“Switching Cost ของ Meta สูงมาก ต่อให้ให้เงิน จ้างเลิกเล่นเฟซบุ๊ก-ไอจี บางคนก็ไม่เอา”
“Switching Cost ของ Meta สูงมาก ต่อให้ให้เงิน จ้างเลิกเล่นเฟซบุ๊ก-ไอจี บางคนก็ไม่เอา”
- ชวนวิเคราะห์หุ้น Meta ธุรกิจอิ่มตัวแล้วจริงหรือยัง ? ทำไมราคาหุ้นทำ All Time High
ในงาน “ลงทุนนอก 2024” โดย คุณธณัฐ เตชะเลิศ, ผู้ก่อตั้งเพจ ลงทุนแมน
- ชวนวิเคราะห์หุ้น Meta ธุรกิจอิ่มตัวแล้วจริงหรือยัง ? ทำไมราคาหุ้นทำ All Time High
ในงาน “ลงทุนนอก 2024” โดย คุณธณัฐ เตชะเลิศ, ผู้ก่อตั้งเพจ ลงทุนแมน
หลายคนสงสัยว่า Facebook และ Instagram จะกลายเป็นเหมือน Hi5 หรือไม่ ?
Hi5 ที่เคยเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสุดฮิต แต่เมื่อผู้คนหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่น ๆ จำนวนผู้ใช้ก็ลดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ไม่สามารถรักษาฐานผู้ใช้ไว้ได้ และหายไปจากความทรงจำของผู้คน
แล้ว Facebook และ Instagram จะเดินตามรอย Hi5 หรือไม่ ?
ลองมาดูกันว่า Ecosystem ของ Meta แข็งแกร่งแค่ไหน ?
ลองมาดูกันว่า Ecosystem ของ Meta แข็งแกร่งแค่ไหน ?
- คุณสมบัติ 6 อย่าง ที่มองว่า Meta เป็นธุรกิจที่ดี
1. เป็น Global Brand ขายได้ทุกคนบนโลก
2. Scalability มีความสามารถในการสเกลธุรกิจที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
3. มีโมเดลธุรกิจแบบ B2B มีลูกค้าธุรกิจ สามารถรับรู้รายได้ได้เยอะ
4. มี Switching Cost สูง คือจะเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มอื่น หรือเลิกใช้งานไปเลย ยากมาก
5. มีความสามารถในการแข่งขันสูง คู่แข่งท้องถิ่นสู้ได้ยาก
6. มี Network Effect ด้วยจำนวนผู้ใช้งานหลายพันล้านคน
2. Scalability มีความสามารถในการสเกลธุรกิจที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
3. มีโมเดลธุรกิจแบบ B2B มีลูกค้าธุรกิจ สามารถรับรู้รายได้ได้เยอะ
4. มี Switching Cost สูง คือจะเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มอื่น หรือเลิกใช้งานไปเลย ยากมาก
5. มีความสามารถในการแข่งขันสูง คู่แข่งท้องถิ่นสู้ได้ยาก
6. มี Network Effect ด้วยจำนวนผู้ใช้งานหลายพันล้านคน
- ไตรมาสล่าสุด Facebook มีผู้ใช้งานต่อวัน (DAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 2.06 พันล้านคน
และมีผู้ใช้งานต่อเดือน (MAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.14 พันล้านคน
และมีผู้ใช้งานต่อเดือน (MAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.14 พันล้านคน
- Family of Apps (Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp) มีผู้ใช้งานต่อวัน (DAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.08 พันล้านคน และมีผู้ใช้งานต่อเดือน (MAP) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.88 พันล้านคน
คู่แข่งสำคัญของ Meta คือ YouTube, TikTok, WeChat แต่ถึง Meta จะมีผู้ใช้กว่า 4 พันล้านคน แต่ในบางภูมิภาคยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เช่น
แอฟริกา มีผู้ใช้ Facebook เพียง 37%
เอเชีย มีผู้ใช้ Facebook 66%
สหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้ Facebook 87%
ยุโรป มีผู้ใช้ Facebook 91%
เอเชีย มีผู้ใช้ Facebook 66%
สหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้ Facebook 87%
ยุโรป มีผู้ใช้ Facebook 91%
กุญแจสำคัญในการประเมินมูลค่าหุ้น Meta คือ ARPU หรือรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้
ทั่วโลก 13.12 ดอลลาร์
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา 68.44 ดอลลาร์
ยุโรป 23.14 ดอลลาร์
เอเชีย 5.52 ดอลลาร์
ส่วนที่เหลือของโลก 4.50 ดอลลาร์
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา 68.44 ดอลลาร์
ยุโรป 23.14 ดอลลาร์
เอเชีย 5.52 ดอลลาร์
ส่วนที่เหลือของโลก 4.50 ดอลลาร์
เห็นได้ว่า ARPU ในเอเชียและแอฟริกา ยังต่ำอยู่
แสดงว่ายังมีโอกาสสร้างรายได้จากผู้ใช้ในภูมิภาคนี้ได้อีกมาก
แสดงว่ายังมีโอกาสสร้างรายได้จากผู้ใช้ในภูมิภาคนี้ได้อีกมาก
มองว่า Facebook มีความคล้ายคลึงกับ Coca-Cola ที่ Warren Buffett ชื่นชอบ ในแง่ของศักยภาพในการเติบโตจากการขยายธุรกิจ และมีจุดเด่นของโมเดลธุรกิจ เช่นเดียวกับ Washington Post ที่มีรายได้หลักจากโฆษณา โดยไม่มีต้นทุนสินค้า
แล้ว Meta อิ่มตัวแล้วหรือยัง ?
แม้จะมีผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่ Meta ยังคงมีโอกาสเติบโตได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเกิดใหม่ ที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
ปัจจุบัน ผู้ลงโฆษณา (ads spender) ส่วนใหญ่ยังคงใช้วิธีการแบบเดิม ๆ แต่พฤติกรรมของผู้บริโภค ได้เปลี่ยนไปสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มตัวแล้ว เราใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้น ทั้งในการทำงาน การสื่อสาร และการบันเทิง ซึ่งต่อไปเม็ดเงินโฆษณา ก็จะย้ายมาสื่อออนไลน์มากขึ้น
สุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่าภาพจำของ Facebook สำหรับใครหลายคน คือเป็นแพลตฟอร์มคนแก่ เด็กรุ่นใหม่ไม่เล่นแล้ว และเคยเดินผิดทางไปลงทุนใน Metaverse และตลาดไม่ชอบ จนโดนถล่มขายรุนแรงไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
แต่รู้หรือไม่ว่า ? ธุรกิจของ Meta ยังโตได้ดีอยู่
และเมื่อคืนนี้ หุ้น Meta ได้ทำ All Time High ทำให้ผู้ก่อตั้งอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก รวยขึ้นแท่นมหาเศรษฐี อันดับ 2 ของโลกทันที เป็นรองเพียงอีลอน มัสก์ เท่านั้น
และเมื่อคืนนี้ หุ้น Meta ได้ทำ All Time High ทำให้ผู้ก่อตั้งอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก รวยขึ้นแท่นมหาเศรษฐี อันดับ 2 ของโลกทันที เป็นรองเพียงอีลอน มัสก์ เท่านั้น
และหลังจากนี้ Meta จะเป็นคนที่ได้ประโยชน์จาก AI มากที่สุด..