สรุปคลิป วิกฤติหุ้นจีน ของ ดร.นิเวศน์ แบบม้วนเดียวจบ สำหรับคนชอบอ่าน /โดย ลงทุนแมน
1. ดร.นิเวศน์ ยอมรับว่า ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยพูดถึงหุ้นจีนเป็นเรื่องเป็นราว เพิ่งมาพูดถึงครั้งแรกในบทความล่าสุด

โดยข้อความต่อไปนี้คัดลอกมาจากบทความดังกล่าว..

“จีนเองถึงจะมีปัญหามากในช่วงนี้ แต่ศักยภาพของคนสูงมาก และก็คงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ เหนือสิ่งอื่นใด เทคโนโลยีของจีนไม่แพ้ใครในโลก ถึงจุดหนึ่งก็อาจจะสามารถชดเชยจำนวนคนที่ลดลง ชดเชยอุปสรรคจากระบบการเมืองที่ไม่เอื้ออำนวย หรือไม่ระบบก็อาจจะเปลี่ยนกลับไปได้เสมอ และเมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง แม้ว่าจะชั่วคราว ดัชนีหุ้นจีนก็อาจจะวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทำกำไรให้กับนักลงทุน “ผู้กล้า” ได้อย่างงดงามได้” - ดร.นิเวศน์

เมื่อ ดร.นิเวศน์ เขียนบทความนี้เสร็จไม่กี่วัน ทางการจีนก็ประกาศมาตรการพยุงตลาดหุ้น 10 ล้านล้าน และทำให้หุ้นจีน ฮ่องกง ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

2. ดร.นิเวศน์ เอง ยอมรับว่า ตัวเองก็ยังไม่ได้เข้าไปซื้อหุ้นจีน เพียงแค่คิดแล้วเขียนออกมา นึกไม่ถึงว่าจะขึ้นเร็วทันทีหลังจากเขียน ปกติ ดร.นิเวศน์บอกว่าจะเป็นคนเคลื่อนไหวช้าอยู่แล้ว และไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็มีโอกาสที่จะเข้าซื้ออีกทีในตอนที่หุ้นจีนตกลงมาใหม่ ดร.นิเวศน์ เชื่อว่าหุ้นจีนจะไม่ได้ขึ้นไปแบบรวดเร็ว จนไม่มีโอกาสซื้อ และมันอาจจะกลับลงไปต่ำกว่าเดิมก็ได้

3. คุณเจษฎา จาก Finnomena ให้ข้อมูลว่า P/E ของตลาดอยู่ในระดับต่ำ 7 เท่า เป็นช่วงที่หาได้ยาก หุ้น Tencent เคยซื้อขายกันที่ P/E 50 เท่า และเคยมีมูลค่ามากกว่า Meta ตอนนี้เหลือเพียง 13 เท่า มูลค่าลดลงมามาก ทั้งที่แบรนด์จีนเหล่านี้ยังมีคนใช้อยู่ทั่วโลก อย่างแบรนด์ Xiaomi คนไทยก็ยังใช้กันอยู่ทุกบ้าน

4. ดร.นิเวศน์เห็นตรงกันว่า จีนมีหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จที่มีคนภายในประเทศจีนใช้ และ ขายให้คนทั่วโลกได้ เช่น รถ BYD กำลังชนะในหลายประเทศ ต่อให้ถูกกีดกันอย่างไร ในที่สุดก็จะกันไม่ได้

5. ดร.นิเวศน์เชื่อมั่นอย่างมากว่าถ้าซื้อ หุ้นจีน ในระดับราคาแบบนี้ ใน 5-10 ปี ผลตอบแทนใช้ได้แน่นอน อย่างไรก็ตามระยะสั้น 6 เดือน ดร.นิเวศน์ไม่มั่นใจ อาจจะลบไปอีก 10% ก็ได้ คนซื้อตอนนี้ต้องยอมรับให้ได้ว่าระยะสั้นก็มีโอกาสขาดทุนเยอะได้เหมือนกัน แต่ราคานี้ไม่ใช่ซื้อไม่ได้ ถ้าใครรอไม่ไหวก็เข้าได้เลย แต่ต้องรับได้ถ้าหากมีการขาดทุนในระยะสั้น

6. พอร์ตการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ หลังมีภาษีหุ้นต่างประเทศ ก็คือการคิดว่าจะกระจายพอร์ตแบบ Semi-Active คือไม่ซื้อทั้ง Index แต่จะเลือกบางตัว เช่น เลือก Super Stock ของตลาดประเทศนั้น 10 ตัว ซึ่ง ดร.นิเวศน์ สนใจทั้งประเทศเวียดนาม จีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา หรือเรียกได้ว่าทั้งโลก

7. ดร.นิเวศน์ มีการจัดตั้งบริษัทมาเพื่อลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะ เพราะภาษีบุคคลธรรมดาจะเป็นขั้นบันไดสูงสุดที่ 35% แต่สำหรับนิติบุคคลจะสูงสุดที่ 20% (ดร.นิเวศน์เคยเขียนในบทความหลายครั้งว่า อัตราภาษีที่ 35% ที่คิดจากกำไรของการลงลงทุน เป็นสิ่งที่มากเกินไป)

8. ดร.นิเวศน์ มองหากองทุนรวม หรือ DR ที่ตอบโจทย์การลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะกองทุนรวม กับ DR จะไม่มีภาระภาษีหุ้นต่างประเทศ ซึ่งช่วงนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะลงในรูปแบบไหน

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ดร.นิเวศน์ กล่าวว่า ตอนนี้มีหุ้นไทยประมาณครึ่งหนึ่งของพอร์ต ดร.นิเวศน์ตั้งใจลดสัดส่วนหุ้นไทย ให้เหลือไม่เกิน 25%..

คนอยากดูคลิปเต็ม ลิงก์นี้ https://youtu.be/XPZqF8UFPTQ?si=OXFRJRdzD4a5nSJC