ศรีนานาพร บริษัทขนมและเครื่องดื่มที่เราคุ้นเคย กำลังจะ IPO
ศรีนานาพร บริษัทขนมและเครื่องดื่มที่เราคุ้นเคย กำลังจะ IPO
ศรีนานาพร X ลงทุนแมน
ศรีนานาพร X ลงทุนแมน
หากพูดถึง เจเล่ เบนโตะ หรือ ขนมขาไก่ตราโลตัส เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันดี
เพราะนี่คือขนมในวัยเด็กที่หลาย ๆ คนชอบซื้อทานเป็นประจำ
เพราะนี่คือขนมในวัยเด็กที่หลาย ๆ คนชอบซื้อทานเป็นประจำ
โดยเจ้าของ 3 แบรนด์นี้ก็คือบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
ที่ปัจจุบันมีตราสินค้าอยู่ในมือมากกว่า 10 แบรนด์ ที่ไม่ได้ทำตลาดเฉพาะในเมืองไทย
แต่ยังขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV อย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ที่ปัจจุบันมีตราสินค้าอยู่ในมือมากกว่า 10 แบรนด์ ที่ไม่ได้ทำตลาดเฉพาะในเมืองไทย
แต่ยังขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV อย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดก็คือ บริษัทแห่งนี้ เตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้วยการยื่นหนังสือต่อ ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น ในช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น
ด้วยการยื่นหนังสือต่อ ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น ในช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น
แล้วบริษัทแห่งนี้มีวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างไรให้เติบโตจนกลายเป็นบริษัท “มหาชน”
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่า จุดเริ่มต้นของบริษัท ศรีนานาพร คือการเป็น ยี่ปั๊ว กระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่าง ๆ
แต่ด้วยธรรมชาติของธุรกิจนี้มีกำไรบางเฉียบ ก็เลยผันตัวเองเป็นผู้ผลิตสินค้า
ทำให้ปี พ.ศ. 2520 บริษัทฯ ตัดสินใจเช่าตึกแถวเล็ก ๆ ย่านบางแคผลิต “เมล็ดแตงโม” ขาย
แต่ด้วยธรรมชาติของธุรกิจนี้มีกำไรบางเฉียบ ก็เลยผันตัวเองเป็นผู้ผลิตสินค้า
ทำให้ปี พ.ศ. 2520 บริษัทฯ ตัดสินใจเช่าตึกแถวเล็ก ๆ ย่านบางแคผลิต “เมล็ดแตงโม” ขาย
จากนั้นก็เริ่มผลิตสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ
โดยสินค้าประเภทเครื่องดื่ม ก็จะมีแบรนด์ เจเล่, ไดยาโมโตะ, เมจิกฟาร์มเฟรช, อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์ ฯลฯ
ประเภทขนมขบเคี้ยวก็จะมีปลาหมึกแผ่น เบนโตะ, ทาโกะ, ขนมขาไก่ตราโลตัส, ช๊อคกี้, เบเกอรี่เฮาส์ และดอกบัว
โดยสินค้าประเภทเครื่องดื่ม ก็จะมีแบรนด์ เจเล่, ไดยาโมโตะ, เมจิกฟาร์มเฟรช, อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์ ฯลฯ
ประเภทขนมขบเคี้ยวก็จะมีปลาหมึกแผ่น เบนโตะ, ทาโกะ, ขนมขาไก่ตราโลตัส, ช๊อคกี้, เบเกอรี่เฮาส์ และดอกบัว
ที่น่าสนใจคือ แต่ละแบรนด์ก็จะถูกวางคาแรคเตอร์ไว้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น เจเล่ แม้อยู่ในตลาดมานาน 20 ปี แต่เรากลับรู้สึกว่า แบรนด์นี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย
ก็ยังดูเป็นสาววัยรุ่นสมัยใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และดูเข้าถึงง่าย
ยกตัวอย่างเช่น เจเล่ แม้อยู่ในตลาดมานาน 20 ปี แต่เรากลับรู้สึกว่า แบรนด์นี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย
ก็ยังดูเป็นสาววัยรุ่นสมัยใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และดูเข้าถึงง่าย
หรือจะเป็น เบนโตะ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เราก็รู้สึกว่านี่คือแบรนด์ปลาหมึกที่ดูทันสมัย
มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน แต่ทานเล่นอร่อยไม่รู้จักเบื่อ
มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน แต่ทานเล่นอร่อยไม่รู้จักเบื่อ
ที่น่าสนใจ หากแบรนด์ไหนประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย
ก็จะถูกนำมาต่อยอดไปสู่สินค้าอื่น ๆ อย่างล่าสุดก็คือการใช้แบรนด์ เจเล่
ต่อยอดไปธุรกิจน้ำดื่มผสมวิตามินที่ชื่อว่า “เจเล่ อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์”
