เจาะเบื้องหลัง ดีลประวัติศาสตร์ “CKP x BEM” รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสีม่วง เตรียมใช้พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์
CKPower X ลงทุนแมน

ระบบโดยสารของเมืองไทยในอดีต แตกต่างจากวันนี้อย่างไร สิ่งที่เห็นชัดที่สุดคือ การเปลี่ยนถ่ายพลังงานจาก “น้ำมัน” มาสู่ “พลังงานไฟฟ้า”

เมื่อเราได้เห็นรถส่วนตัวเป็น EV Car รถเมล์ไฟฟ้าวิ่งบนถนน หรือแม้แต่โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ที่เราคุ้นชินมาหลายสิบปี

แต่การขับเคลื่อนบรรดารถไฟฟ้าเหล่านี้ “พลังงานไฟฟ้า” ที่ได้มานั้น น่าจะมาจากเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และถ่านหิน ตัวการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งหมายความว่า รถพลังงานไฟฟ้าเหล่านี้ ยังไม่ใช่รถพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง

จนมาถึงปรากฏการณ์ล่าสุดเมื่อ รถไฟฟ้ามหานคร ประกาศว่า รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ที่มีระยะทางรวมกันกว่า 71 กิโลเมตร ให้บริการผ่าน 54 สถานี ทั่วกรุงเทพฯ เตรียมใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ขับบริการผู้โดยสาร

เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมา รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอื่น ๆ ยังไม่มีใครใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตมาจากแสงอาทิตย์

เบื้องหลังเรื่องนี้เกิดจากดีลความร่วมมือระหว่าง บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM

ดีลนี้จะจุดประกายการใช้ พลังงานหมุนเวียน ผ่านระบบขนส่งเมืองไทย ได้ดีแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

BEM คือบริษัทที่ทำธุรกิจทางด่วนต่าง ๆ และรถไฟฟ้า MRT
ส่วน บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า

ความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่ CKP ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ Transform ตัวเอง และเป็นผู้บุกเบิกพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,627 เมกะวัตต์ โดย 93% มาจาก พลังงานสะอาด

พูดง่าย ๆ CKP เป็นหนึ่งในผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค ด้วยองค์ความรู้เฉพาะทางที่ครบวงจร และอย่างที่รู้ว่า ธุรกิจนี้เป็น เมกะเทรนด์ ของโลก หลายประเทศเริ่มมีนโยบายใช้พลังงานหมุนเวียน มาทดแทนพลังงานรูปแบบเก่า

ทำให้การตกลงร่วมมือกับ BEM ที่นำกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงอาทิตย์ มาใช้เดินรถไฟฟ้า MRT สายสีนำเงินและสายสีม่วงครั้งแรกในเมืองไทย ในสัญญาร่วมมือนาน 25 ปี

นอกจากเหตุผลเรื่องรายได้ที่จะเติบโตในอนาคต เพราะบริษัทจะผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนระบบรถไฟใต้ดิน MRT ปริมาณมหาศาลถึง 452 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง คิดเป็น 12% ของไฟฟ้า ที่ประเมินว่ารถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินกับสีม่วงต้องใช้รวมกันทั้งหมดแล้วนั้น

อีกเหตุผลสำคัญคือ การทำให้ พลังงานหมุนเวียน เข้ามาอยู่ใกล้ตัวชีวิตคนไทยมากขึ้น

ทีนี้เรามาดูรายละเอียดเชิงลึก ในดีลความร่วมมือนี้

CKP จะใช้พื้นที่กว่า 106,000 ตารางเมตร ผ่านพื้นที่ 6 จุด เช่น หลังคาศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า, อาคารที่จอดรถ เพื่อรับพลังงานแสงอาทิตย์ จากนั้นจึงนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีม่วง

โดยจะมีพนักงานที่มีความรู้ด้านนี้ครบวงจร เช่น ด้านออกแบบวิศวกรรม, ติดตั้งและก่อสร้างระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, ดูแลการจ่ายไฟและบำรุงรักษา เป็นต้น

คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างระบบต่าง ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 และจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับรถไฟฟ้าทั้งสายสีน้ำเงินและสีม่วง ในเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน และจะทยอยส่งมอบงานเต็มระบบในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568

หากทุกอย่างสำเร็จ จะทำให้การเดินรถไฟฟ้า MRT ทั้งสองสายนี้ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และยังช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้แก่ BEM ได้อย่างมหาศาล

ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ถึงเวลาแล้วที่โลกต้อง Transform ตัวเอง ด้วยพลังงานสะอาดที่จะค่อย ๆ มาทดแทนพลังงานรูปแบบเก่าต่าง ๆ

เมื่อโลกกำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งพลังงานเก่า ๆ ที่ใช้กันมานานหลายร้อยปี ก็เริ่มลดน้อยลง

ทางออกเดียวคือ การใช้พลังงานหมุนเวียน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นั่นเอง

สอดคล้องกับองค์การพลังงานระหว่างประเทศ ที่ประเมินว่าภายในปี 2569 กว่า 95% ของการลงทุนผลิตกระแสไฟฟ้าทั่วโลก จะเป็นการผลิตโดยใช้พลังงานหมุนเวียน และมากกว่า 50% จะเป็นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพราะมีต้นทุนถูกกว่าพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ

ประเทศไทยดูจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เต็ม ๆ เมื่อตั้งอยู่ในแถบเขตเส้นศูนย์สูตร มีแสงแดดตลอดทั้งปี

การ Move on ของ CKP ที่ต้องการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นเส้นทาง ที่คิดไตร่ตรองมาดีแล้ว ที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับโลกพลังงานที่กำลังจะเปลี่ยนไป

คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่แค่บริษัท CKP ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อม ในอนาคต ประชาชนของประเทศที่ใช้พลังงานสะอาด ก็น่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าไปด้วย..

Reference
-ข่าวประชาสัมพันธ์ CKPower