สรุปงบ Meta กำไรโต 49% มาร์ก บอก Meta AI มาถูกทางแล้ว จะมีคนใช้ 1,000 ล้านคน

สรุปงบ Meta กำไรโต 49% มาร์ก บอก Meta AI มาถูกทางแล้ว จะมีคนใช้ 1,000 ล้านคน

สรุปงบ Meta กำไรโต 49% มาร์ก บอก Meta AI มาถูกทางแล้ว จะมีคนใช้ 1,000 ล้านคน
“การพัฒนา AI แบบ Open Source จะกลายเป็นมาตรฐานระดับโลก
และเพื่อผลประโยชน์ของชาติเรา มันสำคัญมากที่มาตรฐานนั้นต้องเป็นของสหรัฐอเมริกา
อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นข้อสูจน์ว่า แนวทาง Open Source ของ Meta AI นั้น มาถูกทางแล้ว
และเราจะยังคงเดินหน้าลงทุนใน AI อย่างหนักต่อไป..”
นี่คือคำพูดของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Meta ที่ได้บอกออกมา หลังจากบริษัทได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ซึ่งมีรายได้และกำไร สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024
-รายได้ 1,632,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21%
-กำไร 703,100 ล้านบาท เติบโตขึ้น 49%
-อัตรากำไรสุทธิ 43%
รายได้กว่า 97% ของ Meta ยังคงเป็นรายได้จากค่าโฆษณา และรายได้ตรงนี้เพิ่มขึ้น 21% ซึ่งเป็นผลมาจาก
- จำนวนการแสดงโฆษณา (Ad impressions) บนแพลตฟอร์ม ที่เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน
- ราคาเฉลี่ยต่อโฆษณา ที่เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน
- ผลของการนำเทคโนโลยี AI มาเพิ่มประสิทธิภาพของการยิงและแนะนำโฆษณา
ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานรายวันของแพลตฟอร์มในเครือ Meta ทั้ง Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp หรือที่เรียกว่า Family Daily Active People (DAP)
ณ สิ้นปี 2024 มีจำนวนอยู่ที่ 3,350 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3,320 ล้านบัญชี
ซึ่งมาร์กบอกว่า Meta มีความคืบหน้าที่ดีในด้าน AI, แว่นอัจฉริยะ และโซเชียลมีเดียแห่งอนาคต
และเขาตื่นเต้นที่จะได้เห็นความพยายามเหล่านี้ขยายผลมากขึ้นในปี 2025

ตอนนี้ Meta AI Chatbot มีผู้ใช้งาน 700 ล้านคนต่อเดือน
เพิ่มขึ้นจาก 600 ล้านคนในเดือนธันวาคม 2024
และมาร์ก คาดว่า Meta AI จะมีผู้ใช้งานถึง 1,000 ล้านคน ภายในปีนี้..
“เมื่อบริการใด ๆ มีจำนวนผู้ใช้ถึงระดับนี้ มันมักจะสร้างข้อได้เปรียบระยะยาวที่แข็งแกร่ง” มาร์ก กล่าว
นอกจากนี้ เขายังพูดถึงเรื่องของ DeepSeek จากจีน ซึ่งเป็นโมเดล AI ในรูปแบบ Open Source ที่สามารถพัฒนาได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าของฝั่งสหรัฐฯ ว่า
เรื่องนี้ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่า แนวทาง Open Source ของ Meta นั้นถูกต้อง
ซึ่ง Meta ได้ผลักดันโมเดล Llama เป็นทางเลือกแบบ Open Source แทนเทคโนโลยี AI ของ OpenAI และ Google
โดย Llama ของ Meta เป็นแพลตฟอร์มที่ให้นักวิจัยพัฒนา สามารถสร้างและปรับแต่ง AI ของตัวเองได้ ต่างจากของ ChatGPT ของ OpenAI และ Gemini ของ Google ที่เป็น Closed Source ซึ่งเน้นความเป็น Privacy มากกว่า
ซึ่งในไตรมาสที่ 4 Meta มีรายจ่ายฝ่ายทุน (CAPEX) อยู่ที่ 500,700 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากการลงทุนด้าน AI และธุรกิจ AR/VR
หน่วยงาน Reality Labs ที่ทำธุรกิจด้าน AR/VR ยังคงขาดทุนจากการดำเนินต่อเนื่อง
โดยไตรมาสนี้ ขาดทุนไป 167,600 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน
สำหรับ Guidance ที่ Meta ให้ไว้ โดยคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2025
บริษัทมองว่า จะมีรายได้อยู่ที่ช่วง 1,332,700 ล้านบาท ถึง 1,410,300 ล้านบาท
ส่วนรายจ่ายฝ่ายทุน (CAPEX)
Meta บอกว่าทั้งปี 2025 จะอยู่ที่ 2,024,400 ล้านบาท ถึง 2,193,100 ล้านบาท
ซึ่งการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ก็เพื่อผลักดันกลยุทธ์ AI ของบริษัท และการมาของ DeepSeek ก็จะไม่กระทบต่อแผนการลงทุน..
เพราะมาร์กเชื่อว่า การลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ยังจะเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
“ในขณะที่ตลาด AI กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Meta ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและลงทุนในเทคโนโลยี AI เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น”
“อาจเป็นไปได้ว่า ในอนาคตเราจะได้เรียนรู้อะไรที่ต่างออกไป
แต่ผมคิดว่าตอนนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปแบบนั้น”
นอกจากนี้ มาร์กยังย้ำว่า ทิศทางธุรกิจในปี 2025 นี้ของ Meta
จะเป็นปีที่กำหนดทิศทางใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่าง Meta กับรัฐบาล
“ตอนนี้เรามีรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ภูมิใจในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ และให้ความสำคัญกับการที่เทคโนโลยีสหรัฐฯ ต้องเป็นผู้นำ พร้อมปกป้องค่านิยมและผลประโยชน์ของเราในต่างประเทศ
ผมมีมุมมองเชิงบวก เกี่ยวกับความก้าวหน้าและนวัตกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น”
สำหรับราคาหุ้นของ Meta ตอบสนองต่อผลประกอบการ และทิศทางการดำเนินงานในปีนี้
โดยปรับตัวขึ้น 2% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon