื่อเสียงของเครื่องชงกาแฟ La Marzocco เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในอิตาลีเมื่อปี 1939
จากการที่ในตอนนั้น La Marzocco เป็นแบรนด์แรกที่สามารถผลิตเครื่องชงกาแฟ ที่มีหม้อต้มวางในแนวนอนได้ ซึ่งโครงสร้างนี้ กลายมาเป็นสแตนดาร์ดของเครื่องชงกาแฟในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น La Marzocco ยังคงเป็นที่รู้จักกันแค่ในประเทศอิตาลี
แต่หลังจากที่บริษัทได้พัฒนาเครื่องชงกาแฟ มาอย่างต่อเนื่อง
ในปี 1990 ชื่อของ La Marzocco ก็ได้ไปเตะตาเชนร้านกาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks เข้า
ซึ่งในตอนนั้น Starbucks กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟ ที่มีคุณภาพและความคงทนสูงอยู่พอดี
นับจากวันนั้นเครื่องชงกาแฟ La Marzocco ก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องชงกาแฟในร้าน Starbucks
จุดนี้เองที่ทำให้ทั่วทั้งโลก เริ่มรู้จักเครื่องชงกาแฟแบรนด์ La Marzocco
และก็เป็นจุดกำเนิดเครื่องชงกาแฟรุ่น Linea Classic ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดของเครื่องชงกาแฟ La Marzocco ที่จำเป็นต้องใช้บาริสตาที่มีสกิลสูง บวกกับกำลังการผลิตที่ไม่มากพอ ต่อความต้องการของ Starbucks ที่กำลังเร่งขยายสาขาในตอนนั้น
ทำให้ในปี 2005 Starbucks ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องชงกาแฟของ Mastrena แทน ซึ่งแบรนด์นี้เก่งเรื่องทำเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสุดอัจฉริยะ ที่กดเพียงแค่ปุ่มเดียวก็สามารถเสกช็อตเอสเปรสโซได้เหมือนเดิมทุกครั้ง
แม้ปัจจุบัน La Marzocco จะไม่ได้ตั้งอยู่ในร้าน Starbucks แล้ว แต่แบรนด์ได้กลายมาเป็นเหมือน เครื่องชงกาแฟสแตนดาร์ด ระดับไฮเอนด์ ที่บาริสตาและร้านกาแฟทั่วโลก ให้การยอมรับกันทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว
ยกตัวอย่างรุ่นยอดนิยม อย่างรุ่น Linea Classic ที่เคยใช้ในร้าน Starbucks
โดยเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ มีราคาอยู่ราว ๆ 350,000 บาท ถึง 460,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด และโมเดลของแต่ละเครื่อง
แล้วอะไรที่ทำให้เครื่องชงกาแฟของ La Marzocco กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ?
1. คุณภาพ ความคงทน
เครื่องชงกาแฟแบรนด์ La Marzocco เป็นเครื่องที่ขึ้นชื่อเรื่องวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งส่งผลไปถึงคุณภาพ และความคงทน
นอกจากนี้ เครื่องชงกาแฟแบรนด์ La Marzocco ทุกเครื่อง จะถูกประกอบขึ้นที่เมือง Florence ประเทศอิตาลี โดยช่างที่มีความชำนาญ และความประณีต
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่เรื่องคุณภาพการใช้งาน แต่ยังส่งผลไปถึงในเรื่องดิไซน์ภายนอกที่มีความสวยงามไปในตัวด้วย
2. บริการหลังการขาย
โดยทางบริษัท จะเลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องชงกาแฟ
ยกตัวอย่างเช่นในไทย ก็จะมีผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจกาแฟมาอย่างยาวนาน เช่น BONCAFÉ, BLUEKOFF
ทั้ง 2 บริษัทนี้ เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในวงการกาแฟไม่ต่ำกว่า 20 ปี
คุณภาพ ดิไซน์ บริการหลังการขายที่ดี จากการที่แบรนด์ La Marzocco ให้ความสำคัญกับเรื่องทั้งหมดนี้ มาอย่างสม่ำเสมอตลอด 97 ปี ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “แบรนด์” ขึ้นมา
และคำว่าแบรนด์นี่เอง ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เครื่องชงกาแฟแบรนด์ La Marzocco สามารถขายได้ราคาสูงถึง หลักล้านบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าแบรนด์ La Marzocco นับเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ที่หรูที่สุด ในกลุ่มแบรนด์เครื่องชงกาแฟทั้งหมดเลยหรือไม่ ?
คำตอบคือ ไม่
ความจริงแล้วยังมีเครื่องชงกาแฟอีกหลายแบรนด์ ที่จัดว่ามีความหรูกว่า La Marzocco
แล้ว La Marzocco ขายดีแค่ไหน ?
ในปี 2023 ที่ผ่านมา La Marzocco มียอดขายอยู่ที่ 8,600 ล้านบาท
มีกำไร EBITDA หรือ กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนหักค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ย และภาษี อยู่ที่ 2,038 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา บริษัท De'Longhi บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ในบ้าน และเครื่องชงกาแฟ สัญชาติอิตาลี ได้ประกาศทำการเข้าซื้อหุ้น 41.2% ของบริษัท La Marzocco ด้วยเงินมูลค่า 12,700 ล้านบาท
จากตัวเลขนี้ นั่นเท่ากับว่าทางบริษัท De'Longhi ได้ประเมินมูลค่าของบริษัท La Marzocco ทั้งบริษัทไว้ที่ ประมาณ 30,800 ล้านบาท เลยทีเดียว
ถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่า บริษัทที่มีมูลค่า 30,000 ล้านบาท มันใหญ่มากแค่ไหน
คำตอบคือ มูลค่าใกล้เคียงกับบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ในไทยอย่าง แสนสิริ นั่นเอง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://intelligence.coffee/2024/01/espresso-machine-market
-https://en.wikipedia.org/wiki/Espresso_machine
-https://lamarzocco.com/it/en/about-us/history/
-https://lamarzoccousa.com/about-us/company/#:~:text=Today%2C%20La%20Marzocco%20has%20branch,is%20still%20handmade%20in%20Florence

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon