ถอดหลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา ช่วย Scale Up ธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไรเซ็นทรัล

ถอดหลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา ช่วย Scale Up ธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไรเซ็นทรัล

ถอดหลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา ช่วย Scale Up ธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไรเซ็นทรัลพัฒนา X ลงทุนแมน
ธุรกิจที่ Scale Up ไม่ได้ ไม่มีสินค้าที่สร้างความแตกต่าง ตลาดเริ่มอิ่มตัว รายได้เติบโตไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
สารพัดปัญหาเหล่านี้ เป็นเหมือนกำแพงขนาดใหญ่ที่ทำให้บริษัท Startups และ SMEs ต้องหยุดชะงัก จนธุรกิจเติบโตต่อไปไม่ได้ หรือที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า “ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่ไม่โตแล้ว”
ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า ในวันที่เจ้าของธุรกิจหลายคนหาทางไปต่อไม่เจอ
เซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำธุรกิจศูนย์การค้าเมืองไทย อาสาเป็น Big Brother
ด้วยหลักสูตร LEAD เพื่อปลดล็อกคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ให้ “เป็นไปได้” ให้แก่ธุรกิจ Startups และ SMEs
และดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จเกินคาด..
เมื่อเวลานี้หลักสูตรได้ผ่านมา 5 รุ่น สร้างเครือข่ายกว่า 180 แบรนด์ ที่หลังจบหลักสูตรไปแล้ว ก็ยังแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ร่วมมือสร้างสินค้าใหม่ ๆ
จนถึงบางบริษัท มีโอกาสร่วมทุนกับทางเซ็นทรัลกรุ๊ป สร้างมูลค่าการเติบโตทางธุรกิจรวมกันกว่า 2,500 ล้านบาท และมีแบรนด์ต่าง ๆ ขยายสาขารวมกันเพิ่มขึ้น 165% เมื่อเทียบกับปีแรกของหลักสูตร LEAD
ทำไมหลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนาติดเทอร์โบให้ธุรกิจ SMEs ไทยได้ขนาดนั้น ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
วิธีหาคำตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ก็คือ การพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจที่เข้าร่วมหลักสูตรนี้ ผ่าน 3 เจ้าของแบรนด์ คือ
- KIM & CO. ORIGINAL แบรนด์แฟชั่นเกาหลี
- SELF. SMOOTHIE เครื่องดื่มสมูททีธรรมชาติ 100%
- BOTTOMLESS COFFEE ROASTERS
ภายใต้วิธีการสอนของหลักสูตรอยู่บนคำว่า “เรียนจริง ทำจริง โตจริง”
โดยเซ็นทรัลพัฒนา จะมีทั้ง Mentor เป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ
จากนั้นก็ให้เจ้าของธุรกิจลองสร้าง Business Model ใหม่ ๆ
มาทดลองเปิดหน้าร้านผ่านศูนย์การค้าเซ็นทรัลสาขาต่าง ๆ
แม้แต่ละธุรกิจต้องการทำลายข้อจำกัด เพื่อสร้างการเติบโตที่แตกต่างกันออกไป
แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกัน คือ หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5
ทำให้เจ้าของธุรกิจได้แชร์ปัญหาและเคล็ดลับทางธุรกิจซึ่งกันและกัน
หลากหลายเรื่องราวในนั้น บางทีค้นหาคำตอบมานาน แต่ก็ไม่มีใครเคยบอกเรา..
มาเริ่มต้นกับคุณต้องตา อาชาเทวัญ
เจ้าของ KIM & CO. ORIGINAL แบรนด์แฟชั่นเกาหลี ที่กำลังมาแรงในออนไลน์ และในศูนย์การค้าเซ็นทรัล
หลังจบหลักสูตร แบรนด์ของเธอได้รางวัล อันดับ 1 ในหมวด New Concept Store & New Brand and Product Development for Business Growth หรือการเปิดหน้าร้านด้วยแนวคิดหรือธุรกิจใหม่ ๆ
แต่เดิมนั้น ธุรกิจของเธอรวบรวมกว่าร้อยแบรนด์แฟชั่นเกาหลีให้ลูกค้าได้เลือกซื้อมา Mix & Match ตามสไตล์ของแต่ละคน ในราคาที่เข้าถึงง่าย
ขณะเดียวกันก็มีสินค้าอย่างรองเท้าที่ดิไซน์ขึ้นมาเอง และประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างน่าเหลือเชื่อ
ฟังดูธุรกิจก็ไปได้ดี แต่เมื่อเธอได้เข้ามาสู่หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 กลับรู้สึกว่า “มันมีบางอย่างที่หายไป”
ภาพรวมธุรกิจแฟชั่นเป็นสินค้าที่มีไซซ์ให้เลือกหลากหลาย การคาดการณ์สต๊อกสินค้า เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ เพราะธุรกิจแฟชั่นเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หากคาดการณ์สต๊อกสินค้าผิด
จะมีผลต่อต้นทุนและกำไรทางธุรกิจในทันที

คำถามในใจเธอคือ ทำไมไม่ลองทำสินค้าที่ไม่มีข้อจำกัดตรงนี้ ?
ทำให้เธอนำ Passion ในการดิไซน์สินค้าแฟชั่นมาต่อยอดเป็นแบรนด์กระเป๋า TIA
ที่มีจุดเด่นคือ ดิไซน์หรูหรา แต่ราคาเร้าใจ ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย
และที่สำคัญ ไม่มีไซซ์ ทำให้สต๊อกสินค้าง่ายขึ้น
กระเป๋า TIA มียอดขายที่เกินคาด
เพราะเธอบอกว่ามันมาจากแนวคิดเดิม คือแบรนด์เราต้องผลิตสินค้าที่เกินความคาดหวังของลูกค้า
บวกกับการปรับจูนธุรกิจผ่านหลักสูตร LEAD ที่ทำให้เธอมีความเป็น Entrepreneur มองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้เก่งขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ยอดขายเติบโต 300% เลยทีเดียว
มาเรียนรู้กันต่อที่แบรนด์ SELF. SMOOTHIE ที่คุณมายด์-ณภัสสร ฉลาดมานะกุล และเพื่อนเป็นเจ้าของ โดยได้รางวัลอันดับ 2 หมวด Value Creation for Brand Signature, Customer Experience and Society หรือการสร้างมูลค่าแบรนด์ผ่านประสบการณ์ลูกค้า
คุณมายด์เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ SELF. SMOOTHIE เกิดจากในช่วงโควิด เธอและเพื่อนอยากทำธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และมีความสนุกในตัวแบรนด์
ทำให้เธอเลือก “สมูทที” ที่สร้างจุดขายด้วยผักและผลไม้ท้องถิ่นจากเกษตรกรไทยมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต จนถึงลงทุนใช้เทคโนโลยี “ฟรีซช็อต” ขั้นสูง
ทำให้ผักและผลไม้มีความสดใหม่ตลอดเวลา
และที่ขาดไม่ได้คือ แพ็กเกจจิงที่ทันสมัย มาพร้อมโลโกแบรนด์ SELF. SMOOTHIE ที่แฝงไปด้วยความสนุก สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น
จะเห็นได้ว่า SELF. SMOOTHIE เป็นสมูททีที่มีความเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์ทั้งรสชาติและสุขภาพ ที่สำคัญต้องเข้าถึงคนได้ง่าย
แต่ในจุดแข็งนั้น กลับซ่อน Pain Point เรื่องหนึ่งที่ต้องขบคิดคือ SELF. SMOOTHIE จับกลุ่มลูกค้าแค่สาว ๆ และคนวัยทำงานที่รักสุขภาพ
ดังนั้น วิธีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้จุดแข็งของตัวเองต่อยอดเพื่อสร้างสินค้าใหม่ ๆ อย่าง Snack และสินค้า Self Merchandises
จนถึงการออกรสชาติสมูททีจับกลุ่มเด็ก ๆ
โดยเธอยอมรับว่า เมื่อเข้ามาอยู่ในหลักสูตร LEAD เธอวิเคราะห์สินค้าในแบรนด์ตัวเอง อย่างมีกลยุทธ์และมีเหตุและผล ทุกอย่างจะเป็นตัวเลขและมีที่มาที่ไป
ทำให้การขยับตัวในธุรกิจแต่ละครั้ง เกิดความมั่นใจ และรวดเร็ว
เพราะผ่านการวิเคราะห์อย่างมีระบบ
มาถึงธุรกิจสุดท้ายคือ คุณนพพล อมรพิชญ์ปรัชญา แบรนด์ “BOTTOMLESS COFFEE ROASTERS”
ที่ได้รางวัล Scalable for Growth with Supply Chain Management
หรือการสเกลธุรกิจให้เติบโตผ่านห่วงโซ่อุปทาน
โดยคุณหมูเล่าให้ฟังว่า เขาอยู่ในวงการ Specialty Coffee มากกว่า 10 ปี จึงมีความรู้ในการคัดเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุด รวมถึงเทคนิคการชงกาแฟขั้นเทพ
แน่นอน กาแฟจากร้านนี้ จึงได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคอกาแฟ
แต่เมื่อเป็นคนที่ทำอะไรด้วย Passion มีความสุขที่ได้ทำ
ทำให้คุณหมูอาจไม่คิดในแง่มุมการเติบโตของธุรกิจมากนัก จนเมื่อได้เข้ามาเรียนหลักสูตร LEAD
ความคิดทั้งหมดก็เริ่มเปลี่ยนไป ในอดีตเขาจะเน้นลงทุนในเรื่องอุปกรณ์ แต่เวลานี้เขาเลือกจะลงทุนในเรื่องการพัฒนาพนักงานและ Supply Chain
ที่สำคัญ เมื่อก่อนคุณหมูไม่เคยมีความรู้เรื่องการเงินและสินเชื่อ
แต่เวลานี้เขาเข้าใจและคิดว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากจะสเกลธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะการขยายสาขา และการลงทุนเรื่องคน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 ได้แก่ HOLEN และ COVE
HOLEN
เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมซื้อเป็นของฝาก ด้วยคาแรคเตอร์ลิงยักษ์จากวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ ที่ออกแบบโดยวิพาสน์พร ศรีพุ่ม และกลุ่มเพื่อน สินค้าขายดีคือยาดมโฮเล่น หอมละมุนจากสมุนไพรไทย เมื่อได้ทดลองตลาดในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภายใต้หลักสูตร LEAD ทำให้มีการปรับเปลี่ยนสินค้าในรูปแบบ customize และ collaboration กับแบรนด์อื่น สินค้าถูกใจทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ มียอดขายเติบโตขึ้นมากกว่าสามเท่า และมีช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งออนไลน์และออนไซต์
COVE
เกิดจากความมุ่งมั่นของเอกพล วงศ์ภัทรกุล ในการพัฒนากระเป๋าและกระเป๋าเดินทางที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า ทันสมัย ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ หลังเข้าหลักสูตร LEAD ทำให้มีการวางแผนในการออกสินค้าใหม่อย่างเป็นระบบ มีความแม่นยำในการเลือกสินค้าใหม่มากขึ้น ทำให้สามารถเติบโตได้เกือบ 100% ภายใน 1 ปี
ถึงตรงนี้ หลายคนคงเกิดคำถามว่า หลักสูตร LEAD มีเคล็ดลับอะไร
ที่ทำให้ SMEs ก้าวข้ามขีดจำกัดกำแพงทางธุรกิจ มาเข้าสู่โหมดการเติบโตอย่างยั่งยืน
สังเกตไหมว่าทั้ง 5 แบรนด์ มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว
แต่อาจจะมองข้าม “จุดแข็ง” ที่สามารถเอามาต่อยอดไปสู่สินค้าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ
หลักสูตร LEAD เหมือนเป็นกระจกเงาที่สแกนจุดแข็ง
และก็จะมี “อาจารย์” หรือครูพี่เลี้ยง นำจุดแข็งนั้นมาเจียระไน เพื่อให้ธุรกิจก้าวข้ามผ่านขีดจำกัด และ Scale Up ให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ทีนี้ถ้าถามว่า แล้วเซ็นทรัลพัฒนา ได้อะไร..
คำตอบง่าย ๆ ด้วยการเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจศูนย์การค้าเมืองไทย ที่มี 39 แห่งทั่วประเทศ
และมีสถานะเป็น Place Maker หรือนักพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าพื้นที่ต่าง ๆ จนถึงเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด
การพัฒนา SMEs และผู้เช่าพื้นที่ให้มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง เติบโตไปพร้อม ๆ กับตัวเอง
ย่อมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจศูนย์การค้ายั่งยืน ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม นั่นเอง..
Reference
-บทสัมภาษณ์ 5 ผู้ประกอบการในโครงการหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 โดย ลงทุนแมน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon