สรุปเส้นทาง พิชญ์ ผู้ขายกิจการ 3BB ให้ AIS 3 หมื่นล้าน

สรุปเส้นทาง พิชญ์ ผู้ขายกิจการ 3BB ให้ AIS 3 หมื่นล้าน

สรุปเส้นทาง พิชญ์ ผู้ขายกิจการ 3BB ให้ AIS 3 หมื่นล้าน /โดย ลงทุนแมน
สำหรับคนทั่วไปอาจไม่คุ้นหน้า แต่สำหรับในวงการตลาดทุนแล้ว
ชื่อ พิชญ์ โพธารามิก ทุกคนจะรู้จักกันดี
เพราะเขาคนนี้เป็นคนที่เข้าไปร่วมประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz จนดันราคาขึ้นไปถึง 75,654 ล้านบาท แล้วผลสุดท้ายกลับไม่มีเงินจ่าย จนต้องยอมให้ยึดเงินค้ำประกัน และให้ AIS มารับช่วงต่อที่ราคานี้ในปีถัดมา
เขาคนนี้เป็นคนที่ขายสินทรัพย์ของบริษัทเข้ากองทุน JASIF แล้วเอาเงินออกมาปันผลหลายหมื่นล้านบาท
ให้กับผู้ถือหุ้น JAS รวมถึงตัวเขาเองที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด
เขาคนนี้เป็นเจ้าของ JTS ที่บริษัทมีกำไรไม่เท่าไร แต่บอกว่าทำธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ จนดันบริษัท JTS ให้มีมูลค่าแสนล้านบาท
เขาคนนี้ได้ตัดสินใจขายกิจการ 3BB และส่วนที่ถือใน JASIF ให้ AIS รวมมูลค่า 32,420 ล้านบาท
และล่าสุด เขาก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดหุ้นไทย
ด้วยการให้บริษัท JAS ประกาศซื้อหุ้นคืน ในราคาละหุ้น 5 บาท สูงกว่าในราคาตลาด ซึ่งอยู่ที่ 2.86 บาท..
ทุกการเคลื่อนไหวของ พิชญ์ โพธารามิก น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
รู้ไหมว่าแต่เดิม บริษัท JAS มีความเกี่ยวข้องกับ TT&T ที่ในวันนั้นขอใบอนุญาตมาทำโทรศัพท์พื้นฐานแล้วเกิดปัญหา ทำไม่สำเร็จ
แต่สุดท้ายก็แตกบริษัทใหม่ออกมาชื่อ Triple T Broadband (สังเกตว่าชื่อคล้าย ๆ กัน) และต่อมา Triple T Broadband ก็ทำบรอดแบนด์ในชื่อ 3BB นั่นเอง ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีการฟ้องร้องกันวุ่นวาย เพราะ TT&T ตัวแม่เจ๊ง แต่ 3BB ตัวลูกกลับมีรายได้เติบโต และมีการเพิ่มทุนให้ JAS มาถือหุ้นใหญ่ในตัวลูก
และ 3BB นี้เองที่ทำให้บริษัทที่เป็นเจ้าของอย่าง JAS ฟื้นตัวเองจากบริษัทเล็ก ๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่ระดับหมื่นล้านบาท ซึ่ง JAS นี้เองก็เป็นต้นกำเนิดของนักลงทุนรายย่อยวีไอชื่อดังหลายคนในยุคสิบปีก่อนหน้านี้เช่นกัน
หลังจากนั้น JAS ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ในวงการโทรคมนาคม ว่าประมูลคลื่นความถี่ชนะแล้วชิ่งก็ได้
โดยในปี 2558 JAS ได้เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ ที่ตอนนั้นเรียกกันว่าประมูลคลื่น 4G ซึ่งในตอนนั้น JAS เป็นม้ามืดที่ไม่มีใครสนใจ คนมองแต่ว่า AIS, TRUE และ DTAC จะได้คลื่นไหนไป
สำหรับคลื่น 900 MHz ที่ถือว่าเป็นคลื่นแรง และจะทำให้คุณภาพสัญญาณดี มีการเคาะราคาประมูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประมูลกันยาวนานถึง 4 วัน คนประมูลไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผลออกมาว่า JAS ประมูลชนะที่ 75,654 ล้านบาท..
ถ้าใครยังจำกันได้ ในเวลานั้น หุ้นโทรคมนาคมทั้ง AIS, TRUE และ DTAC ร่วงกันระนาว
รวมถึงหุ้น JAS เองก็ร่วงด้วยเช่นกัน เพราะนักลงทุนต่างกลัวว่า JAS จะเอาเงินจากไหนมาจ่าย และถึงหาเงินได้ก็ต้องยอมเป็นหนี้มหาศาล
แต่พอเวลาผ่านไป JAS หาแหล่งเงินทุนไม่ได้ ก็เลยต้องยอมโดนยึดเงินค้ำประกัน จำนวน 644 ล้านบาท แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือ หุ้น JAS ที่ร่วงไป ก็เด้งกลับขึ้นมาราวกับว่า เหตุการณ์ที่ผันผวนแบบนี้มีคนวางแผนไว้แล้ว
เรื่องที่เด็ดต่อมาก็คือ JAS ก็ได้ใช้วิธีขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ชื่อว่า JASIF คำว่าสินทรัพย์ก็คือเส้นใยแก้วนำแสง หรือที่เราเรียกกันว่า Fiber Optic โดยมีการขายเข้ากองทุนเป็นรอบ ๆ ซึ่งล่าสุดมีทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงความยาวรวมกัน 1,680,500 คอร์กิโลเมตรเลยทีเดียว
พอ JAS ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ก็ได้เงินมาจ่ายปันผลอย่างหนักให้กับผู้ถือหุ้น JAS ซึ่งมี พิชญ์ โพธารามิก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด โดยถ้านับการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดรวมกันในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นได้เงินปันผลไปแล้วกว่า 42,914 ล้านบาท..
และต่อมา JAS ก็ได้ขายธุรกิจ 3BB ในมูลค่า 19,500 ล้านบาท และ JASIF (ในส่วนที่ JAS ถืออยู่) มูลค่า 12,920 ล้านบาท ให้กับ AIS ซึ่งรวมเป็นมูลค่า 32,420 ล้านบาท (ภายหลังมีการปรับลดมูลค่าธุรกรรมลงเหลือเป็น 28,371 ล้านบาท)
ด้วยมูลค่าเท่านี้เมื่อรวมกับเงินปันผลที่ผ่านมา ก็ทำให้ผู้ถือหุ้น JAS ได้รับเงินไปแล้วกว่า 72,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าถามว่า พิชญ์ โพธารามิก ตอนนี้มีทรัพย์สินมากขนาดไหน ? ก็เรียกได้ว่าเขาน่าจะเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และมีทรัพย์สินอยู่ในระดับหลายหมื่นล้านบาท
จากดีลนี้ ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นการวางมือจากธุรกิจโทรคมนาคม ที่คุณพิชญ์เองมีความเกี่ยวข้องมาตลอดเกือบทั้งชีวิต
หลังจากนั้น บางคนก็ได้ตั้งคำถามว่า คุณพิชญ์จะเอาเงินหลายหมื่นล้านบาทที่ว่านี้ ไปลงทุนอะไรต่อ ?
ซึ่งมันก็อาจจะเป็นการลงทุนด้วยวิธีที่ไม่ปกติธรรมดา เหมือนกับทั้งชีวิตที่เขาได้ทำมา ก็เป็นได้..
และวันนี้ สิ่งที่คุณพิชญ์ ตัดสินใจทำ ก็ไม่ค่อยเป็นเรื่องปกติจริง ๆ
เพราะ JAS ประกาศซื้อหุ้นคืน แพงกว่ามูลค่าที่ซื้อขายกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีราคา 2.86 บาท
แต่บริษัท เลือกซื้อหุ้นคืน ในราคา 5 บาท
โดยบริษัทใช้ราคาหุ้นย้อนหลัง 5 ปี สำหรับใช้พิจารณาทำแผนซื้อหุ้นคืน
ในขณะที่ปกติแล้ว บริษัททั่วไป มักจะใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ก่อนประกาศซื้อหุ้นคืน..
—----------------
อ่านโพสต์ สรุป หุ้น JAS ราคา 2.86 บาท แต่บริษัท ซื้อหุ้นคืน ราคา 5 บาท > https://www.blockdit.com/posts/66260525b28fa8340ad88596
คำเตือน: โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้แนะนำให้ซื้อหรือขาย แต่อย่างใด
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนตัดสินใจลงทุน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon