รู้จัก SCG Decor ว่าที่หุ้น IPO น้องใหม่ จากกลุ่ม SCC
รู้จัก SCG Decor ว่าที่หุ้น IPO น้องใหม่ จากกลุ่ม SCC
SCGD x ลงทุนแมน
SCGD x ลงทุนแมน
ช่วงหลังมานี้ เราเริ่มเห็นบริษัทใหญ่ ๆ ทยอยนำบริษัทลูกเข้า IPO มากขึ้น
ซึ่งเสมือนเป็นการปลดล็อก ให้เห็นมูลค่าที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร และทำให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้นด้วย
ซึ่งเสมือนเป็นการปลดล็อก ให้เห็นมูลค่าที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร และทำให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้นด้วย
ล่าสุด กลุ่ม บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เตรียมส่ง บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCG Decor) Flagship ของ SCC ในธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ (Decor Surfaces & Bathroom) เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้วยการผนึกกำลังของธุรกิจตกแต่งพื้นผิว และธุรกิจสุขภัณฑ์ ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย มาอยู่ภายใต้ SCG Decor
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม SCC จึงปรับโครงสร้างธุรกิจ และเลือกส่งบริษัทลูกที่เป็น Flagship ในธุรกิจนี้ เข้าตลาด ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรถือเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญที่ช่วยสนับสนุนโครงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม
แล้วผู้นำในธุรกิจนี้ ไม่ว่าตลาดในประเทศไทย หรืออาเซียน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบริษัทสัญชาติไทย อย่าง SCG Decor นั่นเอง
โดย SCG Decor มียอดขายกระเบื้องเซรามิกเป็นอันดับ 1 ในไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดแต่ละประเทศ 33.0%, 26.4% และ 16.8% ตามลำดับ (ข้อมูลปี 64) และมียอดขายสุขภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในไทย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 32.8% อีกทั้งเป็นหนึ่งในผู้นำสุขภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart & Hygiene) ในไทยอีกด้วย
โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้มีประชากรรวมกันเกือบ 560 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 580 ล้านคนในปี 2569
รวมถึงมีมูลค่าของตลาดสูงกว่าประเทศไทยกว่า 6 เท่า จึงต้องบอกว่า เป็นตลาดที่มีมูลค่า และศักยภาพการเติบโตที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
รวมถึงมีมูลค่าของตลาดสูงกว่าประเทศไทยกว่า 6 เท่า จึงต้องบอกว่า เป็นตลาดที่มีมูลค่า และศักยภาพการเติบโตที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ปัจจุบัน SCG Decor มีธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม
1. ธุรกิจตกแต่งพื้นผิว (สัดส่วนรายได้ประมาณ 80%)
ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO, CAMPANA, PRIME, PREMIER, MARIWASA, Luxurio, KIA, Impresso เป็นต้น และส่งออกกว่า 53 ประเทศ
ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO, CAMPANA, PRIME, PREMIER, MARIWASA, Luxurio, KIA, Impresso เป็นต้น และส่งออกกว่า 53 ประเทศ
2. ธุรกิจสุขภัณฑ์ (สัดส่วนรายได้ประมาณ 20%)
ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ในประเทศไทย เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO เป็นต้น และส่งออกกว่า 29 ประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง
ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ในประเทศไทย เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO เป็นต้น และส่งออกกว่า 29 ประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง
โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ผ่านมานั้น เรียกได้ว่า เป็นปัจจัยผลักดันให้ SCG Decor ยกระดับ เป็นผู้นำธุรกิจในระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก ซึ่งเกิดจากการนำจุดแข็งของแต่ละธุรกิจมาต่อยอด สร้างการเติบโต จนทำให้มีธุรกิจที่ครอบคลุม มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และส่งออกสินค้าในกว่า 53 ประเทศทั่วโลก
โดย SCG Decor มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนี้
ปี 2563 - 24,378.6 ล้านบาท
ปี 2564 - 25,937.4 ล้านบาท
ปี 2565 - 30,253.8 ล้านบาท
คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 6.4% และ 16.6% ตามลำดับ
ปี 2563 - 24,378.6 ล้านบาท
ปี 2564 - 25,937.4 ล้านบาท
ปี 2565 - 30,253.8 ล้านบาท
คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 6.4% และ 16.6% ตามลำดับ
และล่าสุด ในงวดไตรมาส 1 ของปีนี้
มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 7,226.7 ล้านบาท
มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 7,226.7 ล้านบาท
แน่นอนว่า ความท้าทายของคนที่เป็นผู้นำอยู่แล้ว คือการรักษาตำแหน่ง
เช่นเดียวกับ SCG Decor ที่ยังวางแผนขยายธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์
ที่สร้างแรงบันดาลใจและพื้นที่แห่งความสุข
ด้วยนวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
เช่นเดียวกับ SCG Decor ที่ยังวางแผนขยายธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์
ที่สร้างแรงบันดาลใจและพื้นที่แห่งความสุข
ด้วยนวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
ตามวิชั่นของบริษัทฯ ภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
• ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์จากประเทศไทย สู่อาเซียน โดยเน้นสินค้านวัตกรรม เช่น COTTO Smart Toilet และสินค้าระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ Quil
• ต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวในไทยสู่อาเซียน ด้วยความแข็งแกร่งของทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
• ขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยโซลูชันแบบครบวงจร
• บริหารห่วงโซ่อุปทาน ทั้งด้านการผลิตและการจัดหาสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
• พัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยมาตรฐานระดับโลก
อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะตอบคำถามได้แล้วว่า
การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ ทำให้ SCG Decor เป็นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก
การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ ทำให้ SCG Decor เป็นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก
ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้บริษัทมีเงินทุนไปต่อยอดการเติบโตในอนาคต …
โดยนักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=539740
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=539740
คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
References
-ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ SCG Decor ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
-ข่าวประชาสัมพันธ์ของ SCG Decor
-https://www.longtunman.com/41587
-ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ SCG Decor ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
-ข่าวประชาสัมพันธ์ของ SCG Decor
-https://www.longtunman.com/41587