รู้จัก Microsoft Viva ตัวช่วยที่จะเข้ามาเติมเต็มความสุขในการทำงาน ท่ามกลางโลกการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลง
รู้จัก Microsoft Viva ตัวช่วยที่จะเข้ามาเติมเต็มความสุขในการทำงาน ท่ามกลางโลกการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลง
Microsoft x ลงทุนแมน
Microsoft x ลงทุนแมน
จากวันแรกที่โลกของเรารู้จักกับ โควิด 19 เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนมาจนถึงวันนี้ ทำให้เราต้องทำงานแบบสลับไปมา ระหว่างการเข้าออฟฟิศ กับการทำงานที่บ้าน
และจากการกลายพันธุ์นับครั้งไม่ถ้วนของโควิด 19
ไม่ว่าจะเป็นสายพันธ์ุ Delta หรือล่าสุดอย่างสายพันธุ์ Omicron
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า เราจะสามารถกลับมาทำงานแบบปกติกันได้อีกครั้งเมื่อไร
ไม่ว่าจะเป็นสายพันธ์ุ Delta หรือล่าสุดอย่างสายพันธุ์ Omicron
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า เราจะสามารถกลับมาทำงานแบบปกติกันได้อีกครั้งเมื่อไร
ทีนี้ เมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องทำงานที่บ้าน
ทำให้เราต้องมองหาเครื่องมือต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น การประชุมแบบวิดีโอคอลผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ
หรือการทำงานเอกสารร่วมกันผ่านคลาวด์
ทำให้เราต้องมองหาเครื่องมือต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น การประชุมแบบวิดีโอคอลผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ
หรือการทำงานเอกสารร่วมกันผ่านคลาวด์
แต่แม้จะมีเครื่องมือเพียบพร้อมในการทำงานมากแค่ไหนก็ตาม
กลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ค่อย ๆ ลดลงไปโดยที่หลายคนแทบไม่รู้ตัว นั่นก็คือ “ความสุขในการทำงาน”
กลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ค่อย ๆ ลดลงไปโดยที่หลายคนแทบไม่รู้ตัว นั่นก็คือ “ความสุขในการทำงาน”
ซึ่งความสุขในการทำงานที่ลดลงนี้เอง คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์
“The Great Resignation” หรือ การลาออกครั้งใหญ่
และเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และกำลังเกิดขึ้นในประเทศโซนยุโรป
“The Great Resignation” หรือ การลาออกครั้งใหญ่
และเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และกำลังเกิดขึ้นในประเทศโซนยุโรป
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ? แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่า คนอเมริกัน 4.4 ล้านคน ลาออกจากงานที่ทำอยู่ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คือ ความสุขในการทำงานที่หายไป
ซึ่งเกิดมาจากหลาย ๆ สาเหตุ เช่น การหมดไฟในงานที่ทำอยู่, การไม่มีความสมดุลระหว่างงานกับเวลาชีวิตส่วนตัว
ซึ่งเกิดมาจากหลาย ๆ สาเหตุ เช่น การหมดไฟในงานที่ทำอยู่, การไม่มีความสมดุลระหว่างงานกับเวลาชีวิตส่วนตัว
และแน่นอนว่าด้วยระยะห่างที่มากขึ้น สิ่งที่หายไปคือ Human Touch หรือ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน
โดยจากการสำรวจ Work Trend Index ของไมโครซอฟท์ใน 31 ประเทศทั่วโลก
พบว่าคนที่ทำงานแบบ WFH เกือบ 60% รู้สึกว่า
การทำงานร่วมกันแบบที่มี “Human Touch” ลดลงจากแต่ก่อน
แม้จะมีการติดต่อสื่อสารกันในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น เช่น การแช็ต หรือการวิดีโอคอลมากขึ้น
พบว่าคนที่ทำงานแบบ WFH เกือบ 60% รู้สึกว่า
การทำงานร่วมกันแบบที่มี “Human Touch” ลดลงจากแต่ก่อน
แม้จะมีการติดต่อสื่อสารกันในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น เช่น การแช็ต หรือการวิดีโอคอลมากขึ้น
ซึ่งหากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในระยะยาว คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน
แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ?
ทำอย่างไร จึงจะช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ในยุคที่ต้องทำงานแบบไฮบริด ?
ทำอย่างไร จึงจะช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ในยุคที่ต้องทำงานแบบไฮบริด ?
หนึ่งในคำตอบของปัญหานี้คือ การใส่ใจกับ Employee Experience ให้มากขึ้น
และด้วยความเข้าใจในปัญหานี้ ทำให้ Microsoft ได้เปิดให้บริการ “Microsoft Viva” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานร่วมกับ Microsoft Teams ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
และจะเข้ามาต่อยอดในการสร้าง Employee Experience ให้สมบูรณ์ไปอีกขั้น
และจะเข้ามาต่อยอดในการสร้าง Employee Experience ให้สมบูรณ์ไปอีกขั้น
โดย Microsoft Viva สามารถเข้ามาตอบโจทย์เรื่อง Employee Experience ได้ใน 5 ด้านที่สำคัญด้วยกัน
1. Communications ผ่าน Viva Connections
ช่วยให้พนักงานรู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวภายในองค์กร ร่วมพูดคุยและแชร์ความคิดเห็น และรวบรวมข้อมูลสำคัญในชีวิตพนักงานมาไว้ในที่เดียว เช่น วันลา, การเบิกจ่าย, บริการในองค์กร
นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันเดิมที่ฝ่าย HR ใช้อยู่แล้วได้
จึงทำให้ทำงานได้สะดวกสบาย และดูแลพนักงานได้อย่างง่ายดายและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
จึงทำให้ทำงานได้สะดวกสบาย และดูแลพนักงานได้อย่างง่ายดายและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
2. Knowledge และ Resources ผ่าน Viva Topics
ซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งที่รวบรวมข้อมูลและแหล่งความรู้จากทั่วทั้งองค์กร
มาให้พนักงานค้นหาและค้นคว้าได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยใช้ AI เป็นตัวช่วย
ซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งที่รวบรวมข้อมูลและแหล่งความรู้จากทั่วทั้งองค์กร
มาให้พนักงานค้นหาและค้นคว้าได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยใช้ AI เป็นตัวช่วย
เช่น การหาความหมายของคำศัพท์เฉพาะที่เราใช้กันในแค่องค์กรของเรา,
การค้นหาพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง
การค้นหาพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง
ทำให้พนักงานเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้เต็มที่และราบรื่นยิ่งขึ้น
3. Learning ผ่าน Viva Learning
จากผลสำรวจของ LinkedIn ระบุว่าพนักงานกว่า 94% อาจเลือกอยู่กับองค์กรนั้นนานขึ้น ถ้าองค์กรมีการลงทุนกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน
ซึ่ง Viva Learning เปรียบเสมือนศูนย์กลางของการเรียนรู้สามารถเข้ามาตอบโจทย์จุดนี้ได้
โดยมีการรวมคอนเทนต์และคอร์สเรียนจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น LinkedIn Learning, Coursera มาเสิร์ฟเรื่องที่แต่ละคนอยากเรียนรู้ให้ถึงหน้าจอ
โดยมีการรวมคอนเทนต์และคอร์สเรียนจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น LinkedIn Learning, Coursera มาเสิร์ฟเรื่องที่แต่ละคนอยากเรียนรู้ให้ถึงหน้าจอ
4. Insights ผ่าน Viva Insights
จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถเข้าใจแนวทางการทำงานของแต่ละคนได้มากขึ้น ผ่านข้อมูลและสถิติในการทำงานต่าง ๆ
เช่น เราใช้เวลาในการทำงานติดต่อกันกี่ชั่วโมงต่อวัน, ในหนึ่งสัปดาห์เราเข้าประชุมทั้งหมดกี่ครั้ง
เช่น เราใช้เวลาในการทำงานติดต่อกันกี่ชั่วโมงต่อวัน, ในหนึ่งสัปดาห์เราเข้าประชุมทั้งหมดกี่ครั้ง
ซึ่งเราสามารถใช้ข้อมูลตรงนี้ มาปรับแนวทางการทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีความสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตที่มากขึ้นด้วย
โดยฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Microsoft Teams ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
เรียกได้ว่า Microsoft Viva ทำให้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงาน สามารถผสมผสานเข้ากับชีวิตการทำงานในแต่ละวันได้อย่างลงตัว
เรียกได้ว่า Microsoft Viva ทำให้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงาน สามารถผสมผสานเข้ากับชีวิตการทำงานในแต่ละวันได้อย่างลงตัว
ในการที่จะทำให้องค์กรเดินไปข้างหน้าได้นั้น จะประกอบด้วยปัจจัยหลายส่วนด้วยกัน แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า พนักงานเองเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ เปรียบเสมือนหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กร
ซึ่งพนักงานนั้น ต่างจากเครื่องจักรที่ต้องการ การดูแลเพียงแค่ภายนอก
แต่สำหรับพนักงาน ที่มีทั้งอารมณ์และความรู้สึก
ทำให้ต้องการ “การดูแล” ทั้งภายนอกและภายใน
ซึ่งหมายถึง สภาพจิตใจ, ความรู้สึกที่ได้ตื่นขึ้นมาทำงานในแต่ละวัน
หรือแม้แต่คุณภาพชีวิต และการสัมผัสได้ถึง “คุณค่า” ที่องค์กรมองเห็นในตัวพนักงาน
แต่สำหรับพนักงาน ที่มีทั้งอารมณ์และความรู้สึก
ทำให้ต้องการ “การดูแล” ทั้งภายนอกและภายใน
ซึ่งหมายถึง สภาพจิตใจ, ความรู้สึกที่ได้ตื่นขึ้นมาทำงานในแต่ละวัน
หรือแม้แต่คุณภาพชีวิต และการสัมผัสได้ถึง “คุณค่า” ที่องค์กรมองเห็นในตัวพนักงาน
หากเราลองดูบริษัทระดับโลก สิ่งหนึ่งที่บริษัทเหล่านี้ให้ความสำคัญมากที่สุดเหมือน ๆ กันก็คือ “ความสุขของพนักงาน” ภายใต้แนวคิดที่ว่า หากสามารถทำให้พนักงานมีความสุขในทุก ๆ วันที่เข้ามาทำงาน ก็จะสามารถทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
สุดท้ายแล้วอาจพูดได้ว่า ความสุขของพนักงาน เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้บริษัทเติบโตได้ นั่นเอง..
องค์กรไหนที่ต้องการสร้างความสุขให้กับพนักงานด้วยประสบการณ์ที่ดีกว่า สามารถสอบถามเกี่ยวกับ Microsoft Viva ได้ที่ โทร. 1800-012-821