ถึงเวลาสนับสนุนธุรกิจไทยให้ยั่งยืน ด้วย “ThaiESG”
ThaiESG x ลงทุนแมน
อากาศร้อนขึ้น 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส แม้จะดูไม่ต่างกันเท่าไร
แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้านั่นคือค่าความร้อนของโลกเราที่เพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส จะต่างจาก 1.5 องศาเซลเซียส อย่างมหาศาล
- ความเสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มขึ้น 170%
- คนเมือง 410 ล้านคน จะเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนักในปี 2100
- ปะการังทั่วโลกจะหมดไปในปี 2100
ผลลัพธ์ที่รุนแรงนี้ ทำให้คนทั่วโลกต่างหันกลับมารักษ์โลกมากขึ้นในมุมต่าง ๆ เท่าที่จะทำได้
อย่างเป้าหมาย Net Zero ของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเดียวกับไทย เช่น สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม กำหนดเป้าหมายภายในปี 2050
ส่วนประเทศไทยกำหนดเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065
ซึ่งความล่าช้าในการไปสู่เป้าหมาย ก็อาจจะลดความโดดเด่นของไทยบนเวทีโลก และอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน หากธุรกิจไทยปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
เรื่องนี้จึงกลายเป็น Global Standard ครั้งใหญ่
ที่สำคัญ การจะบรรลุเป้าหมายได้นั้น ต้องมาจากความร่วมมือของคนทั้งโลก
คำถามคือ ผู้ลงทุนไทยจะช่วยเหลือเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าพูดถึงเรื่องความยั่งยืน หรือ Sustainability
ปัจจัยที่จะทำให้องค์กรนั้น ๆ เกิดความยั่งยืนขึ้นมาได้ ก็มักจะนึกถึง ESG
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ
- Environment คือ สิ่งแวดล้อม สะท้อนผ่านการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด
- Social คือ สังคม สะท้อนผ่านความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กร พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- Governance คือ ธรรมาภิบาล สะท้อนผ่านความโปร่งใสในการดำเนินกิจการ การไม่คอร์รัปชัน และตรวจสอบได้
รู้หรือไม่ ? ตอนนี้หลายประเทศในเอเชีย กำลังปรับปรุงแนวทาง ESG กันมากขึ้น ทั้งด้านกฎหมายบังคับใช้, การตั้งเป้า Net Zero, การลงทุนพลังงานหมุนเวียน
โดย 5 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการใช้นโยบาย ESG ในเอเชียแปซิฟิก กำลังเพิ่มขึ้น 2 เท่า หรือคิดเป็น 20% ของนโยบาย ESG ทั่วโลก
อากาศร้อนขึ้น 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส แม้จะดูไม่ต่างกันเท่าไร
แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้านั่นคือค่าความร้อนของโลกเราที่เพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส จะต่างจาก 1.5 องศาเซลเซียส อย่างมหาศาล
- ความเสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มขึ้น 170%
- คนเมือง 410 ล้านคน จะเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนักในปี 2100
- ปะการังทั่วโลกจะหมดไปในปี 2100
ผลลัพธ์ที่รุนแรงนี้ ทำให้คนทั่วโลกต่างหันกลับมารักษ์โลกมากขึ้นในมุมต่าง ๆ เท่าที่จะทำได้
อย่างเป้าหมาย Net Zero ของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเดียวกับไทย เช่น สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม กำหนดเป้าหมายภายในปี 2050
ส่วนประเทศไทยกำหนดเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065
ซึ่งความล่าช้าในการไปสู่เป้าหมาย ก็อาจจะลดความโดดเด่นของไทยบนเวทีโลก และอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน หากธุรกิจไทยปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
เรื่องนี้จึงกลายเป็น Global Standard ครั้งใหญ่
ที่สำคัญ การจะบรรลุเป้าหมายได้นั้น ต้องมาจากความร่วมมือของคนทั้งโลก
คำถามคือ ผู้ลงทุนไทยจะช่วยเหลือเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าพูดถึงเรื่องความยั่งยืน หรือ Sustainability
ปัจจัยที่จะทำให้องค์กรนั้น ๆ เกิดความยั่งยืนขึ้นมาได้ ก็มักจะนึกถึง ESG
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ
- Environment คือ สิ่งแวดล้อม สะท้อนผ่านการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด
- Social คือ สังคม สะท้อนผ่านความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กร พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- Governance คือ ธรรมาภิบาล สะท้อนผ่านความโปร่งใสในการดำเนินกิจการ การไม่คอร์รัปชัน และตรวจสอบได้
รู้หรือไม่ ? ตอนนี้หลายประเทศในเอเชีย กำลังปรับปรุงแนวทาง ESG กันมากขึ้น ทั้งด้านกฎหมายบังคับใช้, การตั้งเป้า Net Zero, การลงทุนพลังงานหมุนเวียน
โดย 5 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการใช้นโยบาย ESG ในเอเชียแปซิฟิก กำลังเพิ่มขึ้น 2 เท่า หรือคิดเป็น 20% ของนโยบาย ESG ทั่วโลก
ตัวอย่างเช่น การจัดทำนโยบาย Taxonomy หรือมาตรฐานกลางที่ใช้อ้างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น จีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยเอง..
จริง ๆ แล้วเราก็มี Thailand Taxonomy ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2023
ล่าสุดอยู่ระหว่างจัดทำ Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 โดยขยายให้ครอบคลุม 4 ภาคเศรษฐกิจสำคัญและมิติของวัตถุประสงค์ทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ภาคเกษตร, ภาคอาคารและอสังหาริมทรัพย์, ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคการจัดการของเสีย
ทีนี้ เมื่อกฎกติกาโลกกำลังเปลี่ยนไป
ภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงต้องปรับตัวตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็น เจ้าของธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
แต่ถ้าใครอยู่ในฐานะผู้ลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ผ่านตลาดทุนไทย ก็คงเลี่ยงได้ยากเช่นกัน
แล้วผู้ลงทุนไทย จะสนับสนุนธุรกิจในเรื่องนี้ ได้อย่างไร ?
โชคดีที่ตลาดทุนไทยมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึง “ธุรกิจยั่งยืน” ได้ง่ายมากขึ้น
ที่เริ่มมาตั้งแต่ 7-8 ปีก่อนแล้ว ก็เช่น กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย ที่เน้นมิติ “G” ธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันโดยเฉพาะ
สำหรับประเทศไทยเอง..
จริง ๆ แล้วเราก็มี Thailand Taxonomy ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2023
ล่าสุดอยู่ระหว่างจัดทำ Thailand Taxonomy ระยะที่ 2 โดยขยายให้ครอบคลุม 4 ภาคเศรษฐกิจสำคัญและมิติของวัตถุประสงค์ทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ภาคเกษตร, ภาคอาคารและอสังหาริมทรัพย์, ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคการจัดการของเสีย
ทีนี้ เมื่อกฎกติกาโลกกำลังเปลี่ยนไป
ภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงต้องปรับตัวตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็น เจ้าของธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
แต่ถ้าใครอยู่ในฐานะผู้ลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ผ่านตลาดทุนไทย ก็คงเลี่ยงได้ยากเช่นกัน
แล้วผู้ลงทุนไทย จะสนับสนุนธุรกิจในเรื่องนี้ ได้อย่างไร ?
โชคดีที่ตลาดทุนไทยมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึง “ธุรกิจยั่งยืน” ได้ง่ายมากขึ้น
ที่เริ่มมาตั้งแต่ 7-8 ปีก่อนแล้ว ก็เช่น กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย ที่เน้นมิติ “G” ธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันโดยเฉพาะ
ที่สำคัญ ยังนำเงินส่วนหนึ่งของค่าบริหารจัดการกองทุน ไปสนับสนุนกิจกรรม หรือโครงการเพื่อธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริต เพื่อแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันได้อย่างยั่งยืน
ล่าสุดคือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ ThaiESG) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ได้ครอบคลุมทุกมิติของ ESG
อธิบายง่าย ๆ กองทุน ThaiESG มีนโยบายเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่ใส่ใจด้านความยั่งยืน เช่น
- หุ้นไทยที่มีเรทติ้งโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือความยั่งยืน หรือที่เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือที่มีเรทติ้งโดดเด่นด้านธรรมาภิบาล
- ตราสารหนี้ หรือพันธบัตรไทยที่ใส่ใจความยั่งยืน
เรียกได้ว่า ThaiESG ได้คัดเลือกธุรกิจที่มีแนวทางไปสู่ความยั่งยืนในมุมต่าง ๆ มาเรียบร้อยแล้ว
ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น นอกจากผู้ลงทุนไทยจะสามารถสนับสนุนเรื่อง ESG ในประเทศไทยผ่าน ThaiESG ได้แล้ว ตัวผู้ลงทุนไทยเอง ยังได้รับประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
รู้หรือไม่ว่า ล่าสุด ThaiESG ได้ Update เงื่อนไขใหม่ !
สำหรับผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2024 - 31 ธันวาคม 2026
- ขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้เป็น 300,000 บาทต่อคนต่อปี (ไม่รวมวงเงินกลุ่มเกษียณที่รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท)
- ลดระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุนเหลือ 5 ปี นับจากวันลงทุน (วันชนวัน)
ซึ่งการลงทุน ThaiESG จะไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขการซื้อต่อเนื่องอีกด้วย
เรียกได้ว่า ThaiESG เป็นอีกทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน ไปพร้อม ๆ กับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจ “ThaiESG ลงทุนยั่งยืน พร้อมคืนภาษี” โฉมใหม่ ดีต่อใจ ได้สองต่อ (ถือครอง 5 ปี, ลดหย่อนภาษี 300,000 บาท*)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandesg.com
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
#ลงทุนแมน #ThaiESG #ลงทุนยั่งยืน #คืนภาษี
References
-https://www.bot.or.th/th/research-and-publications/articles-and-publications/bot-magazine/256601135GlobalTrend_ESG.html
-https://www.bot.or.th/th/financial-innovation/sustainable-finance/green/Thailand-Taxonomy/public-hearing-thailand-taxonomy-phase2.html
-https://thailandesg.com/
-https://www.bot.or.th/th/financial-innovation/sustainable-finance/green/Thailand-Taxonomy.html
ล่าสุดคือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ ThaiESG) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ได้ครอบคลุมทุกมิติของ ESG
อธิบายง่าย ๆ กองทุน ThaiESG มีนโยบายเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่ใส่ใจด้านความยั่งยืน เช่น
- หุ้นไทยที่มีเรทติ้งโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือความยั่งยืน หรือที่เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือที่มีเรทติ้งโดดเด่นด้านธรรมาภิบาล
- ตราสารหนี้ หรือพันธบัตรไทยที่ใส่ใจความยั่งยืน
เรียกได้ว่า ThaiESG ได้คัดเลือกธุรกิจที่มีแนวทางไปสู่ความยั่งยืนในมุมต่าง ๆ มาเรียบร้อยแล้ว
ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น นอกจากผู้ลงทุนไทยจะสามารถสนับสนุนเรื่อง ESG ในประเทศไทยผ่าน ThaiESG ได้แล้ว ตัวผู้ลงทุนไทยเอง ยังได้รับประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
รู้หรือไม่ว่า ล่าสุด ThaiESG ได้ Update เงื่อนไขใหม่ !
สำหรับผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2024 - 31 ธันวาคม 2026
- ขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้เป็น 300,000 บาทต่อคนต่อปี (ไม่รวมวงเงินกลุ่มเกษียณที่รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท)
- ลดระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุนเหลือ 5 ปี นับจากวันลงทุน (วันชนวัน)
ซึ่งการลงทุน ThaiESG จะไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขการซื้อต่อเนื่องอีกด้วย
เรียกได้ว่า ThaiESG เป็นอีกทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน ไปพร้อม ๆ กับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจ “ThaiESG ลงทุนยั่งยืน พร้อมคืนภาษี” โฉมใหม่ ดีต่อใจ ได้สองต่อ (ถือครอง 5 ปี, ลดหย่อนภาษี 300,000 บาท*)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandesg.com
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
#ลงทุนแมน #ThaiESG #ลงทุนยั่งยืน #คืนภาษี
References
-https://www.bot.or.th/th/research-and-publications/articles-and-publications/bot-magazine/256601135GlobalTrend_ESG.html
-https://www.bot.or.th/th/financial-innovation/sustainable-finance/green/Thailand-Taxonomy/public-hearing-thailand-taxonomy-phase2.html
-https://thailandesg.com/
-https://www.bot.or.th/th/financial-innovation/sustainable-finance/green/Thailand-Taxonomy.html
Tag: ThaiESG