หรือแม้แต่ เบนโตะ ที่เริ่มต้นคือปลาหมึกแผ่นอบกรอบ
ก็ถูกต่อยอดเป็น ปลาเส้นเบนโตะ จนถึงอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า “เบนโตะ เอ็กซ์ตร้าลอง”
ก็จะถูกนำมาต่อยอดไปสู่สินค้าอื่น ๆ อย่างล่าสุดก็คือการใช้แบรนด์ เจเล่
ต่อยอดไปธุรกิจน้ำดื่มผสมวิตามินที่ชื่อว่า “เจเล่ อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์”
หรือแม้แต่ เบนโตะ ที่เริ่มต้นคือปลาหมึกแผ่นอบกรอบ
ก็ถูกต่อยอดเป็น ปลาเส้นเบนโตะ จนถึงอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า “เบนโตะ เอ็กซ์ตร้าลอง”
จะเห็นได้ว่าจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว
ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับตัวเรา
ทั้งยังพัฒนาแบรนด์ให้มีความหลากหลาย
เรื่องสุดท้ายก็คือ การกำหนดราคาขายที่เข้าถึงง่าย
นับเป็นวิธีการสร้างอัตราความถี่ให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำเรื่อย ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับตัวเรา
ทั้งยังพัฒนาแบรนด์ให้มีความหลากหลาย
เรื่องสุดท้ายก็คือ การกำหนดราคาขายที่เข้าถึงง่าย
นับเป็นวิธีการสร้างอัตราความถี่ให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำเรื่อย ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
พอเป็นแบบนี้ ก็ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่อง
จากในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ บริษัท ศรีนานาพร มีรายได้แค่หลักสิบล้านบาท
แต่ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้มีรายได้ 4,393 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท
จากในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ บริษัท ศรีนานาพร มีรายได้แค่หลักสิบล้านบาท
แต่ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้มีรายได้ 4,393 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเติบโตตรงนี้ คงไม่ใช่แค่การสร้างสินค้าที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเข้าถึงง่าย
เพราะคำว่า “ใกล้ตัว” ก็คือ “ต้องหาซื้อได้ทุกที่ และทุกเวลา”
เพราะคำว่า “ใกล้ตัว” ก็คือ “ต้องหาซื้อได้ทุกที่ และทุกเวลา”
โดยบริษัทแห่งนี้มีทีมกระจายสินค้าที่เก่งกาจระดับต้น ๆ ของประเทศไทย
ที่สามารถกระจายสินค้าของบริษัทฯ ผ่านช่องทางการจำหน่ายแบบร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade)
ช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ผ่านระบบอี-คอมเมอร์ส (E-commerce)
และผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (Vending Machines) ที่มีกระจายอยู่ประมาณ 16,500 จุดทั่วประเทศ
ที่สามารถกระจายสินค้าของบริษัทฯ ผ่านช่องทางการจำหน่ายแบบร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade)
ช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ผ่านระบบอี-คอมเมอร์ส (E-commerce)
และผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (Vending Machines) ที่มีกระจายอยู่ประมาณ 16,500 จุดทั่วประเทศ
หลายคนอาจคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะสร้างยอดขายได้มหาศาล
แต่รู้หรือไม่ว่า ศรีนานาพร ยังถือหุ้นอยู่ 50.01% ในบริษัท สิริ โปร จำกัด
แต่รู้หรือไม่ว่า ศรีนานาพร ยังถือหุ้นอยู่ 50.01% ในบริษัท สิริ โปร จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับทางบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด และผู้บริหารของบริษัท สิริ โปร จำกัด
โดยธุรกิจหลักคือการกระจายสินค้าทั้งร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ
ปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ถึง 11 แห่งเลยทีเดียว
โดยธุรกิจหลักคือการกระจายสินค้าทั้งร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ
ปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ถึง 11 แห่งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ สิริโปร ยังมีทีมหน่วยรถเงินสดประมาณ 170 คัน
ซึ่งจะทำให้สิริโปรมีความสามารถในการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า
เพื่อรองรับร้านค้าส่งประมาณ 3,600 ร้านค้า ในช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม
ซึ่งจะทำให้สิริโปรมีความสามารถในการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า
เพื่อรองรับร้านค้าส่งประมาณ 3,600 ร้านค้า ในช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม
นั่นแปลว่า ต่อจากนี้สินค้าทั้งหมดของบริษัท ศรีนานาพร
ก็จะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น ตามช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้น นั่นเอง
ก็จะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น ตามช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้น นั่นเอง
โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ นับเป็นอะไรที่น่าจับตามอง
เพราะศรีนานาพรต้องการเป็นบริษัทเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่ยืนแถวหน้าในภูมิภาคอาเซียน
และก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น โฟกัสแรกคือต้องประสบความสำเร็จ
ในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เสียก่อน
โดยข้อมูลจากแนวโน้มของประชากรโลก 2560, สหประชาชาติ (UN) เผยว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้
ทั้งรายได้ประชากรและกำลังซื้อเติบโตทุก ๆ ปี
ขณะเดียวกันวิถีชีวิตความเป็นเมืองก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ไลฟ์สไตล์ต้องเร่งรีบ
ดังนั้นการทานอาหารและเครื่องดื่มแบบพร้อมรับประทาน จึงกลายเป็นเทรนด์นิยมในเวลานี้
เพราะศรีนานาพรต้องการเป็นบริษัทเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่ยืนแถวหน้าในภูมิภาคอาเซียน
และก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น โฟกัสแรกคือต้องประสบความสำเร็จ
ในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เสียก่อน
โดยข้อมูลจากแนวโน้มของประชากรโลก 2560, สหประชาชาติ (UN) เผยว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้
ทั้งรายได้ประชากรและกำลังซื้อเติบโตทุก ๆ ปี
ขณะเดียวกันวิถีชีวิตความเป็นเมืองก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ไลฟ์สไตล์ต้องเร่งรีบ
ดังนั้นการทานอาหารและเครื่องดื่มแบบพร้อมรับประทาน จึงกลายเป็นเทรนด์นิยมในเวลานี้
แน่นอนว่านี่คือโอกาสในการทำธุรกิจที่เปิดกว้างให้บริษัท ศรีนานาพร
สร้างยอดขายเติบโตในตลาด CLMV
สร้างยอดขายเติบโตในตลาด CLMV
ตรงนี้เองที่น่าจะเป็นเหตุผลในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่เงินส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม
อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน
และส่วนสุดท้ายก็จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ที่เงินส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม
อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน
และส่วนสุดท้ายก็จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าการเติบโตของ ศรีนานาพร เป็นอะไรที่เกินคาด
เพราะจากจุดเริ่มต้นธุรกิจที่เป็น ยี่ปั๊ว รายเล็ก ๆ พร้อมกับฝันอยากมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง
เพราะจากจุดเริ่มต้นธุรกิจที่เป็น ยี่ปั๊ว รายเล็ก ๆ พร้อมกับฝันอยากมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง
มาวันนี้ บริษัท ศรีนานาพร เดินมาไกลกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้
เมื่อหลาย ๆ แบรนด์ที่สร้างมาประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศ
แต่กำลังวางรากฐานไปยังตลาดต่างประเทศ
เป็นเส้นทางธุรกิจที่กำลังเดินทางไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนนั่นเอง...
เมื่อหลาย ๆ แบรนด์ที่สร้างมาประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศ
แต่กำลังวางรากฐานไปยังตลาดต่างประเทศ
เป็นเส้นทางธุรกิจที่กำลังเดินทางไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนนั่นเอง...