รู้จัก FM บริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายไก่ชำแหละ ไก่แปรรูป ปีละกว่า 90 ล้านกิโลกรัม ที่กำลังจะ IPO
FM x ลงทุนแมน

รู้หรือไม่ว่า สัตว์ปีก ครองส่วนแบ่งตลาดการบริโภคเนื้อสัตว์มากที่สุดในโลก
ด้วยสัดส่วน 41% ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกประเภท และคาดว่าจะเติบโต 5.45% ต่อปี ในช่วงปี 2565-2571 เนื่องจากเป็นโปรตีนที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ และราคาเข้าถึงได้ง่าย

สำหรับประเทศไทยเอง ในปี 2565 ส่งออกไก่แปรรูป 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองส่วนแบ่งตลาด 28% ของโลก
และเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มสินค้าไก่แปรรูป หรือ Cooked-Added Value Products หรือ CAV Products

ช่วงเวลานี้ อุตสาหกรรมไก่ไทย ถือเป็นช่วงขาขึ้นจากปัจจัยหนุนที่สำคัญ
ที่ต้องอาศัยโอกาสทั้งจากปัจจัยภายในที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวของภาคธุรกิจเอง

หนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM ที่กำลังจะ IPO เร็ว ๆ นี้
ที่ได้พัฒนาจุดแข็งธุรกิจ ทั้งโครงการธุรกิจที่รองรับตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ การมีนวัตกรรมในระบบการผลิต รวมไปถึงความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เป็นต้น

ประกอบกับปัจจัยภายนอกที่สำคัญเข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็น โควตาการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้น และการสนับสนุนจากภาครัฐ

ทำให้ช่วยเปิดโอกาสส่งออกไก่ไทยไปสู่ตลาดในกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง
ที่ในอดีตอาจจะยังไม่สามารถส่งออกไก่ไปได้มากนัก เช่น ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), ฟิลิปปินส์ และซาอุดีอาระเบีย

รวมถึงปัจจัยสนับสนุนส่วนหนึ่งที่มาจากประเทศคู่แข่งกำลังประสบปัญหาในการส่งออก
ทั้งน้ำท่วมใหญ่ในบราซิล และการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

แล้วสงสัยไหมว่า ช่วงเวลานี้โมเดลธุรกิจ FM มีความน่าสนใจแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..

ย้อนกลับไป 47 ปีก่อน หรือในปี 2520
คุณสนิท ดุษฎีโหนด ได้ก่อตั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ รวมถึงธุรกิจฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ไก่เนื้อ ภายใต้ บริษัท ทีเอฟเอ็มฟาร์ม จำกัด หรือ TFMF

ต่อมาในปี 2535 ได้ขยายธุรกิจไปสู่การผลิตและจำหน่ายไก่ชำแหละ ชิ้นส่วนไก่ทั้งสดและแช่แข็ง
ภายใต้ บริษัท เอฟแอนด์เอฟฟู้ด จำกัด หรือ FF โดยเป็นโรงงานชำแหละไก่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานส่งออก ซึ่งมีจำนวนไม่มากในประเทศไทย ณ เวลานั้น

แน่นอนว่า ด้วยประสบการณ์ในวงการนี้กว่า 37 ปี ทำให้เห็นข้อจำกัดหรือความท้าทายของธุรกิจไก่ของประเทศไทย เขาจึงเริ่มมองหาโอกาสทางธุรกิจ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าจากต้นน้ำไปสู่ปลายน้ำที่จะช่วยสร้างรายได้ และเพิ่มอัตรากำไรจากธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไก่

ปี 2557 คุณณัฐพล ดุษฎีโหนด ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ได้ริเริ่มและพัฒนาก่อสร้างโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ปรุงสุกเพื่อเป็นผู้ผลิต OEM ให้กับลูกค้ากลุ่มที่เป็น Food Service, Retail Store และ QSR ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก ภายใต้ บริษัท สปริงคิทเช่น จำกัด หรือ SK

และแล้ว จุดเปลี่ยนสำคัญ ก็เกิดขึ้นในปี 2563..
เมื่อคุณสนิทและครอบครัว ตัดสินใจจัดตั้ง บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM
เพื่อเป็น Holding Company รองรับ 3 Flagship ในกลุ่มบริษัทปัจจุบัน ประกอบด้วย

- บริษัท เอฟแอนด์เอฟฟู้ด จำกัด หรือ FF ธุรกิจโรงเชือดและชำแหละไก่มาตรฐานส่งออก
- บริษัท สปริงคิทเช่น จำกัด หรือ SK ธุรกิจโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ปรุงสุก
- บริษัท เอฟแอนด์เอฟเพ็ทฟู้ด จำกัด หรือ FFPF ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง

ธุรกิจทั้งหมดนี้ ไม่เพียงตอบโจทย์ฐานลูกค้าไทย
แต่ยังส่งออกไปยังลูกค้าประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น, อังกฤษ, แคนาดา, จีน, สิงคโปร์, และสหภาพยุโรป

มากไปกว่านั้น FM ยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง
เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), ฟิลิปปินส์ และซาอุดีอาระเบีย
รวมทั้งการรักษาฐานลูกค้าระดับพรีเมียมในปัจจุบันด้วย

แล้วโครงสร้างรายได้ของ FM ในปี 2566 เป็นอย่างไร ?

ล่าสุดในปี 2566 FM มีรายได้รวม 5,782 ล้านบาท กำไรสุทธิ 255 ล้านบาท
อธิบายง่าย ๆ ก็คือรายได้รวมทุก ๆ 100 บาท แบ่งเป็น

- 61 บาท มาจากการขายผลิตภัณฑ์ไก่ชำแหละ

ปัจจุบัน FM วางแผนการผลิตอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียจากกระบวนการผลิต หรือ Zero Waste
ช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดจากทุกส่วนของไก่ และสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในปี 2566 ขายไก่ชำแหละรวม 74.68 ล้านกิโลกรัม แบ่งเป็นต่างประเทศ 33% และประเทศไทย 67%

- 38 บาท มาจากการขายผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูป

FM มุ่งเน้น Food Focus Company โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไก่แปรรูปที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มาตรฐานการผลิตระดับสากล จนเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้ากว่า 30 ราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้จัดจำหน่ายอาหารรายใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลก

โดยในปี 2566 ขายทั้งหมด 14.45 ล้านกิโลกรัม
แบ่งเป็นต่างประเทศ 84% และประเทศไทย 16%
กลุ่มลูกค้าหลักคือ ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และกลุ่มสหภาพยุโรป

ที่น่าสนใจคือ ฐานลูกค้าที่มั่นคงของ FM ช่วยทำให้ปริมาณและราคาสินค้าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก จากกลไกตลาดในช่วงที่มีอุปทานลดลง

เพราะ FM สามารถผลิตสินค้า OEM ที่ออกแบบและผลิตขึ้นมาเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย จึงทำให้รายได้หลักในส่วนนี้ มีความมั่นคงตามไปด้วย

- 1 บาท จากรายได้อื่นๆ
เช่น รายได้ดอกเบี้ย รายได้จากการขายเศษซากจากการผลิต และอื่น ๆ

แล้วกลยุทธ์ใด จะสร้างการเติบโตให้กับ FM ต่อไปในอนาคต ?

1. การขยายกำลังการผลิต 25-30 %
เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการผลิตสินค้าที่แตกต่างจากเดิม

นอกจากนี้ FM ยังวางแผนการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับ Waste และสร้างอัตรากำไรได้ดีขึ้น เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

2. เน้นการขยายตัวของสินค้ากลุ่มไก่แปรรูป หรือ CAV Products
โดยจับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องอัตรากำไรแล้ว ยังช่วยลดความผันผวนของผลประกอบการด้วย

3. เตรียมพร้อมทีม R&D ที่มีความเชี่ยวชาญ และห้องครัวห้องปฏิบัติการ (Lab Kitchen )
เพื่อรองรับการทดสอบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ Food Technogy ด้วยกลยุทธ์โฟกัสไปที่ CAV Product ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้ดีกว่าไก่ชำแหละ

รวมทั้ง การติดตามความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
เพื่อคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ ล้วนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์สำคัญในการ IPO ครั้งนี้

- ปรับปรุงสายการผลิตเดิม และเพิ่มกำลังการผลิตโรงเชือด และชำแหละไก่
- ปรับปรุงสายการผลิตเดิม และขยายไลน์การผลิตโรงงานแปรรูปเนื้อไก่
- ลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์ หรือธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าพลอยได้
- เงินทุนหมุนเวียน และคืนเงินกู้ระยะสั้น

ซึ่งก็น่าติดตามไม่น้อยว่า หลังจาก IPO แล้ว
FM จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทไทย ที่อยู่เบื้องหลังการผลิตไก่แปรรูปเกรดพรีเมียมไปยังผู้บริโภคทั่วโลก ได้หรือไม่..

Reference
- https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=569649&lang=th