มหากาพย์ โดริโทส

มหากาพย์ โดริโทส

มหากาพย์ โดริโทส /โดย ลงทุนแมน
ตั้งแต่ลงทุนแมนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจขนมมา เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สนุกที่สุด ซึ่งเราจะไม่มีทางเดาได้เลยว่า โดริโทส เกิดขึ้นมาได้อย่างไร จนกว่าจะอ่านบทความนี้จบ
แนะนำให้อ่านดู รับรองว่าจะวางไม่ลง
หลายคนอาจจะคิดว่า Lay’s, Doritos และ Cheetos คือแบรนด์ขนมอบกรอบที่กำลังแข่งขันกันในหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก
แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่แบบนั้นเพราะแบรนด์ทั้งหมดนี้ผลิตมาจากบริษัทเดียวกัน นั่นก็คือ “Frito-Lay”
ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือ PepsiCo ผู้ผลิตเป๊ปซี่และเครื่องดื่มชื่อดังอีกหลายยี่ห้อ
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น บริษัท Frito-Lay เกิดมาจากการควบรวมกิจการของ 2 บริษัท
บริษัทแรก ชื่อว่า H.W. Lay & Co. ที่มีผลิตภัณฑ์หลักอย่างมันฝรั่งทอดกรอบยี่ห้อ Lay’s
บริษัทที่สอง ชื่อว่า The Frito Co. ที่ใช้ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบหลักของขนมอบกรอบหลากหลายยี่ห้อ
โดยขนม 3 ใน 4 ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดของ Frito-Lay
ซึ่งก็ได้แก่ Fritos, Doritos และ Cheetos ล้วนถูกคิดค้นโดยบริษัท The Frito Co.
แล้วจุดเริ่มต้นของขนมอบกรอบเหล่านี้มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปกว่า 90 ปีก่อน ในช่วงทศวรรษ 1930s ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
ครอบครัว Doolin ได้เปิดร้านขายขนมหวานขนาดเล็กที่ชื่อว่า The Highland Park
โดยมีสินค้าหลักคือไอศกรีม ที่ทางร้านซื้อมาจากซัปพลายเออร์ 2 เจ้า
แต่พอเริ่มกิจการได้ไม่นาน เหล่าซัปพลายเออร์ไอศกรีมก็แข่งกันตัดราคาขายเพื่อแย่งชิงลูกค้า ส่งผลให้ไอศกรีมมีคุณภาพลดลง จนทำให้ยอดขายของทางร้านลดลงตามไปด้วยและยังถูกซ้ำเติมด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ของสหรัฐอมริกา
หนึ่งในลูกชายของครอบครัวนี้ที่ชื่อว่า “Charles Elmer Doolin” จึงพยายามคิดหาไอเดียขนมชนิดใหม่ ที่จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ของทางร้านได้ แต่ยังคงไม่เจอไอเดียที่เจ๋งมากพอ
Doolin ในวัย 29 ปี จึงตัดสินใจไปทำงานที่บริษัทไอศกรีมชื่อดังซึ่งอยู่อีกเมือง
ระหว่างการเดินทาง เขาก็ได้พบเข้ากับร้านขายขนมอบกรอบในปั๊มน้ำมัน
ที่ตัวขนมมีรสชาติอร่อยจน Doolin ติดใจ เขาจึงเปลี่ยนใจมาทำงานที่ร้านแผงลอยแห่งนี้แทน
เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นชาวเม็กซิกัน ขายขนมอบกรอบที่เรียกว่า Corn Chips หรือคือขนมแผ่นทอดกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าปรุงรสด้วยเกลือ ซึ่งทำมาจากเมล็ดข้าวโพดที่นำมาบดละเอียดจนคล้ายแป้ง
แต่แม้ว่า Corn Chips จะขายดีมาก เจ้าของร้านชาวเม็กซิกันอยากกลับไปสอนฟุตบอลที่ประเทศตัวเองมากกว่า จึงประกาศขายกิจการ
นั่นจึงทำให้ Doolin สนใจซื้อกิจการต่อในทันที แต่เขามีเงินไม่พอ แต่โชคยังดีที่แม่ของเขาก็สนใจ Corn Chips และมองว่าน่าจะขายดี จึงช่วยสนับสนุนเรื่องเงินให้
Doolin ได้ตั้งชื่อกิจการ Corn Chips ของตัวเองว่า “Fritos” ที่แปลว่า ของทอด ในภาษาสเปน
Fritos ได้กลายมาเป็นกิจการใหม่ของครอบครัว Doolin
โดยเริ่มจากผลิตขนมในครัวที่บ้านและออกไปตระเวนเสนอสินค้าให้กับเจ้าของร้านค้า เพื่อให้วางขาย Fritos ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานยากพอควร เพราะในขณะนั้น Corn Chips ไม่ได้มีเพียง Fritos ยี่ห้อเดียว
แต่ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ Doolin ติดใจขนมตัวนี้จนต้องขอเข้าไปทำงานด้วย เพราะสูตรขนมนี้มีรสชาติอร่อย ทำให้ขายดีจนผลิตไม่ทัน
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ Fritos เปลี่ยนจากกิจการขนมทำมือในครอบครัว มาเป็นการผลิตที่เริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง โดย Doolin และพี่ชายที่มีความรู้ด้านเครื่องจักรกลอยู่แล้ว ได้ช่วยกันประดิษฐ์เครื่องบดข้าวโพดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผลิตขนมได้เร็วกว่าการใช้เครื่องบดมือแบบเดิม
จนมาถึงช่วงทศวรรษ 1950s กิจการ Fritos ขยายการผลิตจากครัวที่บ้านมาสู่โรงงาน 2 แห่ง ที่เมืองดัลลัสและทัลซา ซึ่งได้ต้นแบบมาจากระบบสายพานที่ Henry Ford นำมาใช้ผลิตรถยนต์ รวมไปถึงได้มีไร่ปลูกข้าวโพดเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพวัตถุดิบสำคัญให้มีรสชาติดีที่สุด
ในช่วงเวลานั้นเอง Doolin ก็เริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสริม หลังจากลองผิดลองถูกในครัวที่บ้านอยู่สักพัก ก็ได้ออกมาเป็น “Cheetos” ที่ยังคงทำมาจากข้าวโพดเหมือนเดิม แต่ให้รสสัมผัสที่ฟูกว่า และให้รสชาติด้วยชีสแทนเกลือ
โดย Cheetos ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก จน Doolin อยากขยายตลาดไปทั่วประเทศ
แต่ด้วยกำลังการผลิตที่บริษัทมีอยู่ตอนนั้นยังไม่เพียงพอและยังไม่มีช่องทางจัดจำหน่ายรองรับมากพอ Doolin จึงไปขอเป็นพาร์ตเนอร์กับคุณ Herman W. Lay ที่เป็นเจ้าของบริษัท H.W. Lay & Co.
Lay เริ่มขายมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบในช่วงเดียวกับที่ Doolin เริ่มขาย Fritos แต่ Lay ได้ลงทุนซื้อโรงงานและบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อขยายกำลังการผลิตไปก่อนแล้ว จึงมีความพร้อมในด้านที่ Doolin ต้องการพอดี
ความสำเร็จของ Lay ก็ต้องบอกว่ามาจากความสามารถทางธุรกิจของคุณ Herman W. Lay ที่ทำให้มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบธรรมดาโดดเด่นขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการตลาด โดย Lay คือบริษัทขนมอบกรอบแรก ที่ซื้อโฆษณาทางโทรทัศน์และจ้างพรีเซนเตอร์ที่เป็นเซเลบริตีในปี 1944
หรืออย่างการคิดค้นรสชาติที่หลากหลาย อย่างรสบาร์บิคิวที่เริ่มขายช่วงปลายทศวรรษ 1950s และรสซาวร์ครีมและหัวหอมที่เริ่มขายช่วงปลายทศวรรษ 1970s มาจนถึงปัจจุบันที่ได้พัฒนารสชาติไปแล้วมากกว่า 200 รส
หลังจากได้เป็นพาร์ตเนอร์กับ H.W. Lay & Co. แล้ว Cheetos จึงได้เริ่มวางขายไปทั่วประเทศในปี 1948
และความสำเร็จของ Cheetos ก็ได้ทำให้ในปี 1961 บริษัท Fritos และ H.W. Lay & Co. ตัดสินใจควบรวมกิจการกัน และใช้ชื่อใหม่ว่า “Frito-Lay”
ก่อนที่ปี 1965 Frito-Lay จะควบรวมกิจการกับบริษัท Pepsi-Cola ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น PepsiCo ในปัจจุบัน
และนับตั้งแต่นั้นมา Frito-Lay ก็ถือเป็นบริษัทในเครือ PepsiCo นั่นเอง

แต่นอกจากโรงงานผลิตขนมอบกรอบแล้ว Doolin ยังสนใจเปิดร้านอาหารด้วย
ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ Disneyland เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการพอดี
Doolin จึงเลือกเปิดร้านอาหารในสถานที่แห่งนี้
ในปี 1955 กิจการร้านอาหารมีชื่อว่า Casa de Fritos จึงเริ่มต้นขึ้น
โดยเน้นขายอาหารแนวฟิวชันเม็กซิกันอเมริกันและมีเมนูที่ใช้ Fritos เป็นส่วนประกอบหลักอยู่ด้วย
ส่วนวัตถุดิบหลักชนิดอื่นอย่างเช่นแป้งตอร์ติยา ทางร้านเลือกซื้อจากบริษัท Alex Foods
อยู่มาวันหนึ่งในปี 1960 พนักงานขายจาก Alex Foods เห็นว่าทางร้านต้องทิ้งแป้งตอร์ติยาที่ไม่สดแล้วในปริมาณมาก
พนักงานขายคนนั้นเลยขอลองเอาแป้งตอร์ติยาเหล่านั้นมาตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดพอดีคำ
แล้วนำไปทอด และพอได้ลองชิม ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย
เพราะแป้งตอร์ติยานั้น แม้จะทำมาจากข้าวโพดเหมือนกัน
แต่ถูกนำไปอบมาแล้ว พอนำมาทอดจึงให้รสสัมผัสที่กรอบกว่า Fritos
ร้าน Casa de Fritos จึงนำแป้งตอร์ติยาทอดไปใส่เป็นเมนูประจำ ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาก
ซึ่งผู้ที่เล็งเห็นกระแสตอบรับที่ดีนี้ก็คือคุณ “Arch West” ที่เพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้บริหารด้านการตลาด ให้ Fritos ในปีนั้นเอง
และการที่คุณ Arch West ได้มาเจอกับแป้งตอร์ติยาทอดกรอบทรงสามเหลี่ยม ก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ทำให้รายได้ของบริษัท เปลี่ยนจากหลักพันล้านบาทมาเป็นหมื่นล้านบาท
ในตอนนั้นบริษัท Frito-Lay มีสินค้าหลัก 4 ยี่ห้อ นั่นก็คือ Fritos, Cheetos, Ruffles และ Lay’s ที่สร้างรายได้ให้บริษัทราว 4 พันล้านบาทต่อปี
West เล็งเห็นโอกาสในแป้งตอร์ติยาทอดกรอบ ที่น่าจะกลายมาเป็นสินค้าขายดีชนิดใหม่ได้
จึงเสนอไอเดียนี้ให้กับทางบริษัท และตั้งชื่อว่า “Doritos” และเริ่มขายในปี 1966 ด้วยรส Toasted Corn
