
สรุปผลประกอบการ SCC ปี 2567
สรุปผลประกอบการ SCC ปี 2567 /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จํากัด (มหาชน) หรือ SCC ได้ประกาศงบการเงินปี 2567 พร้อมประกาศจ่ายปันผล 5 บาทต่อหุ้น หรือ 95% ของกำไรที่ทำได้
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จํากัด (มหาชน) หรือ SCC ได้ประกาศงบการเงินปี 2567 พร้อมประกาศจ่ายปันผล 5 บาทต่อหุ้น หรือ 95% ของกำไรที่ทำได้
สิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ แล้ว อาจไม่ใช่ตัวผลประกอบการเสียทีเดียว
แต่คือการตอบคำถามที่ว่า สถานการณ์ที่ยากลำบากที่บริษัทเผชิญ ได้ผ่านพ้นไปแล้วหรือยัง
แต่คือการตอบคำถามที่ว่า สถานการณ์ที่ยากลำบากที่บริษัทเผชิญ ได้ผ่านพ้นไปแล้วหรือยัง
ธุรกิจในเครือ SCC ตอนนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่า ตอนนี้หุ้น SCC กำลังซื้อขายกันในช่วงราคาต่ำสุดในรอบ 16 ปี
ปัจจัยที่ส่งผลอย่างมาก ที่กดดันราคาหุ้นและผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาก็คือ สงครามการค้า และสงครามระหว่างประเทศ ที่ทำให้ทั้งต้นทุนการผลิต และราคาขายสินค้าในเครือ SCC ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งถือเป็นฮีโรของเครือ SCC มาอย่างยาวนาน
ไล่ตั้งแต่ฝั่งอุปทาน ที่เจอความผันผวนของต้นทุนการผลิต และปัญหาอุปทานส่วนเกินในท้องตลาด ดันให้ราคาในท้องตลาดถูกลง
ส่วนด้านอุปสงค์ ก็ปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
ส่วนด้านอุปสงค์ ก็ปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
และหากไปดูผลประกอบการ 3 ปี ย้อนหลังของ SCC จะพบว่า
ปี 2565 รายได้จากการขาย 569,609 ล้านบาท กำไร 21,382 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้จากการขาย 499,646 ล้านบาท กำไร 25,915 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท กำไร 6,342 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้จากการขาย 569,609 ล้านบาท กำไร 21,382 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้จากการขาย 499,646 ล้านบาท กำไร 25,915 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท กำไร 6,342 ล้านบาท
จะเห็นว่า SCC ยังคงรักษาระดับรายได้ได้ดี แต่จากปัญหาต้นทุนที่แพงขึ้น และราคาขายที่ปรับตามต้นทุนได้ยาก เพราะการแข่งขันที่สูงในตลาด ก็ได้บีบให้กำไรของกิจการลดลงอย่างมาก
แต่สิ่งที่ SCC ยังทำได้ดีในปี 2567 ก็คือ EBITDA หรือ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย
อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนหน้า
อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทยังได้รับเงินปันผลรวมกว่า 14,063 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรและธุรกิจยานยนต์
ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 SCC มีเงินสดคงเหลือกว่า 53,331 ล้านบาท
และนอกจากผลประกอบการแล้ว อีกเรื่องที่ต้องติดตามคือ แนวทางการแก้เกมของผู้บริหาร
ซึ่งผู้บริหารของ SCC เผยว่าได้ดำเนินมาตรการหลายอย่าง เพื่อลดต้นทุนของกิจการ เช่น
- บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาท จากปีก่อน
- ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) โดยยังคงเน้นการลงทุนเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว
- หยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
- บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาท จากปีก่อน
- ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) โดยยังคงเน้นการลงทุนเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว
- หยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ซึ่งเป็นท่าที่ SCC เคยใช้ในอดีต ที่บริษัทเคยขายสินทรัพย์ (Asset Divestment) ในธุรกิจที่ไม่ชํานาญ เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ในช่วงวิกฤติปี 2540 จนทําให้บริษัทผ่านพ้นมาได้ และพลิกกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ที่น่าสนใจคือ การประกาศจ่ายปันผลรวม 5 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท หรือก็คือ เกือบเท่ากำไรทั้งหมดที่ทำได้ในปี 2567
โดยบริษัทฯ ให้เหตุผลว่า เพื่อมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯ ให้เหตุผลว่า เพื่อมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
อีกมุมหนึ่ง การทำแบบนี้ได้ SCC ต้องมีความมั่นใจต่อแนวโน้มธุรกิจ และการเติบโตในอนาคต
จะเห็นว่าแม้ตัวเลขงบการเงินที่ออกมา ก็น่าจะแบ่งนักลงทุนออกเป็นหลายกลุ่ม
บางคนก็ยังไม่มั่นใจและยังรอดูท่าทีต่อไป
แต่บางคนก็อาจมองเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนได้เหมือนกัน
บางคนก็ยังไม่มั่นใจและยังรอดูท่าทีต่อไป
แต่บางคนก็อาจมองเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนได้เหมือนกัน
แน่นอนว่าสถานการณ์ของ SCC ยังต้องมีอะไรให้ติดตามอีกมาก ทั้งภาพรวมอุตสาหกรรม และสถานการณ์เศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงการตอบสนองและการแก้เกมต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น
ซึ่งอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ นอกจากนักลงทุนจะไม่อยู่นิ่ง และติดตามข่าวสารแล้ว
ผู้บริหารของกิจการเอง ก็น่าจะกำลังต่อสู้และพยายามพาองค์กร ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง..
ผู้บริหารของกิจการเอง ก็น่าจะกำลังต่อสู้และพยายามพาองค์กร ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง..
คำเตือน : โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้มีเจตนาให้ซื้อหรือขาย หุ้นตัวดังกล่าวแต่อย่างใด