ขยายธุรกิจสู่ ASEAN มั่นใจทุกย่างก้าว ด้วย Krungsri ASEAN LINK พาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญรู้รอบด้าน

ขยายธุรกิจสู่ ASEAN มั่นใจทุกย่างก้าว ด้วย Krungsri ASEAN LINK พาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญรู้รอบด้าน

Krungsri x ลงทุนแมน
ภูมิภาคอาเซียนกำลังก้าวขึ้นเป็นดาวรุ่งทางเศรษฐกิจของโลก
ในปี 2023 คาดการณ์ว่า GDP รวมของอาเซียนจะสูงถึง 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 122 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 4.2% ต่อปี
อาเซียนยังเป็นบ้านของประชากรกว่า 696 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานที่มีศักยภาพสูง แต่มีค่าแรงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว จึงดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เสื้อผ้า รองเท้า และอิเล็กทรอนิกส์
ประกอบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมถือเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ปัจจัยทั้งหมดนี้ จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม หากต้องการขยายตลาดและเติบโตอย่างยั่งยืน…
แต่การจะประสบความสำเร็จในตลาดที่กำลังเติบโตและมีความหลากหลายเช่นนี้ จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญและมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
หนึ่งในนั้นคือ ธนาคารกรุงศรี ที่สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในภูมิภาคอาเซียนมายาวนาน เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับลูกค้าธุรกิจที่ต้องการขยายการค้าและการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และพัฒนาต่อยอดมาสู่การให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มในปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยังขยายเครือข่ายและบริการในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ปี 2017 ร่วมทุนกับ Security Bank Corporation จัดตั้งบริษัท SB Finance บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรถยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์
- ปี 2019 เปิดสาขาธนาคารในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ปัจจุบันธนาคารกรุงศรี มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาค พร้อมเป็นพันธมิตรธุรกิจไทยบุกตลาดอาเซียน ด้วยฐานลูกค้ากว่า 17 ล้านราย และเครือข่ายธุรกิจที่ครอบคลุมถึง 9 ใน 10 ประเทศของอาเซียน
ล่าสุดธนาคารกรุงศรีจัดงาน Krungsri ASEAN LINK Forum แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและเทรนด์สำคัญในอาเซียน อีกด้วย
แล้ว Insight สำคัญจากงาน Krungsri ASEAN LINK Forum มีอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับพันธมิตรคนสำคัญของกรุงศรีกันก่อน…
ย้อนกลับไปในปี 2013 มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป หรือ MUFG หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก ได้ขยายการลงทุนมายังประเทศไทย และหนึ่งในธนาคารที่ MUFG มองเห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่ง นั่นก็คือ “ธนาคารกรุงศรี”
MUFG ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในด้านการเงินระดับโลก แต่ยังมีบริการที่ครอบคลุมหลากหลายมิติ ทั้งธนาคารพาณิชย์, ทรัสต์แบงก์กิ้ง, ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจบัตรเครดิต, ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์และความเข้าใจในธุรกิจการเงินที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ MUFG ยังมีเครือข่ายสำนักงานมากมายทั่วโลกกว่า 2,000 แห่ง ในกว่า 40 ประเทศ และที่สำคัญ ในภูมิภาคอาเซียน MUFG ก็มีทั้งสาขา สำนักงาน และธนาคารพันธมิตรที่ MUFG เข้าไปถือหุ้น อย่างเช่น
- เวียดนาม ที่มีพันธมิตรเป็น VietinBank
- ฟิลิปปินส์ ที่มีพันธมิตรเป็น Security Bank Corporation
- อินโดนีเซีย ที่มีพันธมิตรเป็น Bank Danamon Indonesia
ด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งและการเข้าลงทุนกิจการต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียนของกรุงศรี ทำให้กรุงศรีกลายเป็นสถาบันการเงินที่มีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาค
เมื่อถามถึงมุมมองของธนาคารกรุงศรีว่าประเทศไหนในอาเซียนที่น่าลงทุนบ้าง ?
คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา คือ เวียดนาม ประเทศที่กำลังมาแรงที่สุดในอาเซียน และกำลังก้าวขึ้นเป็นดาวเด่นในภูมิภาค ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงและศักยภาพที่น่าจับตามอง
ซึ่งเวียดนามมีปัจจัยและโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่น่าสนใจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น
1. ประชากรและ GDP ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเวียดนามมีประชากรกว่า 101 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานที่มีกำลังซื้อสูงและพร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอย สร้างฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 GDP ของเวียดนามมีมูลค่ากว่า 14.37 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6.5% ต่อปีในช่วงปี 2024-2028 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง

2. แหล่งรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและ Startup
เวียดนามมีแรงงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก และค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ทำให้เวียดนามเป็นแหล่งดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลกที่ต้องการตั้งฐานการผลิตและพัฒนา
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังให้การสนับสนุนการเติบโตของ Startup อย่างแข็งขัน และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อนวัตกรรมและการเติบโตทางธุรกิจ
ส่งผลให้มี Startup ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
3. ระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง
เวียดนามมีท่าเรือน้ำลึกหลายแห่งที่สามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการค้า
ที่สำคัญคือ รัฐบาลเวียดนามลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เช่น ถนน ทางรถไฟ และสนามบิน เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการค้าที่เพิ่มขึ้น
มาถึงตรงนี้ เราคงพอเห็นภาพรวมศักยภาพการเติบโตของเวียดนามในด้านต่าง ๆ กันบ้างแล้ว
แต่เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนและลงลึกยิ่งขึ้น
ลองมาเจาะลึกเทรนด์สำคัญและ Insight แบบ Exclusive ที่กรุงศรีได้รวบรวมมาฝากกัน
- เวียดนาม มีวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการบริโภค
คนเวียดนามให้ความสำคัญกับครอบครัวและการศึกษา มีแนวโน้มที่จะสร้างครอบครัวเร็วและมีลูก 2-3 คน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- การเติบโตของชนชั้นกลาง
ชนชั้นกลางในเวียดนามมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งหมายถึงกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น
นี่เลยเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่นำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อนี้
- เทรนด์การใช้จ่ายผ่าน QR Code
ข้อมูลจากสมาคมบัตรธนาคารเวียดนาม (VBCA) ระบุว่า จำนวนธุรกรรมการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดในปี 2023 สูงถึง 11 พันล้านรายการ เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนหน้า
เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า ชาวเวียดนามกำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย หันมาใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น
- ศักยภาพการค้าปลีก
แม้ว่าจำนวนร้านค้าปลีกสมัยใหม่ในเวียดนามยังมีอยู่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วตามการขยายตัวของเมืองและกำลังซื้อของประชากร
มาถึงตรงนี้ เราคงพอเห็นภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในระดับมหภาคและ Insight เชิงลึกของเวียดนามกันบ้างแล้ว คราวนี้ลองมาฟังมุมมองจากบริษัทชั้นนำของไทยกันบ้าง ว่าพวกเขามองเห็น “โอกาส” และ “ความท้าทาย” อะไรบ้างในการขยายฐานการผลิตไปยังเวียดนาม
- Central Retail หรือ CRC เริ่มทำธุรกิจในเวียดนามตั้งแต่ปี 2012 จากการเห็นศักยภาพด้านธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม จึงเริ่มเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหาร และธุรกิจ Non-Food
แล้ว CRC มองว่าอะไรคือความท้าทายและโอกาสของการทำธุรกิจในเวียดนาม?
CRC มองว่าความท้าทายที่สำคัญคือ การแข่งขันกับเวลาว่าเราสามารถจะทำงานหรือขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้นได้อย่างไร
ดังนั้น สิ่งที่ CRC ต้องทำคือ ปรับตัวให้เร็ว, เรียนรู้ข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติให้เข้าใจ, เกาะติดสถานการณ์ข่าวสารให้ดี รวมทั้งพยายามทำความเข้าใจรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดที่เข้าไปทำธุรกิจ
ส่วนด้านโอกาส CRC มองว่า หากทำ Market Research ให้ดี มีโปรโมชัน และช่องทางการกระจายสินค้า ที่เหมาะสม ก็จะเติบโตในตลาดเวียดนามได้ไม่ยาก เพราะเวียดนามมีประชากรเกือบ 100 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว มีกำลังซื้อสูง และเปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติ
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ C.P. เริ่มต้นธุรกิจในเวียดนามตั้งแต่ปี 1988 ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล มองเห็นโอกาสในการนำมาตรฐานการผลิตระดับสูงของบริษัท เข้ามาบุกเบิกธุรกิจอาหารสัตว์ ซึ่งในขณะนั้นยังใหม่มากในเวียดนาม
ตามแนวทางสามประโยชน์แก่ “ประเทศชาติ” “ประชาชน” และ “องค์กร พนักงาน ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น” ที่เป็นรากฐานสำคัญ จากนั้นจึงได้ต่อยอดมาสู่ธุรกิจฟาร์มและการแปรรูปอาหารในปัจจุบัน
แล้ว C.P. มองว่าอะไรคืออุปสรรคและโอกาสในการทำธุรกิจในเวียดนาม ?
C.P. มองว่าความท้าทายหลักคือเรื่องความเร็วและการเตรียมความพร้อม เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว
หากสิ่งใดดีและใช้ได้จริง เวียดนามก็พร้อมนำมาปรับใช้ทันที หลายเทคโนโลยี เช่น 3G, QR Code และ E-invoice เวียดนามนำมาใช้ก่อนประเทศไทย
ดังนั้น ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้เร็วและเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อสามารถแข่งขันและอยู่รอดในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในด้านโอกาส C.P. มองว่ายังมี “ช่องว่างในตลาด” อีกมากในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกต่างระหว่างภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการที่คนเวียดนามเห็นในสื่อต่างประเทศกับความเป็นจริงที่ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการในประเทศ
นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่สามารถเข้ามาเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ได้
- Chance and Challenge หรือ CAC เริ่มดำเนินธุรกิจในเวียดนามตั้งแต่ปี 2005 โดยเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เริ่มต้นจากการเป็นผู้นำเข้าสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม
จากประสบการณ์ที่สั่งสมในตลาดเวียดนาม CAC มองเห็นทั้งอุปสรรคและโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้
ด้านอุปสรรค CAC มองว่ามี 2 ประเด็นหลัก คือ ระบบโลจิสติกส์และการขาดแคลนพลังงาน
เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแนวยาว จึงมีความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์
อีกทั้งจากการที่เวียดนามดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีความท้าทายในการจัดหาแหล่งพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น ในภาคเหนือของเวียดนามยังคงประสบปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง เนื่องจากแหล่งพลังงานไม่เพียงพอ
ดังนั้น เราจึงต้องตั้งกลยุทธ์ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ โดยแยกการจัดการระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ให้เหมาะสมในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้ต้นทุนการขนส่งอยู่ในระดับที่แข่งขันได้
ส่วนด้านพลังงาน ขณะนี้ทางรัฐบาลเวียดนามมีแผนลงทุนอย่างมากในการพัฒนาศักยภาพการผลิตพลังงานไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้า จึงเชื่อว่าสถานการณ์การขาดแคลนพลังงานจะค่อย ๆ ดีขึ้น
ด้านโอกาส CAC มองว่าธุรกิจอาหารและเครื่องสำอางยังมีช่องว่างให้เติมเต็มอีกมาก โดยแนะนำให้ทำ Market Survey อย่างละเอียดเพื่อหา Insight ของพฤติกรรมการอุปโภคบริโภคของคนเวียดนาม และปรับแผนธุรกิจให้เหมาะสม
อย่างไรก็ดี แม้เวียดนามจะเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง แต่การลงทุนในต่างประเทศย่อมมีความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงที่นักธุรกิจและนักลงทุนต้องคำนึงถึงเสมอ
แล้วอะไรคือปัจจัยที่นักธุรกิจและนักลงทุนต้องคำนึงถึงเมื่อต้องการขยายการลงทุนไปยังเวียดนาม ?
1. ความผันผวนของค่าเงิน
ค่าเงินดองของเวียดนามอาจมีความผันผวนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและผลกำไรของธุรกิจ การบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจ
2. ข้อจำกัดการถือครองหุ้นโดยชาวต่างชาติ (Foreign Ownership Limit - FOL)
ในบางอุตสาหกรรมมีข้อจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงตลาดและการควบคุมธุรกิจ ดังนั้นจำเป็นต้องศึกษาและวางแผนโครงสร้างการลงทุนให้เหมาะสม
3. ข้อกำหนดพิเศษ การทดสอบความต้องการทางเศรษฐกิจ (Economic Needs Test - ENT)
ในบางธุรกิจค้าปลีก นักลงทุนต่างชาติอาจต้องผ่านการทดสอบ ENT เพื่อประเมินผลกระทบต่อตลาดท้องถิ่นก่อนได้รับอนุญาตให้เปิดสาขาเพิ่มเติม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและการเตรียมความพร้อม
4. กฎระเบียบและข้อบังคับ
ระบบกฎหมายและข้อบังคับของเวียดนามอาจมีความซับซ้อนและแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ การลงทุนในเวียดนามอาจต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน การมีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้กระบวนการนี้ราบรื่นขึ้น
ถึงตรงนี้แล้ว ถ้าถามว่าใครคือผู้ปรึกษาที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่อยากขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ ASEAN คำตอบหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Krungsri ASEAN LINK ด้วยความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาค
แล้ว Krungsri ASEAN LINK จะช่วยเหลือเราได้อย่างไร ?
Krungsri ASEAN LINK เข้าใจถึงความท้าทายในการลงทุนในต่างประเทศเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา กฎหมายและกฎระเบียบที่ซับซ้อน หรือแม้แต่การแข่งขันที่สูงในตลาด
ด้วยเหตุนี้ Krungsri ASEAN LINK จึงพร้อมให้การสนับสนุนและคำปรึกษาอย่างครบวงจร เพื่อช่วยให้การลงทุนในเวียดนามราบรื่นและประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น
- ให้คำปรึกษาด้านตลาดและกฎระเบียบ
Krungsri ASEAN LINK มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในตลาดเวียดนาม พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาด กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ
- สนับสนุนการจัดตั้งบริษัท
โดยให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการดำเนินการจัดตั้งบริษัทในเวียดนาม รวมถึงการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ
- เครื่องมือทางการเงินสำหรับการดำเนินงาน
Krungsri ASEAN LINK ไม่เพียงแต่ให้คำปรึกษา แต่ยังนำเสนอเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของธุรกิจคุณในอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บริการโอนเงินระหว่างประเทศ บริการรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และบริการจัดการเงินสด
ด้วยบริการ Transaction โอนเงินระหว่างประเทศแบบทันทีโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งเป็นความร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรท้องถิ่นในอินโดนีเซียและเวียดนาม ช่วยลดต้นทุนทางการค้าและธุรกรรมให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
และเพื่อให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย ยังมีบริการชำระเงินระหว่างประเทศผ่าน QR Code ได้ทาง Internet Banking ของแอปพลิเคชัน KMA krungsri app ซึ่งเปิดใช้งานแล้วทั้งในกัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และลาว
ยิ่งไปกว่านั้น Krungsri ASEAN LINK ยังมีบริการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ที่เปิดโอกาสให้มีการพบปะเจรจาการค้าระหว่างประเทศมาแล้วกว่า 200 คู่ธุรกิจ อีกด้วย
ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน กรุงศรีพร้อมที่จะเป็นสะพานเชื่อมธุรกิจไทยสู่ตลาดอาเซียน ด้วยโซลูชันที่ช่วยเชื่อมโยงธุรกิจไทยกับคู่ค้าต่างแดนผ่านบริการที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
ภายใต้แนวคิด GO ASEAN with Krungsri ที่พร้อมสนับสนุนให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปได้ไกลกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาด การลงทุน หรือการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน นั่นเอง..
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GO ASEAN with krungsri ได้ที่ https://www.krungsri.com/th/asean
#KrungsriASEANLINKForum2024
#GOASEANwithkrungsri
#เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน
#ASEANLINK

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon