สรุปเศรษฐกิจลาว GDP ปีนี้กำลังโตสุดในรอบ 5 ปี โอกาสที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

สรุปเศรษฐกิจลาว GDP ปีนี้กำลังโตสุดในรอบ 5 ปี โอกาสที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

สรุปเศรษฐกิจลาว GDP ปีนี้กำลังโตสุดในรอบ 5 ปี โอกาสที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
JDB x ลงทุนแมน
ลาว เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็ก และมีจำนวนประชากรเพียง 7 ล้านกว่าคนเท่านั้น
แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ขนาดเศรษฐกิจ หรือ GDP ของลาว เติบโตเกือบ 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
โดยข้อมูลจาก World Bank พบว่า ในปี 2012 ลาวมี GDP ที่ 349,038 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2021 ลาวกลับมี GDP ที่ 644,984 ล้านบาท
ในแง่ของ GDP ต่อหัวของประชากรลาว (GDP Per Capita) เติบโตถึง 8 เท่า ในระยะเวลา 2 ทศวรรษ
ปี 2000 GDP ต่อหัวของประชากรลาว 11,024 บาทต่อคนต่อปี
ปี 2010 GDP ต่อหัวของประชากรลาว 39,071 บาทต่อคนต่อปี
ปี 2021 GDP ต่อหัวของประชากรลาว 87,888 บาทต่อคนต่อปี
ที่น่าสนใจคือ วันนี้ ลาว ถูกขนานนามจากเดิมที่เป็น Landlocked Country หรือเมืองที่ไม่ติดทะเล
ให้กลายมาเป็น Land Bridge Country หรือเมืองแห่งการเชื่อมต่อ ทั้งในด้านโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการเงินสมัยใหม่
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ต้องบอกว่า ลาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
จากปี 1990 ที่มีความยาวของถนนรวม ๆ เพียง 14,000 กิโลเมตร แต่ปีล่าสุด โครงข่ายถนนขยายเพิ่มแตะ 50,000 กิโลเมตร
ในส่วนของโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเอง ก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว..
ลาวมีศักยภาพที่จะเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เพราะมีแม่น้ำขนาดใหญ่จำนวนมาก ช่วยให้ลาวสร้างเขื่อนที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้
ปัจจุบัน ลาวมีโรงไฟฟ้า 94 แห่ง กำลังการผลิตรวม 11,661 เมกะวัตต์ ครอบคลุมเกือบ 95% ของการบริโภคภายในประเทศ และส่งออกไฟฟ้าไปขายในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
พูดได้ว่า ลาวมีความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า และมีต้นทุนที่ต่ำ ส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมและการผลิต รวมถึงธุรกิจคริปโทไมนิง
ลาวจึงขึ้นชื่อว่าเป็น Battery of Asia ที่มีศักยภาพในการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างประชากรของลาว ถึงแม้ว่า ลาวจะมีประชากรเพียง 7 ล้านกว่าคน แต่อายุเฉลี่ยของผู้คนกลับอยู่ที่ 25 ปี
เหมาะสมกับการเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ที่เพียบพร้อมไปด้วยวัยแรงงาน
ถึงตรงนี้ คงพอเห็นภาพโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศลาวแล้ว
ทีนี้ ลองมาดูเรื่องโครงสร้างรายได้เข้าประเทศอย่าง “สินค้าส่งออก” กันบ้าง
โดยสินค้าส่งออกที่ทำเงินให้กับลาวคือ สินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติ แร่ธาตุ และการเกษตรขั้นต้น
อย่างไรก็ตาม สินค้าเหล่านี้ล้วนต้องพบกับปัญหาการแข่งขันด้านราคา
ภาครัฐจึงหันมาผลักดันนโยบายส่งเสริมการแปรรูป เพื่อเพิ่มราคาสินค้า, เพิ่มโอกาสในการสร้างมูลค่าสินค้าส่งออก ให้เติบโตในอนาคต
อีกส่วนหนึ่งที่มีความน่าสนใจคือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI
หากดูข้อมูลในปี 2021 จะพบว่า ตัวเลข FDI อยู่ที่ 37,974 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5-6% ของ GDP
โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจาก “จีน”
ประกอบกับ ลาวมีพรมแดนติดกับหลายประเทศ รัฐบาลลาวจึงเปิดเสรีทางการเงินสำหรับผู้ฝากเงิน ทั้งชาวลาว และชาวต่างชาติ
โดยผู้ฝากเงินสามารถเลือกฝากได้ทั้งสกุลเงินหยวน, เงินบาท, เงินกีบ, เงินดอลลาร์สหรัฐ และถอนเงินสกุลนั้น ๆ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 4.5-6% ต่อปี และยังปลอดภาษีจากดอกเบี้ยรับอีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคาร)
อีกทั้ง ประเทศลาวอนุญาตให้ผู้ลงทุนจากต่างประเทศ สามารถถือหุ้นได้ 100% ในบริษัทที่จดและจัดตั้งในประเทศลาว
ที่น่าสนใจคือ ผู้ประกอบการลาว และธุรกิจ SME เมื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ทำให้มีต้นทุนต่ำ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ลาว ถูกขนานนามว่าประตูทางบกสู่จีน อย่างแท้จริง..
ตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจก็เช่น โครงการรถไฟจีน-ลาว มูลค่า 201,780 ล้านบาท ที่มีเส้นทางยาวกว่า 1,000 กิโลเมตร และตั้งเป้าว่าจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางบกของภูมิภาคในอนาคต
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเฉลี่ย 10,197 คนต่อวัน และในช่วง 2 เดือนคือ ม.ค.-ก.พ. 2023 รองรับผู้โดยสารกว่า 414,000 คน และสินค้า 647,000 ตัน และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับช่องทางการขนส่งแบบอื่น ๆ
ลาวมีเศรษฐกิจที่มีโอกาสเติบโต รองรับการลงทุนของต่างชาติมากขึ้น
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ลาวมีสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจภายในประเทศ
ที่สำคัญ รัฐบาลลาวยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการเงินให้มีความทันสมัย
จากเดิมที่เป็น Digital Banking ไปสู่ Decentralized Finance หรือการเงินแบบกระจายศูนย์
ด้วยเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชน สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
ใครคือผู้นำด้าน Digital Banking ของประเทศลาว ?
JDB Bank หรือ Joint Development Bank อยู่เคียงข้างคนลาวมานานกว่า 34 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี 1989
โดยมีธนาคารแห่งรัฐร่วมทุนกับผู้ลงทุนชาวไทย ในสัดส่วนชาวไทยถือหุ้น 70% และฝ่ายลาวอีก 30%
ต่อมาในปี 2012 ผู้ถือหุ้นชาวไทยได้ขายหุ้นทั้งหมดให้แก่บริษัท สีเมืองกรุ๊ป
ทำให้ JDB Bank กลายเป็นธนาคารเอกชนสัญชาติลาว 100%
ปัจจุบัน JDB Bank มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 1,139 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่ากว่า 39,600 ล้านบาท
มี 64 สาขาในลาวครอบคลุมทุกพื้นที่ ที่เชื่อมต่อกับ 5 ประเทศเพื่อนบ้าน และ 1 สำนักงานในประเทศไทย
ภายในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ JDB Bank ยังมีหน่วยบริการและตู้ ATM ที่สามารถถอนเงินได้ทั้งสกุลเงินบาท และสกุลเงินหยวน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าต่างชาติ
นอกจากนี้ JDB Bank ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ LAPNet ที่เป็นหน่วยงานที่ควบคุม และพัฒนาระบบการชำระเงินในการทำธุรกรรมใน สปป.ลาว อีกด้วย
โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ JDB Bank ครอบคลุมทั้งธุรกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิม, Digital Banking และ Decentralized Finance ไม่ว่าจะเป็น
- เงินฝากประจำ และเงินฝากออมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 4.5 - 6% และปลอดภาษีดอกเบี้ยรับ รองรับ 4 สกุลเงินคือ กีบ, บาท, หยวน และดอลลาร์สหรัฐ (เงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคาร)
- สินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ corporate และ sme สินเชื่อเพื่อพนักงานภาครัฐและเอกชน และสินเชื่อเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นทุน
- JDB Yes บริการ Mobile Banking ผ่านระบบ IOS และ Android เข้าถึงบริการทางการเงินได้ทุกที่บนโลก เพียงแค่ลงทะเบียนผ่านเลขบัญชีธนาคาร หรือเลขบัตรเครดิต/เดบิต ใช้งานได้ทั้ง 5 ภาษา ทั้งลาว อังกฤษ ไทย จีน และรัสเซีย ทำธุรกรรมทั้งรับ โอน และชำระค่าสินค้า
- Borderless Payments การเชื่อมต่อทางการเงินแบบไร้พรมแดนกับประเทศคู่ค้า ผ่านระบบ International QR Code, Alipay, WeChatPay และ Unionpay QRC
- บัตรเครดิตชิปการ์ด Unionpay, Visa และ Mastercard
ที่สำคัญคือ JDB Bank ยังได้รับใบอนุญาตในการขุดและซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลรายแรกแห่งประเทศลาว
จึงเป็นที่มาของการพัฒนา “Bitqik” แพลตฟอร์มเทรดคริปโท ที่ให้บริการทางการเงินสมัยใหม่แบบครบวงจร
โดยลูกค้าที่มีบัญชีกับ JDB Bank ไม่เพียงแต่จะสามารถเทรดคริปโทได้ทั้ง 4 สกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นกีบ, บาท, หยวน หรือดอลลาร์สหรัฐ
และยังสามารถขายทำกำไรได้แบบทันที (Real Time) พร้อมถอนเป็นสกุลเงินที่ต้องการแบบเต็มจำนวนเข้าบัญชีโดยตรงด้วยค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย
อีกหนึ่งจุดเด่นของ JDB Bank คือการที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า โดยมี Investment Center อยู่ที่ Gaysorn Tower หนึ่งในย่าน CBD ชั้นนำของประเทศไทย
ลูกค้าของธนาคาร JDB Bank ทั้งชาวลาว ชาวไทย และชาวต่างชาติ จึงเข้าถึงบริการทางการเงินสมัยใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
ความสำเร็จของ JDB Bank สะท้อนได้ผ่านรายได้ และกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง
ปี 2022 กำไรของ JDB Bank คิดเป็นสัดส่วน 39% สูงเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับทุกธนาคารในประเทศลาว เลยทีเดียว
สรุปได้ว่า ลาวคือหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีโอกาสเติบโต จากช่องว่างทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างประเทศ และมีภูมิรัฐศาสตร์ติดกับ 5 ประเทศ รวมถึงจีน
ลาว พิสูจน์แล้วว่า การมีจำนวนประชากรน้อย อาจไม่ใช่อุปสรรคในการเติบโตของประเทศ
ตราบใดที่ยังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการผลักดันธุรกิจภายในกลุ่มประเทศ CLMV นั่นเอง..
สำหรับใครที่สนใจบริการของ JDB Bank
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jdbbank.com.la
หรือติดต่อ สำนักงาน JDB Bank ประเทศไทย ชั้น 24 อาคาร
เกษรทาวเวอร์ 02-253-6499
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon