เจาะลึกธุรกิจ JASPAL GROUP เจ้าของแบรนด์สินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำ พร้อมลุยตลาดต่างประเทศเต็มตัว
JPC x ลงทุนแมน
เมื่อพูดถึงโลกของการทำธุรกิจ หลายบริษัทอาจพึ่งพิงการขายสินค้าหรือบริการจากแบรนด์เดียว ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ต้องเผชิญ
แต่ถ้าบริษัทมีแบรนด์ที่หลากหลาย ก็ทำให้มีโอกาสทำรายได้จากหลายช่องทางมากขึ้น ซึ่งการมีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย เป็นตัวชี้วัดได้ว่า บริษัทมีประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และกระจายรายได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือ ผลประกอบการอาจไม่ค่อยผันผวน เพราะมีตัวเลือกในการแก้เกมธุรกิจอยู่หลายช่องทาง
ซึ่ง บมจ. ยัสปาล หรือ JASPAL GROUP หรือ JPC ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 75 ปี ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ มีแบรนด์ภายใต้การดูแลกว่า 27 แบรนด์ มีสินค้าทั้งหมด 148,750 SKUs (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566)
เพราะอะไร JASPAL GROUP ถึงมีแบรนด์ในพอร์ตมากขนาดนี้?
อะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทบริหารจัดการได้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
อะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทบริหารจัดการได้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
JASPAL GROUP ทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์เป็นหลัก ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน ทั้งด้านคอนเซปต์ การออกแบบ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้มีสินค้าออกมาที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและรสนิยมของผู้บริโภค
ปัจจุบัน JASPAL GROUP ดำเนินกิจการผ่าน 2 ธุรกิจหลัก คือ
- ธุรกิจแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยมีแบรนด์ที่เป็นเจ้าของ (In-house Brand) จำนวน 10 แบรนด์ และที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย (Import Brand) อีก 11 แบรนด์ คิดเป็นสัดส่วน 85% ของรายได้จากการขาย ตัวอย่างแบรนด์แฟชั่นที่คุ้นเคย เช่น JASPAL, CC DOUBLE O, CPS CHAPS, LYN, lyn around มีสาขาหน้าร้านทั้งภายในและต่างประเทศจำนวน 475 สาขา รวมถึงเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ (Marketplace)
- ธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน มี In-house Brand จำนวน 3 แบรนด์ คือ SANTAS, SANTAS HOME และ STEVENS และ Import Brand จำนวน 3 แบรนด์ คือ Sealy, TEMPUR และ ETHAN ALLEN คิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้จากการขาย มีช่องทางจำหน่ายหลัก 3 ช่องทาง ได้แก่ สาขาหน้าร้านจำนวน 502 สาขาทั่วประเทศไทย, การขายงานโครงการ (Project Sales) และการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ
ก้าวสำคัญที่ทำให้ JASPAL GROUP ยกระดับสู่การเป็นผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับภูมิภาค อยู่ที่โมเดลธุรกิจที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคหลายกลุ่ม รวมถึงการบริหารแบรนด์ในเครือให้โดดเด่นและแตกต่าง แม้อยู่ในตลาดที่มีผู้เล่นหลายราย (Fragmented Market) โดยใช้ความเชี่ยวชาญ 3 ด้าน คือ
1. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในระดับนานาชาติ โดยเลือกคนดังระดับโลกทั้ง ซูปเปอร์โมเดล นักร้อง นักแสดง มาเป็นพรีเซนเตอร์ และทำ Brand Collaboration ร่วมกับดีไซเนอร์ระดับโลก เพื่อออกสินค้าคอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
2. เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม มีการศึกษากลุ่มลูกค้า เก็บข้อมูลและทำวิจัย โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ เช่น ระบบ Customer Relationship Management (CRM) รวบรวมข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าสมาชิก และระบบ Product Lifecycle Management (PLM) เพิ่มประสิทธิภาพของฝ่ายจัดซื้อให้มีการตัดสินใจที่แม่นยำมากขึ้น
3. เชี่ยวชาญด้านการบริหาร โดยสามารถรักษาอัตรากำไรได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง ณ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 50.8% ใกล้เคียงกับอัตรากำไรขั้นต้นของแบรนด์แฟชั่นระดับโลก
ด้านผลประกอบการที่ผ่านมาของ บมจ. ยัสปาล
ปี 2563 รายได้ 8,874 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 9,000 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 11,680 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 9,000 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 11,680 ล้านบาท
ครึงปีแรก ปี 2565 รายได้ 5,547 ล้านบาท
ครึงปีแรก ปี 2566 รายได้ 6,116 ล้านบาท
ครึงปีแรก ปี 2566 รายได้ 6,116 ล้านบาท
สเต็ปต่อไปของ JASPAL GROUP คือการก้าวสู่ตลาดระดับภูมิภาคอย่างเต็มตัว ด้วยการขยายสาขาไปยังพื้นที่ศักยภาพอย่างศูนย์การค้าชั้นนำ ซึ่งจะมีการวิเคราะห์สถิติยอดขาย ความหนาแน่น และรายได้ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อคัดเลือกแบรนด์ให้เหมาะกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่นั้น ๆ
นอกจากนี้ JASPAL GROUP มีแผนขยายสาขาในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศที่มีการดำเนินงานอยู่แล้ว อย่างเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา และขยายสาขาไปยังประเทศใหม่ในภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อสูง เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะช่องทางการขายออนไลน์ให้ครอบคลุมลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสและรายได้ที่มากขึ้น
จากความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจและการวางกลยุทธ์อย่างชัดเจน ทำให้ JASPAL GROUP เป็นหนึ่งในบริษัทสัญชาติไทยที่พร้อมจะเฉิดฉายในตลาดระดับภูมิภาค และเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากทีเดียว