รู้หรือไม่ Netflix Nvidia หุ้นหลายร้อย หลายพันเด้ง เคยร่วงเกิน -50% มาแล้วหลายครั้ง..
รู้หรือไม่ Netflix Nvidia หุ้นหลายร้อย หลายพันเด้ง เคยร่วงเกิน -50% มาแล้วหลายครั้ง..
ใครกำเงิน 1 ล้านบาท ซื้อหุ้น Netflix เมื่อ 22 ปีก่อน
แล้วทิ้งไว้ ไม่ไปยุ่งกับมัน
วันนี้ เงินก้อนนั้นจะกลายเป็นเงิน 586 ล้านบาท
ใครกำเงิน 1 ล้านบาท ซื้อหุ้น Netflix เมื่อ 22 ปีก่อน
แล้วทิ้งไว้ ไม่ไปยุ่งกับมัน
วันนี้ เงินก้อนนั้นจะกลายเป็นเงิน 586 ล้านบาท
แต่ถ้าโชคดี ลงทุนเร็วกว่านั้น และเลือกซื้อ Nvidia แทน เมื่อ 25 ปีก่อน
เงินก้อนที่ว่า จาก 1 ล้าน จะกลายเป็น 2,829 ล้านบาททันที..
เงินก้อนที่ว่า จาก 1 ล้าน จะกลายเป็น 2,829 ล้านบาททันที..
ซึ่งนี้ยังไม่นับรวมเงินปันผลระหว่างทางที่ได้มา
แต่ต้องยอมรับความจริงว่า น้อยคนมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ที่จะทนถือได้นานขนาดนั้น.. ต่อให้เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก็ตาม (เว้นแต่ซื้อไว้แล้วดันลืมขึ้นมาจริง ๆ..)
ทำไมเป็นอย่างนั้น ?
เพราะระหว่างทาง ที่เราถือหุ้น จะมีเรื่อง “ความผันผวน” ของตลาด เข้ามาหลอกหลอนเราอยู่เสมอ..
เพราะระหว่างทาง ที่เราถือหุ้น จะมีเรื่อง “ความผันผวน” ของตลาด เข้ามาหลอกหลอนเราอยู่เสมอ..
เมื่อมองย้อนกลับไป
Netflix Nvidia เป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับนักลงทุน และมักถูกหยิบไปเป็นกรณีศึกษาในโลกการลงทุนอยู่มากมาย
Netflix Nvidia เป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับนักลงทุน และมักถูกหยิบไปเป็นกรณีศึกษาในโลกการลงทุนอยู่มากมาย
แต่ไส้ในผลตอบแทนที่หอมหวานนั้น ในความเป็นจริง เต็มไปด้วยเส้นทางที่ขรุขระ มองเห็นไม่ทางข้างหน้า และทำให้นักลงทุนท้อใจ จนต้องจำใจขายหุ้นทิ้งระหว่างทางเป็นประจำ..
รู้หรือไม่ว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000
ราคาหุ้น Netflix เคยร่วงมากกว่า -50% จากจุดสูงสุด มาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง
ราคาหุ้น Netflix เคยร่วงมากกว่า -50% จากจุดสูงสุด มาแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง
-ไม่นานหลังจาก IPO ในปี 2002 ราคาหุ้น Netflix ร่วงลงมากกว่า -50%
-ปี 2011 Netflix ประกาศขึ้นราคา และแยกบริการ Streaming กับ DVD ออกจากกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงมากกว่า -50%
-ช่วงปี 2015-2016 หุ้น Netflix ร่วงกว่า -50% จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของจำนวนสมาชิก และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
-ปี 2022 การเติบโตของจำนวนสมาชิกที่ชะลอตัว การแข่งขันที่รุนแรง และภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอน ทำให้ราคาหุ้น Netflix ร่วงลงมากกว่า -70% ในเวลาไม่ถึงปี
-ปี 2011 Netflix ประกาศขึ้นราคา และแยกบริการ Streaming กับ DVD ออกจากกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงมากกว่า -50%
-ช่วงปี 2015-2016 หุ้น Netflix ร่วงกว่า -50% จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของจำนวนสมาชิก และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
-ปี 2022 การเติบโตของจำนวนสมาชิกที่ชะลอตัว การแข่งขันที่รุนแรง และภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอน ทำให้ราคาหุ้น Netflix ร่วงลงมากกว่า -70% ในเวลาไม่ถึงปี
ส่วนหุ้น Nvidia ก็ไม่ต่างกัน เคยดิ่งมากกว่า -50% จากจุดสูงสุด มานับครั้งไม่ถ้วน เช่น
-ช่วงวิกฤติฟองสบู่ดอตคอม ปี 2000-2002 ราคาหุ้น Nvidia ดิ่งลงมากกว่า -90% จากจุดสูงสุด..
-วิกฤติซับไพรม์ ปี 2008 ราคาหุ้นดิ่งลงมากกว่า -70% จากจุดสูงสุด
-ช่วงปลายปี 2018 Nvidia ร่วงลงมากกว่า -50% จากจุดสูงสุด เพราะความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความต้องการชิปสำหรับขุดคริปโทที่ลดลง
-ช่วงวิกฤติฟองสบู่ดอตคอม ปี 2000-2002 ราคาหุ้น Nvidia ดิ่งลงมากกว่า -90% จากจุดสูงสุด..
-วิกฤติซับไพรม์ ปี 2008 ราคาหุ้นดิ่งลงมากกว่า -70% จากจุดสูงสุด
-ช่วงปลายปี 2018 Nvidia ร่วงลงมากกว่า -50% จากจุดสูงสุด เพราะความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความต้องการชิปสำหรับขุดคริปโทที่ลดลง
และก็มีช่วงปี 2021-2022 ที่ราคาหุ้น Nvidia ดิ่งลงมากกว่า -60%
จะเห็นว่า หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างเช่น Netflix Nvidia กว่าจะมีวันนี้ได้ ก็มีวันที่มืดมน จนราคาหุ้นจมดินทั้ง -50% -60% -70% ไปจนถึง -90% เลยก็มี
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครสามารถทนถือหุ้นแห่งอนาคตเหล่านี้ ได้เป็นเวลานาน
ลองจินตนาการว่า จู่ ๆ ไม่กี่เดือน ราคาหุ้นที่เราถืออยู่แดงเถือก เงินเกินครึ่งมลายหายไป เหมือนถูกทานอสดีดนิ้วใส่
ลองจินตนาการว่า จู่ ๆ ไม่กี่เดือน ราคาหุ้นที่เราถืออยู่แดงเถือก เงินเกินครึ่งมลายหายไป เหมือนถูกทานอสดีดนิ้วใส่
นักลงทุนส่วนใหญ่ ก็คงทนเห็นขาดทุนขนาดนั้นไม่ไหว และจำใจยอม Cut Loss เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็พอได้เงินต้นคืนมาบ้าง
ส่วนคนที่ถือมาสักพักใหญ่ และได้กำไรมาเยอะแล้ว พอเห็นกำไรที่ตัวเองเคยได้ หายไปกว่าครึ่ง ก็คิดว่าถ้าไม่รีบขาย เดียวจะไม่เหลือกำไรอะไรไว้ให้กอบโกยอีก..
และก็อย่างที่รู้กัน หลังจากวิกฤติตลาดหุ้นสหรัฐทุกครั้ง ตลาดก็จะฟื้นกลับมา ทำจุดสูงสุดใหม่เสมอ
เฉกเช่นเดียวกับหุ้นที่ผลประกอบการยังเติบโต ดูมีอนาคต และไม่ล้มละลายไปเสียก่อน
เฉกเช่นเดียวกับหุ้นที่ผลประกอบการยังเติบโต ดูมีอนาคต และไม่ล้มละลายไปเสียก่อน
เหมือน Netflix Nvidia ที่เจอวันมืดมนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ราคาหุ้นก็กลับมาทำ New High ได้อีกทุกครั้ง
ซึ่งใครสามารถทนผ่านช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดนั้นมาได้ (ด้วยการถือหุ้นถูกตัว) ก็จะได้รับรางวัลที่งดงาม
ซึ่งใครสามารถทนผ่านช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดนั้นมาได้ (ด้วยการถือหุ้นถูกตัว) ก็จะได้รับรางวัลที่งดงาม
แต่ความผันผวนของหุ้นที่รุนแรง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของนักลงทุนมาก
ทำให้นักลงทุนไม่สามารถทนถือหุ้น และเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างเต็มที่
ทำให้นักลงทุนไม่สามารถทนถือหุ้น และเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างเต็มที่
สิ่งที่จะช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของนักลงทุน ให้มองข้ามความผันผวนระยะสั้น โฟกัสกับอนาคต และสบายใจมากขึ้นกับการถือหุ้น แม้ราคาหุ้นจะร่วงเป็นช่วง ๆ
สิ่งนั่นคือ ธุรกิจจริง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังหุ้นตัวนั้น ๆ ซึ่งคอยผลิตเงินสดอย่างต่อเนื่อง ด้วยสินค้าและบริการ ที่ตลาดต้องการ
ธุรกิจที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโต มีรายได้และกำไรมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป
ธุรกิจที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโต มีรายได้และกำไรมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป
เพราะธุรกิจที่ดี (และยังคงดีต่อไป) จะคอยดึงราคาหุ้น กลับสู่พื้นฐานที่ควรจะเป็นในที่สุด
เหมือนทุกวันนี้ ที่เราต้องสมัคร Netflix อยู่ เพื่อไว้ดูยามว่าง (หรือมีไว้ให้อุ่นใจ)
องค์กรต่าง ๆ ที่ต้องสั่งชิปจาก Nvidia อยู่ เพื่อเอาไปใช้งาน รวมถึงใช้พัฒนา AI
เหมือนทุกวันนี้ ที่เราต้องสมัคร Netflix อยู่ เพื่อไว้ดูยามว่าง (หรือมีไว้ให้อุ่นใจ)
องค์กรต่าง ๆ ที่ต้องสั่งชิปจาก Nvidia อยู่ เพื่อเอาไปใช้งาน รวมถึงใช้พัฒนา AI
คำถามคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้นตัวไหนคือ “ของจริง” มีธุรกิจที่ดี และจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้แบบ Netflix แบบ Nvidia
ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้น ราคาหุ้น ที่มีความผันผวนมาก และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เราจะสามารถรับมือกับมันได้ยังไง ?
เราจะสามารถรับมือกับมันได้ยังไง ?
มาหาคำตอบได้ที่งาน "ลงทุนนอก 2024"
https://www.zipeventapp.com/e/longtunnork2024
https://www.zipeventapp.com/e/longtunnork2024
การรวมตัวของนักลงทุนผู้มากประสบการณ์ ที่จะมาแบ่งปันความรู้ และกลยุทธ์ในการลงทุนต่างประเทศ
พร้อมทั้งมีการ Pitching และให้ความเห็นว่า Bull หรือ Bear จาก Commentator
พร้อมทั้งมีการ Pitching และให้ความเห็นว่า Bull หรือ Bear จาก Commentator
ที่จะทำให้เราได้ความรู้ มุมมอง การวิเคราะห์หุ้นเชิงลึก รวมถึงการมองหาและจัดการความเสี่ยง
เพื่อเป็นอาวุธเอาไว้ต่อยอด หาหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต และยืนหยัดได้ในยามตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ
เพื่อเป็นอาวุธเอาไว้ต่อยอด หาหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต และยืนหยัดได้ในยามตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ
นอกจากนั้นผู้ถือบัตรลงทุนนอก สามารถลงทะเบียน WORKSHOP และรับชม RERUN ONLINE ทุก Session ฟรี
จองบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/longtunnork2024
จองบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/longtunnork2024