West ยังสังเกตว่าขนมของ Frito-Lay ในขณะนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรสธรรมดา ซึ่งก็คือเกลือและชีส
เขาจึงอยากสร้างความแตกต่างให้กับ Doritos ด้วยการปรุงรส
ไอเดียสุดล้ำที่ West ไปนำเสนอก็คือ Doritos รส Taco หรือ ตาโก
ซึ่งเป็นชื่ออาหารเม็กซิกันชนิดหนึ่ง นั่นจึงทำให้เขาโดนหัวเราะใส่
เพราะทุกคนบอกว่านั่นมันเป็นชนิดอาหาร ไม่ใช่รสชาติ
ซึ่งที่รสตาโกดูเป็นเรื่องตลกในสมัยนั้นก็เพราะว่าเทคโนโลยีด้านรสชาติยังไม่ค่อยก้าวหน้า
คนอเมริกันเพิ่งเริ่มรู้จักขนมอบกรอบอยู่ไม่กี่รสชาติ เช่น รสบาร์บิคิวและซาวร์ครีม
แต่ต้องขอบคุณความไม่ย่อท้อของ West ที่ยังคงผลักดันและหาทางทดลองจนทำให้เกิด Doritos รสตาโกขึ้นมาได้สำเร็จ และกลายมาเป็นรสชาติที่สร้างความตื่นเต้นไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทันทีที่เริ่มขายในปี 1967
ซึ่งรสตาโกนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนารสชาติต่อมาของ Doritos อย่างรส Nacho Cheese หรือก็คือ Doritos ซองสีแดงที่เราคุ้นเคย ที่เริ่มผลิตในปี 1972 และกลายเป็นรสชาติเอกลักษณ์ของ Doritos มาจนถึงปัจจุบัน และ Doritos ก็ได้กลายมาเป็นขนมขายดี 3 อันดับแรกของบริษัท Frito-Lay
ปัจจุบัน Frito-Lay มีขนมกว่า 29 ยี่ห้อ ที่สร้างรายได้ต่อปีกว่า 5 แสนล้านบาท
คิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท PepsiCo
ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากการออกเดินทางของ Doolin ที่ต้องการหาไอเดียพัฒนาแบรนด์ขนมเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ได้กลายมาเป็นบริษัทเจ้าของขนมอบกรอบอย่าง Frito-Lay ที่ขายดีทั่วทุกมุมโลกและสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างยาวนาน
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
Cheetos ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1948 แต่รู้หรือไม่ว่ารสชาติที่ขายดีที่สุด ก็คือรส Hot Cheetos
คิดค้นโดยภารโรงที่มีชื่อว่า Richard Martinez
Martinez เป็นชาวเม็กซิกันที่เลิกเรียนต่อตอน ป.4 เพราะอ่านเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้
เมื่ออายุ 18 ปี เพื่อนของเขาก็ได้ชวนมาทำงานเป็นภารโรงในโรงงานของ Frito-Lay
CEO ของทางบริษัทในขณะนั้น ได้มีนโยบายให้พนักงานทุกคนทำงานเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของกิจการซึ่งพอทาง Martinez ปิ๊งไอเดียรส Hot Cheetos ขึ้นมา เขาก็ได้โทรไปหาเลขาฯ CEO
โดย CEO ก็รับฟังแต่โดยดีและก็ได้นำไปพรีเซนต์ให้กับทีมผู้บริหารฟัง
สรุปแล้ว ไอเดียของ Martinez ได้รับผลตอบรับดีถล่มทลาย จนสามารถขยายการผลิตไปได้ ทั่วประเทศ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/doritos-are-from-disneyland-garbage-the-surprising-history-2014-5
-https://www.insider.com/fun-facts-about-cheetos-snacks-2020-7
-https://www.insider.com/lays-fun-facts-potato-chips-2018-11
-https://www.mashed.com/233073/the-untold-truth-of-fritos/
-https://www.fritolay.com/about-frito-lay/company-story
-https://en.wikipedia.org/wiki/Frito-Lay#H.W._Lay_&_Company
-https://www.foodbusinessnews.net/articles/17933-snacks-success-helps-offset-beverage-challenges-at-pepsico
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon