เคล็ดลับความสำเร็จฉบับ MAGURO ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีรายได้กว่า 1,000 ล้าน ปั้นแบรนด์เข้าตลาดหุ้น

เคล็ดลับความสำเร็จฉบับ MAGURO ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีรายได้กว่า 1,000 ล้าน ปั้นแบรนด์เข้าตลาดหุ้น

MAGURO X ลงทุนแมน
ปัจจุบันมีร้านอาหารมากมายนับหมื่นร้าน และหนึ่งในประเภทร้านอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือร้านอาหารญี่ปุ่น ทำให้ในปัจจุบันประเทศไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นมากกว่า 5,000 ร้าน หลาย 1,000 แบรนด์ แต่จะมีสักกี่แบรนด์ที่สามารถสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจนสามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จในเวลาไม่ถึง 10 ปี เรากำลังพูดถึง “MAGURO” หรือ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม เจ้าของ 3 แบรนด์ดัง MAGURO, HITORI SHABU และ SSAMTHING TOGETHER ที่กำลังจะกลายเป็น IPO น้องใหม่ในเร็ว ๆ นี้
แล้วกลยุทธ์เบื้องหลังความสำเร็จของ MAGURO มีอะไรบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1.การขยายสาขาและช่องทางการให้บริการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Channel Expansion)

- มีการวิเคราะห์ศักยภาพทำเลอย่างลึกซึ้ง ทั้งการลงพื้นที่จริงรวมถึงการดูจากข้อมูล data ที่มี
- มีศักยภาพของฐานลูกค้าที่แข็งแรง และชื่อเสียงของแบรนด์ ที่อำนวยให้สามารถขยายสาขาไปได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ใน Shopping mall, community mall, specialty mall, หรือแม้แต่ Stand Alone เอง จึงไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาแต่การเปิดในห้างสรรพสินค้าเสมอไป
- ยังอยู่ในช่วงของ Growth period ในการขยายสาขาเพราะจำนวนสาขายังมีไม่มาก รวมถึงโอกาสในการขยายสาขาไปในพื่้นที่หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
2.การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามปรัชญา Give More (Research and Development with Give More Philosophy)
- บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแบรนด์ใหม่ สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
- มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมและการนำเสนอความสดใหม่ที่สร้างสรรค์ (Creativity) มีการพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่องให้หลากหลาย น่าตื่นเต้น ทันสมัย
- ลงทุนกับเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- หากลยุทธ์เพื่อควบคุมดูแลบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย
3. การมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์ (Distinctive Customer Experience)
- ควบคุมคุณภาพของวัตดุดิบ ความสด ความสะอาด และรสชาติของอาหาร
- ใช้ระบบ CRM ในการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายให้แก่ลูกค้าได้อย่างตรงจุด มอบประสบการณ์ให้ลูกค้าแบบครบครันทั้งหน้าตาและรสชาติอาหาร บรรยากาศการตกแต่งภายในร้านที่สวยงาม ทันสมัยและอบอุ่น
- สร้างบริการที่รู้ใจและใส่ใจแก่ลูกค้าภายใต้หลัก Give More
- สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ช่วยให้เกิด Talk of the town และกระแส Viral ใน Social Media
4. การหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อการเติบโต (Diversification for Growth
- มี Brand Portfolio ที่แข็งแกร่งในตลาดและได้รับความนิยม ที่เราสามารถเห็นได้จากความสำเร็จในการเปิดและขยายสาขาของ 2 แบรนด์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแบรนด์ HITORI SHABU ที่สามารถขยายมาถึง 6 สาขาได้ในเวลาไม่ถึง 2 ปี
- มองหาโอกาสทางธุรกิจและริเริ่มแบรนด์ร้านอาหารและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อลดการพึ่งพิงการสร้างรายได้ภายใต้แบรนด์ในแบรนด์หนึ่ง และเพื่อสร้างความสามารถในการช่วงชิงพื้นที่ในตลาดสำหรับโอกาสใหม่ๆในอนาคต
- มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากจำนวนสมาชิกที่อยู่ในระบบ (Membership Program) มากกว่า 150,000 คน
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้เองที่ทำให้ MAGURO สามารถฝ่าฟันกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างช่วง COVID-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือธุรกิจร้านอาหารที่ต้องปิดตัวไปตาม ๆ กัน จากมาตรการสั่งห้ามการนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่นั่นกลับไม่ใช่ทางตันสำหรับ MAGURO ที่แม้ขณะนั้นจะเพิ่งเปิดกิจการมาได้เพียงไม่กี่ปี แต่ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการเปิดช่องทางการจำหน่ายผ่านเดลิเวอรี่ภายใต้แบรนด์ MAGURO GO รวมถึงเปิดตัวแบรนด์ใหม่ SSAMTHING TOGETHER ปิ้งย่างเกาหลีพรีเมี่ยมในแบบ Delivery ในช่วง Lock Down และ เปิดสาขาแรกในปี 2564 จนกลายเป็นผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่ยังสามารถทำกำไรได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยในปี 2564 มีรายได้ 387.61 ล้านบาท และมีกำไร 9.57 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านเดลิเวอรี่จะเป็นวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามความท้าทายมาได้ แต่ธุรกิจของ MAGURO คงมาไม่ได้ไกลถึงขนาดนี้หากปราศจากกลยุทธ์หลักทั้ง 4 ด้านในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งเห็นได้ชัดจากผลประกอบการในช่วงที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ คือปี 2565 ที่มีรายได้ 665.85 ล้านบาท และมีกำไร 31.36 ล้านบาท รวมถึงปี 2566 ที่มีรายได้ 1,045.81 ล้านบาท และมีกำไร 72.48 ล้านบาท
โดยหากคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของรายได้รวม 64.26% และกำไรสุทธิสูงถึง 175.20% ในช่วงปี 2564-2566
ยิ่งไปกว่านั้น จากการปลุกปั้นแบรนด์ที่แข็งแกร่งทำให้ในวันนี้ MAGURO กำลังจะกลายเป็นน้องใหม่แห่งตลาดหลักทรัพย์ mai โดยเตรียมขาย IPO จำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 27.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายในไตรมาส 2 นี้
โดยภายหลังการระดมทุน MAGURO มีแพลนที่จะนำเงินไปขยายสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 11 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ “Give More” หรือ “การให้มากกว่าที่ขอ” ซึ่งเป็น DNA ที่สำคัญที่มัดใจลูกค้ามาแล้วกว่าแสนรายจากความใจถึงกับการส่งมอบทั้งความคุ้มค่า คุ้มราคา ให้กับลูกค้า อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างแข็งแกร่งคือแนวความคิดที่แตกต่างในด้านการเลือกทำเลที่ตั้งที่มุ่งเน้นไปยังพื้นที่ตามชานเมืองมากกว่าตามพื้นที่ยอดนิยม จะเป็นแรงส่งให้ MAGURO มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในเส้นทางสายนี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon