สรุปประเด็นพูดคุย ผู้บริหารกองทุน MEGA10  ที่ปั้นกองทุนนอกได้ 2,000 ล้าน

สรุปประเด็นพูดคุย ผู้บริหารกองทุน MEGA10 ที่ปั้นกองทุนนอกได้ 2,000 ล้าน

สรุปประเด็นพูดคุย ผู้บริหารกองทุน MEGA10
ที่ปั้นกองทุนนอกได้ 2,000 ล้าน
เมื่อวานนี้ Nvidia หุ้นที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ จาก AI กลายมาเป็นบริษัทมูลค่ามากสุดในโลก แซงหน้า Microsoft และ Apple เป็นที่เรียบร้อย
หากพูดถึงกองทุนรวมที่ล้อไปกับธีมนี้ หนึ่งในนั้นก็จะมี MEGA10AI ที่เพิ่ง IPO เดือนเดียว ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วราว 10%
โพสต์นี้ จะเป็นสรุปประเด็นสำคัญ ๆ จากรายการ Talkลงทุนแมน ที่ได้พูดคุยกับคุณเด่น วีระพล สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน-ตราสารทุน บลจ.ทาลิส ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนของ Series MEGA10 ที่ปัจจุบันออกมาแล้ว 3 ธีมการลงทุน จะมีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง เราลองมาดูกัน
-เริ่มกันที่ ชวนคุยหุ้น Nvidia
บลจ. ทาลิส เห็นอะไรในธีม AI
ที่ตั้งใจออกกองทุน MEGA10AI เดือนที่แล้ว ?
คุณเด่นให้ความเห็นว่า เทรนด์ AI เป็นเทรนด์ใหญ่ของโลก ไม่ต่างอะไรไปจากช่วงที่สมาร์ตโฟนรุกตลาด และยุคเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต
คุณเด่นมอง AI และเป็นภาคต่อของทั้ง 2 ยุคนี้ และ AI จะใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อนำไปประมวลผล
สุดท้าย AI จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ผู้บริโภคจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น Apple ประกาศเปิดตัวชิป AI
มองว่า ณ จุดนี้ เป็นจุดเริ่มต้น เป็นจังหวะที่ดี ที่จะทำกองทุนขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
-ย้อนกลับไปพูดถึง 2 กองทุนแรก
คือ MEGA10 และ MEGA10CHINA
คุณเด่น เล่าให้ฟังว่า บลจ.ทาลิส มีนโยบายการลงทุนแบบ Fundamental Valuation คือบริษัทต้องมีพื้นฐานที่ดี มีระดับราคาที่เหมาะสม และเป็นบริษัทที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อไปได้
ทีนี้ พอมาถึงช่วงวิกฤติตลาดหุ้นสหรัฐตกต่ำ เมื่อ 2 ปีก่อน
ตรงนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ MEGA10 ตัวแรก
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา มีพื้นฐานที่ดี มี Competitive Advantage บวกกับราคา ที่อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว
-แล้วพอรู้แล้วว่าจะลงทุนหุ้นสหรัฐ
ทีนี้ มาดูกันว่า MEGA10 จะเลือกหุ้นอย่างไร ?
คุณเด่น เลือกใช้กลยุทธ์ Rule-based และการโฟกัสลงทุนเพียงหุ้น 10 บริษัท
โดยต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เป็นบริษัทที่รู้จักกันดี มีข้อมูลเข้าถึงได้
คุณเด่นให้เหตุผลว่าบริษัทที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ ไม่ได้มีมูลค่าใหญ่ได้โดยบังเอิญ แต่ละบริษัทมีความแข็งแกร่งในตัวเอง
จึงได้ข้อสรุปที่ว่า จะลงทุนในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ และต้องเป็นแบรนด์ที่ดี เป็น Global Brands ที่ผู้บริโภคยอมรับ
ได้ออกมาเป็นหุ้น 10 บริษัท ได้แก่ Microsoft, Apple, Alphabet, Amazon, Meta, Tesla, Visa, JPMorgan Chase, Mastercard และ P&G
โดยกองทุน จะมีการปรับพอร์ตและสัดส่วนใหม่ทุก ๆ 6 เดือน ตามแบรนด์ลิสต์ ตามมูลค่าบริษัท ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
-ทีนี้มาดูกลยุทธ์การลงทุนแบบ Rule-based กันบ้าง ซึ่ง MEGA10 นับเป็นกองทุนประเภท Semi-active ไม่ได้เป็น Passive และ Active ทำไมถึงเลือกวิธีนี้ แล้ววิธีนี้ดีอย่างไร ?
คุณเด่นบอกว่าหากพูดถึงเรื่องสไตล์การลงทุน เราก็จะต้องดูทั้งข้อดี ข้อเสีย
แบบแรก Passive คือการลงทุนล้อไปกับดัชนีอ้างอิง ความคาดหวังคือ สร้างผลตอบแทนเท่ากับตลาด
เหมาะกับนักลงทุน ที่เชื่อว่าเราไม่สามารถชนะตลาดได้ในระยะยาว เราจึงลงทุนล้อไปกับดัชนีเลยดีกว่า
สำหรับแบบ Active จะมีการซื้อขายบ่อยกว่า ปรับพอร์ตการลงทุนบ่อยกว่า ดังนั้นความคาดหวังคือชนะตลาด
แต่กองประเภทนี้ อาจจะมีความ Bias ผสมอยู่ด้วย เพราะผู้จัดการกองทุน เป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะลงทุนอะไร ลงทุนช่วงไหน
สำหรับ Semi-active เหมือนลูกผสมตรงกลาง ระหว่าง 2 ประเภท คือจะไม่มี Bias แบบ Active และเราสามารถออกแบบเกณฑ์เพื่อคัดหุ้นเฉพาะกลุ่ม
เพื่อที่นักลงทุนจะได้ไม่ต้องไปถือหุ้นทั้งหมดในดัชนีแบบ Passive ซึ่งในบางครั้งจะมีหุ้นบางตัว ที่มีคุณภาพไม่ดีแต่ติดมากับดัชนีด้วย
ต่อจาก Rule-based แล้ว สเต็ปต่อไปก็คือหุ้นทั้ง 10 ตัว จะลงทุนแบบน้ำหนัก เท่า ๆ กันด้วย คือ 10 ตัว ตัวละ 10%
ปัจจุบัน MEGA10 สร้างผลตอบแทนไปราว 70%
ชนะดัชนีอ้างอิง S&P500 ในช่วงเวลาเดียวกัน
-ขึ้นมาเยอะขนาดนี้แล้ว ยังน่าลงทุนไหม ?
คุณเด่นมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ยังเป็น Sweet Spot อาจจะมี Soft Landing บ้าง แต่โดยรวมเศรษฐกิจยังเติบโตดีอยู่
ต่อจากนี้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ขึ้นหวือหวา แต่หุ้นสหรัฐอเมริกาทำธุรกิจทั่วโลก มองว่ายังสามารถเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว
-มาต่อกันที MEGA10CHINA ทำไมถึงกล้าที่จะออกกองทุนหุ้นจีนในช่วงที่ตลาดดูแย่
ที่เป็นตลาดหุ้นจีน เพราะใหญ่รองลงมาจากสหรัฐฯ
บวกกับตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงมา 50% ถึง 70% แถมในเชิง Valuation ทั้งตลาดซื้อขายกันที่ P/E ยังไม่ถึง 10 เท่า
เลยมองว่าเหมาะกับการลงทุนระยะยาว และมีความได้เปรียบค่อนข้างสูง
คุณเด่นมองความตกต่ำตลาดหุ้นจีน มาจาก 3 สาเหตุสำคัญได้แก่
-การล็อกดาวน์ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
-การออกมาตรการความมั่งคั่งร่วมกันจากรัฐบาลจีนที่กระทบกับบางบริษัท
-ปัญหาหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์
ซึ่ง 3 เรื่องนี้เป็นปัจจัยที่ผ่านไปแล้ว และปัญหาหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็กำลังแก้ไข ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุน
ดังนั้นการคัดเลือกหุ้น จะมองไปที่บริษัท ที่มีแนวโน้มการเติบโตระยะยาว ลงทุนในหุ้นจีนที่มีขนาดใหญ่ 10 ตัว
โดยเกณฑ์การคัดเลือกจะมีความคล้ายกันกับ MEGA10 หุ้นสหรัฐ
แต่จะมีกฏเกณฑ์เพิ่มเติม เพราะมองว่าประเทศจีน มีความเสี่ยงเฉพาะ
-เลือกมองหา TOP BRAND ยอดนิยมของคนจีน
-เลือกลงทุนหุ้นจีน ที่จดอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพราะมองว่ามี Efficiency สูงกว่า
-ไม่เลือกหุ้นที่มีรัฐบาลเข้ามาถือหุ้น เป็นการลดความเสี่ยงจากมาตราการภาครัฐบาล ที่อาจมากระทบหุ้นได้
-กระจายความเสี่ยง โดยลงหุ้นไม่เกิน 4 ตัวต่ออุตสาหกรรม
ในขณะที่เกณฑ์การปรับพอร์ตจะเหมือนกับ MEGA10 คือปีละ 2 ครั้ง
-แล้วในระยะยาว ประเทศจีนยังไหวอยู่ไหม ?
เศรษฐกิจจีนใหญ่มาก ๆ แล้ว คาดหวังการเติบโตที่ 3-5% ยังมองว่าดีอยู่ จีนเป็นประเทศที่มีการเติบโตภายในประเทศเป็นหลัก เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา
อีกทั้งยังมีข้อดีหลายข้อ เช่น ประชากรที่มีคุณภาพ มีเทคโนโลยี และ มีทรัพยากรจำนวนมาก
-ถัดมาตัวล่าสุด กับ MEGA10AI
จะดูผิดกับ 2 กองทุนแรกที่ช่วงเวลาในการออกกองทุน เป็นช่วงที่ Valuation ราคาถูก แต่ MEGA10AI มาออกตอนที่ราคากำลังเพิ่มขึ้น
แล้วทำไม บลจ.ทาลิส ถึงออกกองทุน MEGA10AI ในช่วงนี้ ?
สาเหตุในการออกกองทุน MEGA10AI มองว่า AI เป็นเมกะเทรนด์ของโลก แถมยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกในระยะยาว
การขยายตัวของอุตสาหกรรม AI ยังไปได้อีก หากเข้าถึงคนทั่วไปมากขึ้น เพราะตอนนี้เข้าถึงเพียงระดับอุตสาหกรรมเท่านั้น
ยังลงไปไม่ถึงกลุ่ม Consumer จึงมองว่าการเติบโตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เป็นจุดเริ่มต้นของ S-Curve
นอกจากนั้นยังมีบริษัทอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก NVIDIA ที่ราคายังไม่ได้ขึ้นมาก เพิ่งเริ่มต้น ยังสามารถไปได้อีก เลยมองว่าน่าสนใจในการลงทุน ยังมีโอกาสในการลงทุนอีกมาก
แล้วหลักการเลือกหุ้นในกองทุน MEGA10AI
เลือกอย่างไร ?
ในช่วงเริ่มต้น มองที่ตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก เพราะว่ามีแบรนด์ และ เศรษฐกิจเปิด โดยมีเกณฑ์ Rule-based ได้แก่
-เป็นบริษัท ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ AI
-เป็นบริษัทขนาดใหญ่
-เป็นบริษัทที่มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สูง
เพราะมองว่าหากบริษัทไหน มีการใช้จ่าย (R&D) มาก จะมี Competitive Advantage ที่สามารถแข่งขันในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
สำหรับภาพในระยะยาว มองว่า AI เป็น New S-Curve ของโลก ที่ยังไปได้อีกไกล เช่น Apple ที่ได้ประกาศเรื่องชิป AI เมื่อไม่นานมานี้
ในอนาคตคงมีการออกอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI มาเพิ่มอีก
คำถามต่อไปคือ หากเราเปิดหุ้นทั้งหมด 10 ตัว ใน MEGA10 และ MEGA10AI มีหลายตัวที่ถือเหมือนกัน ในมุมผู้จัดการกองทุน จะทำความเข้าใจกับนักลงทุนในเรื่องนี้อย่างไร ?
คุณเด่นบอกว่ากองทุน MEGA10 และ MEGA10AI ลงทุนในหุ้นเหมือนกัน 5 บริษัท ไม่เหมือนกัน 5 บริษัท

สำหรับหุ้นที่แตกต่างกัน
-MEGA10 เป็นบริษัทที่มีแบรนด์ ใน 10 บริษัท จะมี 4 บริษัทที่ทำธุรกิจ Old Economy ทำธุรกิจสถาบันการเงิน ขายสินค้าอุปโภคบริโภค
-MEGA10AI จะเน้นไปที่บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับธีมเมกะเทรนด์ AI
และแม้ว่าทั้ง 2 กองทุนจะดูลงทุนคล้ายกัน
แต่ถ้านับเป็นสัดส่วนการลงทุน
หุ้นที่แตกต่างกัน 5 ตัว สัดส่วนจะแตกต่างกันถึง 50%
สัดส่วนนี้ถือเป็นสัดส่วนที่มาก สำหรับกองทุนอื่น ๆ ในธีมคล้ายกัน ส่วนใหญ่แล้ว จะถือหุ้นต่างกันเพียง 30% เท่านั้น
เมื่อถามว่าอะไรเป็นจุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์ MEGA10 ประสบความสำเร็จ ?
คุณเด่นมองว่าความสำเร็จ ของกองทุน MEGA10 ทั้ง 3 ธีม มาจาก
-การคัดสรรหุ้นเพียง 10 ตัว ทำให้โฟกัสการลงทุนได้มากขึ้น
-การเลือกธีมในการลงทุนที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลก
-ขอบเขตการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ทำให้สามารถติดตามข่าวสารหุ้นเหล่านี้ได้สม่ำเสมอ และมีความมั่นใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น จะสามารถจัดการได้อย่างมั่นใจ
โดยคอนเซปต์สำคัญของ MEGA10 เลย ก็คือต้องลงทุนหุ้นที่นักลงทุนรู้จัก และสบายใจที่จะลงทุน..
คำถามปิดท้ายก็คือ ถ้าคนสนใจลงทุนต่างประเทศ การลงทุนผ่านกองทุนรวมมีจุดเด่นอย่างไร
คุณเด่นให้มุมมองว่า การลงทุนผ่านกองทุนรวมมีข้อดีคือ
-มีทีมผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้ ติดตามการลงทุนให้

-ช่วยติดตามข้อมูลข่าวสารให้ โดยไม่ต้องเสียเวลา
-ค่าธรรมเนียมอยู่ในระดับเหมาะสม
-ไม่ต้องจัดการด้านการซื้อขายเอง ไม่ต้องจัดการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศเอง มีผู้จัดการกองทุนดูแลให้
-ไม่ต้องกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ ที่มีภาษีหุ้นนอก ซึ่งถ้าเราลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยตรงเองแล้วมีกำไร ตามกฎหมายใหม่เราจะต้องเสียภาษี แต่ถ้าลงทุนต่างประเทศผ่านกองทุนรวมจะไม่เสียภาษี
ซึ่งคุณเด่นปิดท้ายไว้ว่าในอนาคต จะมี MEGA10 ธีมใหม่ ๆ ออกมาอีก
และถ้าใครอยากลงทุนทั้ง 3 ธีม นักลงทุนสามารถเลือก MEGA10 แต่ละธีม ในการออกแบบพอร์ตได้ตามความสนใจของตนเอง
เช่นถ้าชอบหุ้นอเมริกา ผสมกับหุ้นจีน
ก็สามารถเลือก MEGA10 ผสมกับ MEGA10CHINA
เราก็จะได้ลงทุนในหุ้น 20 ตัวที่กระจายไปสหรัฐอเมริกา และจีน ตัวละ 5%
หรือถ้าชอมลงทุนแต่ในสหรัฐอเมริกา และชอมความผสมผสานกับหุ้นที่มีความเสถียร กับหุ้นเทคโนโลยี
ก็สามารถเลือก MEGA10 ผสมกับ MEGA10AI
เราก็จะได้ลงทุนในหุ้น 15 ตัว ที่เน้น 5 ตัวแรกที่อยู่ทั้งใน MEGA10 และ MEGA10AI ตัวละ 10% ส่วนอีก 10 ตัวที่เหลือก็จะกระจายไปหุ้น AI เฉพาะทาง และกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมที่มีความเสถียร ตัวละ 5%
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า บลจ.ทาลิส ได้วางแผนว่าจะออกซีรีส์ MEGA10 มาให้ครอบคลุม และ บลจ.ทาลิส มีความเชื่อว่านักลงทุนแต่ละคนมีธีมที่ชอบที่แตกต่างกัน
ซึ่ง บลจ.ทาลิส จะเน้นจุดเด่นของการใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนไม่ต้องเฝ้าติดตามการลงทุนด้วยตัวเอง และอาจใช้สิทธิ์ประโยชน์ทางด้านภาษีได้
โดยกองทุนรวมในซีรีส์ MEGA10 ที่เน้นโฟกัสแต่ละธีม ก็จะเป็นเครื่องมือในการทำ Asset Allocation เพื่อให้แต่ละคนสร้างพอร์ตการลงทุนที่ชื่นชอบของตัวเองได้..
-----
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน
กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ และ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Tag: MEGA10

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon