กรณีศึกษา ทำไม นวัตกรรมที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างของ SCG ถึงสร้าง Impact ยืนหนึ่งในอุตสาหกรรม

กรณีศึกษา ทำไม นวัตกรรมที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างของ SCG ถึงสร้าง Impact ยืนหนึ่งในอุตสาหกรรม

เอสซีจี X ลงทุนแมน
ไม่ว่า เวลา จะผ่านไปนานแค่ไหน
ภาวะตลาด จะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด
หรือเกิดคู่แข่งในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สักเท่าไร
แต่ทำไม บางบริษัทยังคงยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมนั้น ได้อย่างมั่นคง และแข็งแกร่ง
หนึ่งในจุดตัดความสำเร็จของเรื่องนี้ ก็คือ “การพัฒนานวัตกรรมสินค้า” อยู่ตลอดเวลา และต้องพัฒนาได้อย่างมีคุณภาพ รวดเร็ว ตอบโจทย์ผู้บริโภค ตลาด และโลกที่เปลี่ยนไปได้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
ซึ่ง เอสซีจี (SCG) ถือเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่โดดเด่นไปไกลถึงระดับภูมิภาคอาเซียน ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอยู่เสมอ และต้องทำให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ทุกคน และนี่คือ PASSION ของ เอสซีจี
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง หนึ่งในธุรกิจหลักของเอสซีจี ดำเนินงานตาม PASSION นี้อย่างแน่วแน่
และยืนหนึ่งผู้นำนวัตกรรมในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย และการก่อสร้างในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
และถือเป็นแบรนด์ Top of mind ของทั้งผู้บริโภค และผู้ประกอบการ
เพราะไม่ว่าจะงานก่อสร้าง งานซ่อม ตกแต่ง สร้างบ้าน ไปจนถึงสร้างโครงการยักษ์ใหญ่
เอสซีจี ก็ตอบโจทย์ได้หมดทั้งสินค้าและโซลูชัน เชื่อมั่นได้ในคุณภาพ และความล้ำสมัยของนวัตกรรม
โดยทุก ๆ ปีเราจะได้เห็น เอสซีจี ออกนวัตกรรม เทคโนโลยีการก่อสร้าง และโซลูชันใหม่อยู่เสมอ
ทั้งยังนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปจัดแสดงผ่านอีเวนต์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก
เพื่อให้ลูกค้ารับรู้ว่า นวัตกรรมที่อยู่อาศัย และการก่อสร้างของเอสซีจี ก้าวหน้าไปไกล
ที่สำคัญช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค และพัฒนาเมืองให้ดียิ่งขึ้น
อย่างงานล่าสุด SCG Livin’novation 2022 ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ครั้งแรกของการจัดแสดงนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย และการก่อสร้างแห่งอนาคต
ลงทุนแมน มีโอกาสไปเที่ยวชม และก็ต้องทึ่งกับนวัตกรรมต่าง ๆ
ขนาดงานนี้ เอสซีจี นำนวัตกรรมมาโชว์แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
แต่บอกเลยว่าครอบคลุม ตั้งแต่นวัตกรรมบ้าน งานก่อสร้าง ไปจนดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับซื้อสินค้าและช่วยเรื่องการอยู่อาศัยแบบครบถ้วน
ว่าแต่ นวัตกรรมที่อยู่อาศัย และโซลูชันการก่อสร้างของ เอสซีจี ก้าวไปไกลกว่าที่คิดมากแค่ไหน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ต้องบอกก่อนว่า ภาพรวมการพัฒนานวัตกรรมของ เอสซีจี ไม่ได้เพียงเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมองถึงชีวิตในอนาคต โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการคำนึงถึงความยั่งยืนของสังคม และสิ่งแวดล้อม
กุญแจสำคัญของการสร้างนวัตกรรม คือ การใช้ “เทคโนโลยีและผู้คน” มาเป็นตัวขับเคลื่อน
เพื่อให้สินค้า บริการ และโซลูชันต่าง ๆ พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้คน
สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของลูกค้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ที่น่าสนใจ คือ เอสซีจี สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ และช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด
ลงทุนแมน สรุปมาให้เห็นภาพในแต่ละด้าน โดยขอเริ่มที่ “นวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย” สำหรับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ
นวัตกรรมเพื่อสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดี
เพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด-19 PM2.5 และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค New Normal
ยกตัวอย่างเช่น “ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน” หรือ SCG Active AIR Quality
ช่วยเติมอากาศดีเข้าสู่บ้าน พร้อมปรับอากาศให้เป็นแรงดันบวก จนดันฝุ่นเล็ก ๆ ออกจากบ้าน
พร้อมป้องกันไม่ให้ฝุ่นใหม่เข้ามา
ที่น่าทึ่งก็คือ ระบบนี้ ยังจะใช้แผ่นกรอง HEPA ยับยั้งเชื้อโรค และไวรัสต่าง ๆ
รวมถึง เชื้อไวรัสกลุ่มโคโรนาจากภายนอกบ้าน สาเหตุของการระบาดของโควิด-19
ถัดมากลุ่มสุขภัณฑ์จาก “COTTO Health & Clean”
กลุ่มนี้มีสินค้านวัตกรรมครอบคลุมตั้งแต่กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย กระเบื้องฟอกอากาศ
สุขภัณฑ์อัตโนมัติ สุขภัณฑ์ไร้สัมผัสระบบเซ็นเซอร์ ไปจนถึงเซ็นเซอร์สำหรับก๊อกซิงค์
ถือเป็นการนำใช้เทคโนโลยีมาช่วยเรื่องความปลอดภัย ลดการสัมผัส แถมยังช่วยให้ชีวิตในแต่ละวันสะดวกสบายยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ คือ “Acoustic Pod” ห้องทำงาน หรือห้องกันเสียงส่วนตัวแบบสำเร็จรูป
ที่ได้รับการออกแบบขึ้นมา เพื่อให้ตอบรับกับวิถีการทำงานแบบ Work from Home และ Work from Anywhere
รวมไปถึงการใช้ชีวิตในยุค New Normal
มีการออกแบบด้วยแนวคิด Activity-Based Working ใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เต็มศักยภาพได้มากขึ้น
ส่วนอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ Sustainable Living
สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ตอบเมกะเทรนด์รักษ์โลก โดยนำเสนอผ่านฉลากที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่า SCG Green Choice
โดยถูกคิดขึ้นมาอยู่บน 3 โจทย์หลัก ๆ
ข้อแรกคือ ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน
ข้อต่อมาก็คือ ลดการใช้ทรัพยากร ยืดอายุการใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และข้อสุดท้ายก็คือ ช่วยให้สุขภาพของคนในบ้านแข็งแรง
จริง ๆ แล้ว สินค้าเกือบทุกอย่างของ เอสซีจี ก็จะอยู่ภายใต้แนวคิดนี้
แต่หากพูดถึง สินค้าและบริการ ที่กำลังมาแรง ก็น่าจะเป็น “SCG Solar Roof Solutions ระบบไฮบริด”
ทางเลือกใหม่ที่มาตอบโจทย์เจ้าของบ้านและไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบัน
ซึ่งนอกจากจะผลิตไฟฟ้าใช้ในเวลากลางวันได้แล้ว ยังสามารถกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในเวลากลางคืน
สามารถใช้เป็นระบบไฟฉุกเฉินสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญของบ้านได้ ช่วยประหยัดไฟสูงสุด 60% ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ไฟ สถานที่ติดตั้ง และสภาพอากาศ
ทีนี้ก็มาถึง กลุ่มสินค้าที่เจ้าของธุรกิจ ต้องโฟกัสก่อนตัดสินใจลงทุน
เรื่องนี้ ถือว่าสำคัญมากเลยทีเดียว เพราะทุกธุรกิจล้วนต้องใช้งานก่อสร้างเป็นพื้นฐาน
หากเลือกบริการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมการก่อสร้างเข้ามาช่วย
ก็จะส่งผลกับต้นทุน เวลา งบที่บานปลาย รวมถึงการใช้วัสดุก่อสร้างที่เกินจำเป็น
อีกทั้ง ยังทำให้อาคาร และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สอดรับกับเมกะเทรนด์ของโลกยุคนี้
แล้วนวัตกรรมการก่อสร้างของ เอสซีจี ที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง ?
เอสซีจี ได้มีกลุ่มนวัตกรรมที่เรียกว่า CPAC Green Solution ที่ผสานเทคโนโลยี และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน โดยนวัตกรรมแรกที่ขึ้นชื่อของ CPAC Green Solution คือ เทคโนโลยี “CPAC BIM”
อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การนำระบบคอมพิวเตอร์มาควบคุมงานออกแบบก่อนก่อสร้างจริง โดยจำลองเป็นโมเดล 3 มิติ ที่รวมทั้งด้านการออกแบบสถาปัตย์ โครงสร้างอาคาร จนถึงงานระบบต่าง ๆ ที่อยู่ในอาคารเข้าด้วยกัน
นั่นแปลว่า เจ้าของ หรือผู้รับเหมาจะเห็นภาพสิ่งก่อสร้างได้ทันที
ช่วยให้วางแผนสั่งซื้อวัสดุได้แม่นยำ จนถึงตรวจสอบความผิดพลาดในสิ่งก่อสร้างได้ก่อนลงมือ
ตรงนี้จะช่วยให้ประหยัดต้นทุน ลดระยะเวลาในการก่อสร้าง และลดการเกิดเศษวัสดุเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
และยังมี “CPAC Drone Solution” คือ เดี๋ยวนี้ช่างไม่ต้องลงมือวัดหน้างานเองแล้ว
เอสซีจี มีโดรนบินขึ้นสำรวจ วัดพื้นที่ก่อนออกแบบ ไปจนถึงสำรวจความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ตรวจสอบงานซ่อมบำรุงต่าง ๆ จนถึงตรวจการทำงานของแผงโซลาร์เซลล์ และทำเลรอบข้าง
ช่วยให้การตรวจสอบมีความละเอียดแม่นยำ ทำให้ประหยัดเวลา และลดการทำงานในพื้นที่เสี่ยงได้
ถัดมาเป็นเทรนด์การก่อสร้างที่กำลังมาแรงอย่างการใช้คอนกรีตสำเร็จรูป หรือ พรีแคส
“CPAC Low-Rise Building Solution” เป็นคอนกรีตสำเร็จรูปที่แข็งแรงทนทาน
ไม่ว่าจะเป็น ผนัง พื้น บันได คาน ที่พร้อมนำไปติดตั้งหน้างานก่อสร้างได้ทันที ขั้นต่ำเพียง 8 ยูนิตก็รับทำ
ผลลัพธ์ที่ได้จากนวัตกรรมเหล่านี้ก็คือ การก่อสร้างรวดเร็ว มีความแม่นยำสูง ลดความผิดพลาดในงานก่อสร้าง
ส่งผลให้ต้นทุนลดลงไปโดยอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงานโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ประหยัดแรงงาน
ลดเศษวัสดุในไซต์งานก่อสร้าง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมที่ช่วยอัปเกรดอาคารให้เป็น Smart Building ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
นั่นคือ SCG Smart Building Solution นวัตกรรมบริหารระบบอาคารที่ล้ำสมัย
นำเทคโนโลยีมาควบคุม วิเคราะห์ และสั่งการระบบต่าง ๆ ภายในอาคาร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้อาคารประหยัดพลังงาน พัฒนาคุณภาพอากาศภายในอาคารให้ดีขึ้น
สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวอาคาร รวมถึงช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตให้ผู้ใช้อาคารด้วย
โดยขอยกตัวอย่างไฮไลท์นวัตกรรมสุดล้ำสมัยกลุ่มนี้ เช่น
“SCG HVAC Air Scrubber” ระบบบำบัดอากาศเสีย ทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคารดีขึ้น จากการดูดซับก๊าซพิษในอากาศภายในตึก พร้อมลดภาระการทำความเย็นของระบบปรับอากาศได้ประมาณ 20-30%
“SCG Bi-ion” ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ มีการทำงานด้วยการปล่อยอนุภาคประจุบวกและลบ ที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ รวมถึงช่วยลดฝุ่น PM10 - PM2.5
สุดท้าย “SCG IoT Sensing Thermostat” ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศไร้สายอัจฉริยะ ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการลดพลังงานของระบบปรับอากาศได้ตั้งแต่ 15-60% ขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานของอาคาร
เทคโนโลยีที่ เอสซีจี นำมาใช้ ไม่ได้จำกัดแค่การพัฒนานวัตกรรมสินค้า
แต่ เอสซีจี SCG เลือกจะปรับตัวสร้างปรากฏการณ์ในวงการค้าปลีกในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และที่อยู่อาศัย
ด้วยการนำ เทคโนโลยี กับ ช่องทางการขายทุกช่องทาง ผสานเข้ามาเป็นโลกใบเดียวกัน
เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้า และบริการเรื่องบ้าน ได้สะดวกสบายขึ้น
มีสินค้าครอบคลุมการสร้างบ้าน สร้างอาคารได้ทั้งหลัง
และมีบริการครบทั้งการต่อเติม ปรับปรุง ซ่อมแซม ดูแลรักษา หาช่าง ไปจนถึงวางงบประมาณกันเลยทีเดียว
มาดูกันว่า สมาร์ท รีเทล ของเอสซีจี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลได้แค่ไหน
เริ่มกันที่น้องใหม่อย่าง “SCG Smart Living Mall บน V-Avenue by AIS 5G” แหล่งรวมศูนย์การค้าเสมือนจริง
โดยเป็น Virtual Store สุดล้ำ ที่ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ซื้อสินค้ามิติใหม่ ผ่าน 5G Virtual Reality
นอกจากนี้ยังมี SCG HOME อีกขั้นของการเป็นผู้ช่วยเรื่องที่อยู่อาศัย
นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการค้าปลีก และดิจิทัลแพลตฟอร์มในเครือข่ายพาร์ทเนอร์ของ เอสซีจี
ที่จะมาช่วยให้คนทำบ้านเลือกซื้อสินค้า รวมถึงบริการเพื่อบ้านได้อย่างครบวงจร สะดวกสบาย และง่ายยิ่งขึ้น
ซึ่งมีเซอร์วิสโซลูชันตั้งแต่การออกแบบ สร้าง ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม จนถึงการดูแลรักษา
โดยขอยกตัวอย่างแอปพลิเคชัน “MY Home” ผู้ช่วยดูแลบ้าน ช่วยตรวจสุขภาพบ้าน
มาแนะนำการตรวจสอบว่าบ้านเรามีปัญหาตรงไหน
จนถึงบริการเสริมที่เราสามารถเรียกทีมงานเข้ามาทำความสะอาดบ้าน ซ่อมแซม หรือตกแต่ง
ถึงตรงนี้ถ้าถามว่า ลงทุนแมน มองเห็นอะไรจากงาน SCG Livin’novation 2022
นั่นคือ การไม่หยุดนิ่งที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาบริการด้านโซลูชัน ตัวสินค้า จนถึงช่องทางการขาย
โดยทุก ๆ การเคลื่อนไหวนั้น จะถูกตั้งต้นจากแนวโน้มการอยู่อาศัย และการก่อสร้างที่ เอสซีจี เล็งเห็นจาก Pain Point ของผู้บริโภค และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงเมกะเทรนด์ของโลก
รวมถึงการเปิดโอกาสในการทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอื่น ๆ ในการนำจุดแข็งมาร่วมสร้างนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาของลูกค้าในรูปแบบ Open Innovation
เพราะสุดท้ายแล้ว เอสซีจี เชื่อว่า ใครที่สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันได้นั้น
คนคนนั้น.. จะยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างยั่งยืน
เช่นเดียวกับ นวัตกรรมและโซลูชันเพื่อที่อยู่อาศัย และการก่อสร้างของเอสซีจี ที่ยืนหนึ่งมาถึง 109 ปีนั่นเอง..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon