วิธีลากเส้นธุรกิจของ Samsung

วิธีลากเส้นธุรกิจของ Samsung

การทำธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการลากเส้น เพราะมันเป็นตัวเปลี่ยนเกม /โดย ลงทุนแมน
เรามาศึกษา วิธีลากเส้นธุรกิจของ Samsung ที่ทุกการลากเส้นของ Samsung ล้วนเปลี่ยนเกมให้บริษัทนี้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก
Samsung Electronics บริษัทนี้ใหญ่สุดในเกาหลีใต้ และมีขนาด 13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศเกาหลีใต้
ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบริษัทนี้ ยังย้อนกลับมาส่งผลต่อ สภาพเศรษฐกิจ สังคม รวมไปจนถึงการเมืองของประเทศเกาหลีใต้
จากบริษัทที่ไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย สู่มหาอำนาจในเกาหลีใต้ที่เป็นทั้งผู้นำในธุรกิจ สมาร์ตโฟน ชิปหน่วยความจำ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
จากจุดเริ่ม ขณะนั้น Samsung ไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้ตามด้านเทคโนโลยี ตามหลังสหรัฐอเมริกา ตามหลังญี่ปุ่น ธุรกิจที่ Samsung เริ่มต้นก็คือการขายปลาแห้ง ก๋วยเตี๋ยว ผักและผลไม้ ต่อมาก็ขายปุ๋ย และน้ำตาล
คำถามแรก ถ้าเราไม่มีความรู้จะทำธุรกิจนั้น แต่เราอยากทำธุรกิจนั้นมาก ๆ ถ้าเป็นเรา เราจะเริ่มอย่างไร ?
Samsung เริ่มจากการนำเข้า โดยทีวีเครื่องแรกของ Samsung คือการนำทีวี Sanyo จากญี่ปุ่น มาวางขายในตลาดเกาหลีใต้
รู้หรือไม่ว่าในพิพิธภัณฑ์ของ Samsung มีการจัดแสดงทีวีเครื่องแรกจาก Sanyo รวมไปถึงทีวี Sony ที่มีเทคโนโลยี Trinitron ที่เป็นสุดนวัตกรรมของทีวีจอสีในยุคแรก
ทีวีเครื่องแรกของ Samsung ที่ร่วมมือกับ Sanyo
การแสดงทีวีคู่แข่งในพิพิธภัณฑ์ของตัวเองเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิถีการทำธุรกิจของ Samsung นั่นก็คือการยอมรับคู่แข่งในตลาด ไม่มี Ego และเลือกเป็นพันธมิตรกับคู่แข่งหากทำแล้วมีประโยชน์..
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพในปัจจุบัน Samsung ก็เลือกเป็นเป็นพันธมิตรกับ iPhone โดยการจัดหาหน้าจอที่ดีที่สุดให้ iPhone ทั้งที่ตัวเองผลิตสมาร์ตโฟนระบบ Android
ดังนั้นถ้าใครคิดว่า Samsung ขายสินค้าแก่ผู้บริโภคทั่วไปเพียงอย่างเดียว อาจต้องทำความเข้าใจใหม่หมดเลย
ธุรกิจของ Samsung มีรายได้มาจากการขายผลิตภัณฑ์ให้คู่ค้าที่เป็นบริษัทและองค์กรด้วย ซึ่งเบื้องหลังหน้าจอมือถือ ชิปหน่วยความจำ ของแบรนด์ต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วมาจาก Samsung
จากจุดแรกที่เป็นทีวี Samsung ก็ลากเส้นธุรกิจต่อไป..
ย้อนกลับไปในช่วง ปี 1983 เวลานั้นธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ได้เริ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 6 ปี โดยมีสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเป็นผู้นำอีกเช่นเคย
เมื่อ Samsung เห็นว่าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์มีอนาคต จึงเลือกทางเดินนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นทางที่ยากลำบากและต้องใช้เงินทุนมหาศาลในช่วงแรก
โดย Samsung เริ่มจากการซื้อธุรกิจ Hankook Semiconductor ที่กำลังล้มละลาย และใช้วิธีเดิมคือ นำเข้าเทคโนโลยีผลิตชิปหน่วยความจำ จาก Micron บริษัทสหรัฐอเมริกา และ Sharp บริษัทญี่ปุ่น
ถ้าจะว่ากันแล้ว ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งที่เฟ้อสุดในโลก อาจไม่ใช่เงินตรา
แต่เป็นความต้องการประมวลผลของ CPU GPU และการต้องการความจำของ ชิปหน่วยความจำ..
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเลข กล้องถ่ายรูป หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ก็ต้องใช้ชิปหน่วยความจำทั้งนั้น
Samsung เลือกทางเดินได้ถูก และอยู่ในจุดที่โลกต้องการ
รู้ไหมว่า หนึ่งในผลิตภัณฑ์อนาคตที่ Samsung วาดฝันไว้ คืออะไร ?
คำตอบคือ การทำให้มนุษย์มีหน่วยความจำที่ไม่จำกัด จากการบันทึกทุกเหตุการณ์ทั้งชีวิต ด้วยคอนแทคเลนส์ของ Samsung ที่บันทึกภาพได้..
นี่คงเป็นจุดหนึ่ง ในอีกหลาย ๆ จุดที่ Samsung ได้เตรียมเอาไว้
วิธีการลากเส้นธุรกิจของ Samsung คือเตรียมหลาย ๆ จุดไว้
ถ้าโอกาสมา ก็ลากเส้นต่อจุด แล้วเกิดเป็นธุรกิจใหม่
ถ้ายังไม่พร้อม ก็เก็บจุดไว้ก่อน แล้วค่อยลากเมื่อพร้อม
อีกจุดหนึ่งที่ Samsung เตรียมไว้ และน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ Samsung ก้าวกระโดดไปอีกขั้นหนึ่งในช่วงเวลาอันใกล้นี้ก็คือ Samsung กำลังผนวก AI เข้ากับอุปกรณ์ทุกอย่างที่ Samsung มี และมันจะทำให้อุปกรณ์นั้นเปลี่ยนไปจากดั้งเดิมที่เราเคยรู้จัก
ไม่รู้ว่าบริษัทอื่นกำลังทำเหมือนกันไหม แต่ Samsung จะเริ่มทำสิ่งเหล่านี้
- หน้าจอบนตู้เย็นที่สามารถแสดงอาหารที่อยู่ในตู้เย็นได้ว่ามีอะไรบ้าง รวมไปถึงให้มันแสดงสูตรวิธีทำอาหาร หรือแม้แต่เล่นยูทูปบนหน้าจอตู้เย็นได้
- เตาอบที่แสดงสภาพอาหารที่อยู่ในเตาอบได้ว่าสุกแค่ไหน และอาหารนั้นต้องให้ความร้อนมันอย่างไร
- การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านทั้งหมดด้วยแอป SmartThings ที่บอกได้ด้วยว่าแต่ละเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นกำลังใช้ไฟฟ้ากี่กิโลวัตต์
- การเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างเข้ากับสมาร์ตโฟน และการผนวกสมาร์ตโฟนเข้ากับ Galaxy AI ซึ่งตอนนี้ Samsung เป็นพันธมิตรกับ Gemini ของ Google
ตู้เย็นมีหน้าจอแสดงอาหารที่อยู่ข้างใน: Samsung กำลังเอา AI มาใช้กับทุกเครื่องใช้ไฟฟ้า
เป็นเรื่องแปลกที่บริษัทอื่นส่วนมากก็จะทำแค่ปลายน้ำ หรือไม่ก็แค่ต้นน้ำ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ Samsung จะมีระบบนิเวศตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ
เริ่มจากการทำหน้าจอ ชิปหน่วยความจำ สมาร์ตโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง เครื่องซักผ้า แอร์ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น ตู้เย็น ทีวี
เรียกได้ว่าถึงไม่ได้ซื้อ สมาร์ตโฟน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าของ Samsung แต่ในอุปกรณ์นั้นก็จะมีชิ้นส่วนของ Samsung เป็นส่วนประกอบ
จริง ๆ แล้ว ในตลาดก็มีบริษัทที่ทำอย่าง Samsung แต่ทำไมบริษัทอื่น ๆ ทำไม่ได้ครอบคลุมเท่านี้
ถ้าให้คิดดูแล้ว คำตอบก็น่าจะเป็น “การยึดความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง”
Samsung เลือกที่จะไม่มีอารยธรรมของตัวเองเหมือนแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแบรนด์สมาร์ตโฟนบางราย
Samsung เลือกที่จะยืดหยุ่นทำตัวให้เข้ากับลูกค้า และคู่ค้า
iPhone ต้องการหน้าจอที่ดีที่สุด Samsung ก็ผลิตให้ โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคู่แข่ง
ล่าสุด Samsung จะทำเครื่องฟอกอากาศด้วยเทคโนโลยีที่ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองเลย ถึงแม้รู้ว่าจะเสียรายได้จากการขายไส้กรอง แต่ Samsung เลือกที่จะทำเพราะลูกค้าทุกรายไม่อยากซื้อไส้กรองใหม่
Samsung จะทำเครื่องฟอกอากาศด้วยเทคโนโลยีที่ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง
วิธีการทำธุรกิจแบบนี้บริษัทไทยน่าเรียนรู้ไว้เป็นกรณีศึกษา
การมีจุดเพื่อลากเส้นไปเรื่อย ๆ
การยึดลูกค้าและคู่ค้าเป็นที่ตั้ง เข้ากันได้กับทุกฝ่าย โดยปล่อยวาง Ego ของตัวเอง
แล้วเราคนไทย
ในวันนี้ เรามีจุดต่อไปให้ลาก เยอะขนาดไหน ?
ถ้ายังไม่มี เราคงต้องเริ่มสร้างจุดใหม่ ๆ
เพื่อไม่ให้วนไปมาที่จุดเดิม ๆ โดยไม่รู้เลย ว่าเส้นต่อไป จะลากอย่างไร..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon