รู้จัก Krungsri Investment Intelligence พร้อมเปิดมุมมองการลงทุนปี 2024
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา x ลงทุนแมน
โลกการลงทุนกำลังเปลี่ยนแปลงไป เพราะสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มไม่เหมือนแต่ก่อน
ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ที่แตะถึง 5.25-5.50% รวมไปถึงสถานการณ์ตลาดที่มีความผันผวนสูง
ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ที่แตะถึง 5.25-5.50% รวมไปถึงสถานการณ์ตลาดที่มีความผันผวนสูง
นักลงทุนจึงจำเป็นต้องอาศัยตัวช่วยอย่าง “บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน” มาตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ
อย่างทีม Krungsri Investment Intelligence ที่ช่วยดูแลต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้า Wealth ของกรุงศรี พร้อมเปิดมุมมองการลงทุนในปี 2024
อย่างทีม Krungsri Investment Intelligence ที่ช่วยดูแลต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้า Wealth ของกรุงศรี พร้อมเปิดมุมมองการลงทุนในปี 2024
ลงทุนแมนจะสรุปเรื่องนี้ให้ฟัง..
Krungsri Investment Intelligence คือทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ที่ทำหน้าที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูล ข่าวสาร และมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศจาก Krungsri Group รวมถึงพันธมิตรระดับโลก ได้แก่
- ทีมวิจัยกรุงศรี ที่เชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจมหภาค ภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ
- ทีมงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ที่มีฐานข้อมูลและความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องการเคลื่อนไหวของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย
- ทีมงานจาก บลจ.กรุงศรี บล.กรุงศรี และบล.กรุงศรี พัฒนสิน
- BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ทีมงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ที่มีฐานข้อมูลและความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องการเคลื่อนไหวของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย
- ทีมงานจาก บลจ.กรุงศรี บล.กรุงศรี และบล.กรุงศรี พัฒนสิน
- BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกันในการวิเคราะห์สถานการณ์และสร้างองค์ความรู้
เพื่อส่งมอบมุมมองและคำแนะนำด้านการลงทุนทั้งในประเทศและตลาดโลก ที่มีคุณภาพอย่างรอบด้านที่สุด (ONE Krungsri Investment View)
เพื่อส่งมอบมุมมองและคำแนะนำด้านการลงทุนทั้งในประเทศและตลาดโลก ที่มีคุณภาพอย่างรอบด้านที่สุด (ONE Krungsri Investment View)
และสร้างกลยุทธ์ในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ตามเป้าหมายที่ต้องการ
ไล่เรียงตั้งแต่กลุ่มที่เพิ่งเริ่มลงทุนไปจนถึง กลุ่มที่ลงทุนขั้นสูงที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึก และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความซับซ้อน
ไล่เรียงตั้งแต่กลุ่มที่เพิ่งเริ่มลงทุนไปจนถึง กลุ่มที่ลงทุนขั้นสูงที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึก และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความซับซ้อน
เช่น การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด, หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือแม้แต่การบริหารกองทุนส่วนบุคคลที่นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการลงทุนได้
รวมถึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที
แล้วผลลัพธ์ที่การันตีคุณภาพทีม Krungsri Investment Intelligence เป็นอย่างไร ?
ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทีม Krungsri Investment Intelligence เริ่มให้คำแนะนำการลงทุนใน Flagship Funds
โดยคัดสรรจากกองทุนที่มีให้เลือกลงทุนกว่า 200 กองทุนจาก 10 บลจ. ชั้นนำ เหลือเพียง 5 กองทุนที่บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มีผลการดำเนินงานโดดเด่น และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในทุกภาวะตลาด
ซึ่งแม้ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวน ทั้งจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED และการปิดกิจการของหลายธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ทั้ง 5 กองทุนนี้ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกดังนี้ กองทุน KF-CSINCOM ให้ผลตอบแทน +3.56% กองทุน KFCORE ให้ผลตอบแทน +3.22% กองทุน KFGBARND ให้ผลตอบแทน +10.65% กองทุน KFESG ให้ผลตอบแทน +9.24% และกองทุน K-CHANGE ให้ผลตอบแทน +4.30% (ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี สิ้นสุดวันที่ 28 ธ.ค. 2566)
รวมถึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที
แล้วผลลัพธ์ที่การันตีคุณภาพทีม Krungsri Investment Intelligence เป็นอย่างไร ?
ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทีม Krungsri Investment Intelligence เริ่มให้คำแนะนำการลงทุนใน Flagship Funds
โดยคัดสรรจากกองทุนที่มีให้เลือกลงทุนกว่า 200 กองทุนจาก 10 บลจ. ชั้นนำ เหลือเพียง 5 กองทุนที่บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มีผลการดำเนินงานโดดเด่น และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในทุกภาวะตลาด
ซึ่งแม้ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวน ทั้งจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED และการปิดกิจการของหลายธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ทั้ง 5 กองทุนนี้ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกดังนี้ กองทุน KF-CSINCOM ให้ผลตอบแทน +3.56% กองทุน KFCORE ให้ผลตอบแทน +3.22% กองทุน KFGBARND ให้ผลตอบแทน +10.65% กองทุน KFESG ให้ผลตอบแทน +9.24% และกองทุน K-CHANGE ให้ผลตอบแทน +4.30% (ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี สิ้นสุดวันที่ 28 ธ.ค. 2566)
และยังสามารถคว้า 3 รางวัลด้านการลงทุน จากเวทีระดับสากล ได้แก่
- Best Private Equity Offering จากเวที The Global Private Banking Innovation Awards 2023
- Best Investment and Fund Advisory-Thailand จากเวที Citywire ASEAN Awards 2022/2023
- Top 25 ASEAN Selectors จากเวที Citywire ASEAN Awards 2022/2023 รางวัลที่คุณวิน พรหมแพทย์ แม่ทัพทีม Krungsri Investment Intelligence ได้รับในนามบุคคล
ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญ ในบทบาทที่ปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงศักยภาพในการพัฒนาและคัดสรรผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
แล้ว Krungsri Investment Intelligence มองสถานการณ์การลงทุนในปี 2024 เป็นอย่างไร ?
ทีม Krungsri Investment Intelligence มองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัวในรูปแบบ Soft Landing และ FED มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์
ซึ่งสินทรัพย์น่าลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
1. ตราสารหนี้โลก
เพราะขณะนี้อัตราผลตอบแทน อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 20 ปี
ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ มีความน่าสนใจมากนั่นเอง
ตัวอย่างกองทุนรวมตราสารหนี้ที่น่าสนใจ คือ KF-CSINCOM
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก และบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก PIMCO
โดยปัจจุบันให้ผลตอบแทนคาดหวังสูงถึง 7-8%
ทำให้การลงทุนตราสารหนี้โลก มีโอกาสรับผลตอบแทน 2 ต่อ หากถือลงทุนตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป
ต่อที่ 1 คือ โอกาสรับดอกเบี้ยสูงในระดับ 7-8%
ต่อที่ 2 คือ โอกาสรับกำไรส่วนต่างราคา หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง
2. ตราสารทุนโลก
เพราะจากสถิติย้อนหลัง 40 ปี พบว่า เมื่อ FED ปรับดอกเบี้ยนโยบายถึงจุดสูงสุดแล้ว
ตลาดหุ้นมักจะมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก
ซึ่งหนึ่งในกองทุนรวมหุ้นที่กรุงศรีแนะนำ คือ KFGBRAND
กองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพดี แข็งแกร่ง และทนทานในทุกสภาพตลาด
3. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เพราะกรุงศรีคาดการณ์ว่า หุ้นกลุ่มนี้จะยังมีกำไรเติบโตได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
และน่าจะฟื้นตัวได้ดีในภาวะดอกเบี้ยขาลง
โดยกองทุนที่กรุงศรียกตัวอย่าง คือ KFHTECH ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เช่น Microsoft, Apple, NVIDIA และ Alphabet
ที่น่าสนใจคือ กองทุนหลักของ KFHTECH ยังบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก BlackRock อีกด้วย
4. หุ้นยุโรป
ที่ถึงแม้เศรษฐกิจยุโรป อาจจะไม่ได้เติบโตเหมือนในอดีตแล้ว
แต่ด้วยราคาที่ซื้อขายลงมาถึง -2 SD ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงต่ำ
5. หุ้นญี่ปุ่น
เพราะได้รับประโยชน์ จากการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลที่ผลักดันโดยทางการ
ส่งเสริมให้ลดการถือหุ้นไขว้ รวมถึงให้จ่ายกำไรสะสมออกมาเป็นเงินปันผลมากขึ้น
โดยแนะนำให้จัดพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio แบ่งเป็น
- Core Portfolio ประมาณ 80% โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ อย่างพันธบัตร หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก โดยกระจายอยู่หลากหลายประเทศ เช่น กองทุน KFGBRAND และ KF-CSINCOM
และต้องเป็นการลงทุนระยะยาว โดยมีระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 5-7 ปีขึ้นไป
- Satellite Portfolio ประมาณ 20% โดยเน้นลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนดีในระยะสั้น เช่น กองทุน KFHTECH และ KFHEUROP
ที่สำคัญคือ แต่ละกองทุน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของพอร์ต
และเมื่อรวมกัน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 20% ของพอร์ตทั้งหมด
และนี่คือกลยุทธ์การลงทุนที่ Krungsri Investment Intelligence แนะนำในปี 2024
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาทั่วประเทศ
หรือศึกษารายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com หรือ LINE: @krungsriexclusive
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนการตัดสินใจลงทุน
Reference:
-ข่าวประชาสัมพันธ์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- Best Private Equity Offering จากเวที The Global Private Banking Innovation Awards 2023
- Best Investment and Fund Advisory-Thailand จากเวที Citywire ASEAN Awards 2022/2023
- Top 25 ASEAN Selectors จากเวที Citywire ASEAN Awards 2022/2023 รางวัลที่คุณวิน พรหมแพทย์ แม่ทัพทีม Krungsri Investment Intelligence ได้รับในนามบุคคล
ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญ ในบทบาทที่ปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงศักยภาพในการพัฒนาและคัดสรรผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
แล้ว Krungsri Investment Intelligence มองสถานการณ์การลงทุนในปี 2024 เป็นอย่างไร ?
ทีม Krungsri Investment Intelligence มองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัวในรูปแบบ Soft Landing และ FED มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์
ซึ่งสินทรัพย์น่าลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
1. ตราสารหนี้โลก
เพราะขณะนี้อัตราผลตอบแทน อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 20 ปี
ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ มีความน่าสนใจมากนั่นเอง
ตัวอย่างกองทุนรวมตราสารหนี้ที่น่าสนใจ คือ KF-CSINCOM
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก และบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก PIMCO
โดยปัจจุบันให้ผลตอบแทนคาดหวังสูงถึง 7-8%
ทำให้การลงทุนตราสารหนี้โลก มีโอกาสรับผลตอบแทน 2 ต่อ หากถือลงทุนตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป
ต่อที่ 1 คือ โอกาสรับดอกเบี้ยสูงในระดับ 7-8%
ต่อที่ 2 คือ โอกาสรับกำไรส่วนต่างราคา หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง
2. ตราสารทุนโลก
เพราะจากสถิติย้อนหลัง 40 ปี พบว่า เมื่อ FED ปรับดอกเบี้ยนโยบายถึงจุดสูงสุดแล้ว
ตลาดหุ้นมักจะมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก
ซึ่งหนึ่งในกองทุนรวมหุ้นที่กรุงศรีแนะนำ คือ KFGBRAND
กองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพดี แข็งแกร่ง และทนทานในทุกสภาพตลาด
3. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เพราะกรุงศรีคาดการณ์ว่า หุ้นกลุ่มนี้จะยังมีกำไรเติบโตได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
และน่าจะฟื้นตัวได้ดีในภาวะดอกเบี้ยขาลง
โดยกองทุนที่กรุงศรียกตัวอย่าง คือ KFHTECH ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เช่น Microsoft, Apple, NVIDIA และ Alphabet
ที่น่าสนใจคือ กองทุนหลักของ KFHTECH ยังบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก BlackRock อีกด้วย
4. หุ้นยุโรป
ที่ถึงแม้เศรษฐกิจยุโรป อาจจะไม่ได้เติบโตเหมือนในอดีตแล้ว
แต่ด้วยราคาที่ซื้อขายลงมาถึง -2 SD ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงต่ำ
5. หุ้นญี่ปุ่น
เพราะได้รับประโยชน์ จากการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลที่ผลักดันโดยทางการ
ส่งเสริมให้ลดการถือหุ้นไขว้ รวมถึงให้จ่ายกำไรสะสมออกมาเป็นเงินปันผลมากขึ้น
โดยแนะนำให้จัดพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio แบ่งเป็น
- Core Portfolio ประมาณ 80% โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ อย่างพันธบัตร หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก โดยกระจายอยู่หลากหลายประเทศ เช่น กองทุน KFGBRAND และ KF-CSINCOM
และต้องเป็นการลงทุนระยะยาว โดยมีระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 5-7 ปีขึ้นไป
- Satellite Portfolio ประมาณ 20% โดยเน้นลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนดีในระยะสั้น เช่น กองทุน KFHTECH และ KFHEUROP
ที่สำคัญคือ แต่ละกองทุน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของพอร์ต
และเมื่อรวมกัน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 20% ของพอร์ตทั้งหมด
และนี่คือกลยุทธ์การลงทุนที่ Krungsri Investment Intelligence แนะนำในปี 2024
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาทั่วประเทศ
หรือศึกษารายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com หรือ LINE: @krungsriexclusive
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนการตัดสินใจลงทุน
Reference:
-ข่าวประชาสัมพันธ์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา